Profile

ส่วนตัวเคยใช้สบู่ยี่ห้อนี้ตั้งแต่ยังมีแต่เป็นก้อน ๆ พอเค้าปรับโฉมเป็นแนวสบู่เหลว รุ่นแรกที่เป็นสีชมพูเราว่าก็หอมดีแต่ใช้ไปนาน ๆ ก็จะแอบฉุนไปหน่อย พอเป็นสีส้ม กลิ่นส้มนี่โอเคเลย สดชื่นมาก เราเอาไปออกกำลังกายด้วย อาบเสร็จคือหอมทั้งห้องน้ำเลย ชอบที่ให้ความรู้สึกเฟรชหลังออกกำลังได้ดี ล้างออกง่าย รู้สึกเนื้อตัวสะอาดแต่ไม่แห้งตึง ราคาก็ดี ขวดสีส้มน่ารักมาก ไม่หนักมากด้วย ชอบค่ะ 

ลิปถูกและดีค่ะ ส่วนตัวซื้อมาใช้กันตายเวลารีบ ๆ เราได้มาราคา 119 ซื้อบนบีทีเอส สีเบอร์ 3 (pink seaweed) ให้ลุคฝ.ดูหรูดีค่ะ เราชอบด้านลิปน้องเขียนง่ายลื่นดี ไว้เขียนขอบปาก ส่วนคุชชัั่นไว้ถมให้สีลิปเต็ม ๆ ติดทนไม่มากนักเหมือนลิปทั่วไป สมราคา พอรู้ว่าสีเบอร์ 5 น้องแชงทา รีบไปตำตามเลยจ้าาาา

กันแดด K A รุ่นนี้ไม่ใช่กันแดดแบบที่เป็นเนื้อน้ำนม ที่ทาละซึมวาบ เป็นสีเนื้อ มีกลิ่นสไตล์กันแดดหน่อย ๆ ข้อดีคือน้องเกลี่ยแล้วทิ้งไว้สักพักจะซึมลงผิวดี ไม่เหนอะหนะ บางและลื่นกว่าที่คิด  ทาทิ้งไว้ผิวดูขาวขึ้นนิดนึง แต่งหน้าต่อได้เลย แต่ก่อนจะซึมเค้าจะตกร่องหน่อย ๆ ไม่เหมาะกะคนใจร้อนหรือมีรอยบนผิวค่ะ  โดยรวมถือว่าใช้ได้เลย ราคาก็ดีนะ

เห็นบอกว่าเป็นคุชชั่นโฟม ก็เลยสนใจ เอาจริงๆแล้วก็ใช้โฟมนูโทรจีน่าอยู่บ้างแต่ไม่ได้ปลาบปลื้มอะนะ ตัวนี้ก็โอเคดี ต้องใช้เยอะนิดนึงเหมือนกัน แล้วก็ค่อยๆหยอดน้ำเพื่อตีฟองโฟมอ่านความคิดเห็นคนอื่นเขาบอกว่าใส่ตาข่ายน่าจะดีกว่าก็แอบเห็นด้วย

ตัวโฟมคำว่าตีขึ้นมามันฟูนุ่มๆดีเกินคาดไปมาก นิ่มกว่าวิปโฟมบางตัวอีก ที่ชอบคือล้างเสร็จแล้วหน้าเรานิ่มดีไม่เอียด

เรื่องความสะอาดปกติเราก็ใช้คลีนซิ่งเช็ดออกอยู่แล้วเลยไม่แน่ใจว่ามันโอเคขึ้นมากน้อยแค่ไหนแต่โดยรวมก็โอเคนะสำหรับหลอดนี้ 

หลอดนี้ เห็นโฆษณาตอนแรกอยากได้มาก เพราะเป็นคนชอบอะไรส้มๆ เข้าใจว่าจะเป็นบอดี้เจลที่ทาแล้วเย็นๆ บำรุงผิวรับหน้าร้อน แต่ปรากฏว่า Nivea Extra White C & E Vitamin Lotion นางมาเป็นโลชั่นขาวๆ ก็แอบผิดหวังนิดนึง

แต่พอลองใช้ เฮ้ย เนื้อซึมดีเหมือนกันนะ ความรู้สึกชุ่มฉ่ำก็เหมือนทาด้วยเจลเลยแหละ เพียงแต่ไม่เย็นแค่นั้นเอง ซึมไวมีกลิ่นหอมส้มอ่อนๆไม่ฉุน

ติดนิดเดียวคือมีกลิ่นครีม แบบเคมีหน่อยๆ แต่สักพักนึงก็จาง เป็นกลิ่นแป้งๆส้มๆแทน แล้วโดยสรุปก็ถือว่าโอเคนะใช้มา 2 3 วัน ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าได้ผลด้านการบำรุงผิวหรือเปล่า  ต้องรอดูระยะยาว

อย่างที่บอกคือตัวนี้ซื้อมาพร้อมกันกับตัวหลอดครีม ซื้อสูตร 2 มาค่ะ เพราะเห็นว่าเหมาะกับผิวมัน ผิวธรรมดา อีกสูตรเป็นผิวแห้งเลยไม่ได้สอยมา

ปลื้มส่วนขวดค่ะ สีขาวดูน่าใช้มาก ขวดจับถนัดมือ แต่ดูไม่เยอะเต็มขวดนะคะ ไม่รู้คิดไปเองเปล่า 55555 เปิดฝาออกมา ชะแว้บ เทมาปุ๊บน้องเค้าเหลวมากกกกกก ผิดกับตัวตะกี้ลิบลับจ้า ฮือ กลิ่นต่าง ๆ อะไรก็ไม่ทันได้รู้สึกเลยฮะ ทาแล้วชุ่มฉ่ำมาก ซึมง่ายมาก แต่ก็ระเหยไปว่องไวเช่นเดียวกัน ไม่ทันได้ตบให้ผิวหนึบอะไรทั้งนั้นฮะ

เพิ่งใช้มาสัปดาห์นึงยังไม่เห็นผลลัพธ์อะไรเช่นกัน ถ้ามีความคืบหน้าจะรีบมาแปะใหม่หนาาา 

เห็นหลอด SENKA White Beauty Serum ครั้งแรกในเว็บไซต์ cosmenet คือกรี๊ดมาก ดูเรียบหรูน่าใช้ เลยรีบไปสอยมาคู่กับอีกตัวที่เค้าขายด้วยกัน และนี่คือความเห็นจากเรา (เพียงคนเดียว) แต่อ่านไว้เป็นข้อมูลก็ได้น้าา

::แพคเกจจิ้ง::

ความที่เป็นหลอดสีเงินเรียบหรูดูดีนี่แหละที่ทำให้เราตัดสินใจไปสอยมา 

หลังหลอดมีคำว่า Suppin ที่แปลว่าหน้าสดด้วย เราเลยคิดทึกทักว่า มันน่าจะให้ผลเรื่องขาวใสปิ๊งอวดหน้าสดได้ไม่อายใคร 

:: เนื้อผลิตภัณฑ์ :: 

ด้วยความที่เห็นเป็นหลอดเงิน ๆ เราก็มี 3 ความคิด คือ เธอจะเป็นน้ำ ๆ  หยด ๆ เหมือน Melano CC  หรือเป็นครีมใส ๆ เหมือนจะเป็นซิลิโคนกัน หรือว่าจะเป็นครีมเนื้อฟู ๆ สรุปคือมันเป็นเนื้อโลชั่นที่หนืด ๆ ไม่เหลวไม่ไหล กลิ่น ไม่รู้สึกเลย มีมั้ยนะ 55555 

:: ใช้งาน ::

ปาดลงบนผิว ชึมมม มันซึมไปแบบไวมาก ไวจนแบบ ห๊ะ นี่คืออะไร ไม่ได้รู้สึกว่ามีการปาดครีมลงบนผิวเลย หรือผิวเราแห้งมากจนไม่ทันรู้สึกก็ไม่รู้ XD แต่ก็เออ ทา ๆ ไปแหละ  พอซึมแล้วลูบ ๆ ผิว อือ ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงอะไร ก็คือผิวเย็นเพราะทาครีม แต่ไม่ได้แบบ โอ้มันฟูมากเด้งฉ่ำอะไรยังงี้ อาจจะเพราะเพิ่งใช้มาได้อาทิตย์เดียว  ผิวเด็ก ๆ อาจจะโอเคนะคะ แต่ถ้าผิวเคยใช้ครีมที่หนัก ๆ หน่อย หรือผิวดีอยู่แล้ว ตัวนี้อาจจะไม่ได้ช่วยอะไรมากค่ะ ข้อดีคือเกลี่ยง่าย ซึมไวนั่นแหละ ใช้แล้วแต่งหน้าต่อสบายมาก 

:: สรุป ::

แล้วแต่ชอบเลยค่ะ 55555 บางคนอาจจะชอบ แต่เราเฉย ๆ อ่ะ TwT 

ก่อนหน้านี้เคยได้รับ Cleansing รุ่นขวดสีดำมาแล้ว ก็ค่อนข้างประทับใจ พอคราวนี้เปิดตัวสูตรใหม่ ก็เลยรีบร่วมกิจกรรมทันที (∀) ขอบคุณ *cosmenet ด้วยนะคะ

ตัวที่นำมารีวิวนี้คือ NIVEA Micellair Skin Breathe Micellar Rose Water ค่ะ ความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดก็คือแพ็คเกจจิ้งสำหรับตัวนี้  อันดับแรกเลย คือเรื่องของขนาดค่ะ รุ่นนี้มีขนาดใหญ่กว่าคือ 400 ml ในขณะที่รุ่นขวดสีดำ มีขนาด 125 ML จุดที่ 2 คือรุ่นนี้ เนื้อผลิตภัณฑ์ตอนวางไว้เฉยๆจะแยกชั้นกันระหว่างน้ำกับน้ำมันคล้ายๆรุ่นขวดสีดำแหละ แต่ด้านล่างเป็นสีชมพู ซึ่งก็น่าจะสอดคล้องกับส่วนผสมหลักก็คือ Rose Water นั้นเอง

เริ่มใช้งานกันเลย

ตามฉลากบอกว่า ก่อนใช้ให้เขย่าก่อนเพื่อให้ oil ด้านบนผสมกับเนื้อคลีนเซอร์ด้านล่าง เราก็เขย่าเขย่าจนเข้ากันดีแล้วเทใส่สำลีเช็ดหน้าตามปกติค่ะ

ทันทีที่เทออกมา สิ่งแรกที่รู้สึกได้เลยคือ กลิ่นของเขาจะเป็นคล้ายๆกับแป้งกลิ่นดอกไม้ ถ้าเป็นกุหลาบก็เป็นกุหลาบที่หอมละมุน ไม่รุนแรง ok เลย ชอบ

ในส่วนของเนื้อผลิตภัณฑ์ ผ้าที่เอามาใส่สำลี เรารู้สึกว่าเขาจะมีสีชมพูอ่อนๆ นิดนึง และมีสัมผัสที่่่่คล้ายๆกับมีเนื้อน้ำมันจะง่ายติดนิ้วเล็กน้อยด้วย

ทันทีที่เราเอาสำลีไปเช็ดหน้า ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นคือ เขาค่อนข้างมันก็ตัวสีดำนะ อาจจะเป็นเพราะเราเป็นคนผิวมันอยู่แล้วพอเจออะไรที่มันเป็นน้ำมันค่อนข้างมากเราจะรู้สึกนี้
เลยว่าผิวเราเหนอะ ขอหักคะแนนนิดนึง ;-;

ในส่วนของประสิทธิภาพในการเช็ดพวกเมคอัพกันน้ำอย่างอายไลเนอร์ เราแปะตาเอาไว้ประมาณ 30 วินาทีแล้วรูดออกเบาๆ อายไลเนอร์ก็ยังหลุดออกไม่หมดเท่าไหร่ ต้องพับสำลีให้บางๆแล้วเช็ดตามซอกกว่าจะหมด สิริรวมสำลีที่เราใช้เช็ดหน้าในวันนี้ประมาณ 4 แผ่นครึ่งซึ่งก็ค่อนข้างเยอะ ถ้าเทียบกับการใช้คลีนซิ่งวอเตอร์ตัวอื่น แล้วอย่างที่บอกไปเมื่อเช็ดหมดทั้งหน้าแล้วก็ยังรู้สึกถึงความมันที่หลงเหลืออยู่ แต่เราว่าให้มันนิดนึงแบบนี้ก็ดีกว่าเช็ดแล้วหน้าแห้งเอี๊ยดๆนะ ^^;;


โดยส่วนตัวคิดว่า NIVEA Micellair Skin Breathe Micellar Rose Water น่าจะเหมาะกับการแต่งหน้าเบาๆเช่นทากันแดด ลิปมัน ลิปกลอสบาง ๆ คนที่ผิวไม่ค่อยมันย่องเท่าไหร่ ถ้าแต่งหน้าหนักๆมาอาจจะต้องใช้ Point Makeup remover ช่วยก่อน

โดยสรุปแล้วก็ค่อนข้างโอเค ถ้าใครที่ต้องการ Cleansing Water ที่ให้ความรู้สึกเหมือนบำรุงผิวหน้านิ่มๆและต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวเราว่าตัวนี้ก็น่าสนใจค่ะ

    Anessa Perfect UV Sunscreen Skincare Milk SPF50+ PA++++ เป็นกันแดดที่ใช้ตั้งแต่ยังไม่มีขายบ้านเรา ตอนนี้มีขายราคาเท่าซื้อที่ญี่ปุ่น บางทีมีโปรก็ราคาถูกกว่านั้นด้วย

    ส่วนตัวที่เราว่ากันแดดนี้ดีและฮิตสุด ๆ คือ เค้ามีเนื้อที่เหลวก็จริงนะแต่เกาะผิว ทาง่าย ไม่ไหลเยิ้มระหว่างวัน ซึมซาบเร็ว ถึงจะใช้ตอนเช้าก็ไม่ต้องกลัวเค้าเหนียวเหนอะหนะ สามารถแต่งหน้าทาแป้งต่อได้เลย เวลาเอากระดาษซับมันหน้าหลังจากทาเสร็จใหม่ ๆ ก็ไม่มันเลยนะ คือเริดมากจริง 

   ในเรื่องประสิทธิภาพกันแดด รู้สึกว่าโอเคนะ คือใช้แล้วไม่แสบหน้าไม่แสบผิว หน้าไม่คล้ำขึ้น ข้อเสียคือกลิ่นที่มีความกันแดดนิด ๆ ถ้าใครไม่ชอบก็อาจจะรู้สึกรำคาญใจได้ และอาจจะต้องล้างให้เกลี้ยงนิดหนึ่ง ไม่งั้นจะรู้สึกเหมือนมีอะไรอุดตันผิว อาจจะทำให้เกิดสิวได้ค่ะ 

TOMEI Anti Acne Cream เป็นครีมแต้มสิวที่ดีมาก ราคาไม่สูง เหมาะกับสิวที่เพิ่งขึ้น หรือสิวที่ไม่มีหัว (ถ้าสิวรุนแรงอาจจะไม่เหมาะนะคะ)  ทำให้สิวยุบไว ทาแป้งทับได้ เวิร์คมาก ถึงกับต้องซื้อติดกระเป๋าเลยแหละ 

เคยได้ยินชื่อแบรนด์ aveeno นี้มาบ้าง เขาบอกว่า เป็นโลชั่นทาผิวอันดับ 1 จากอเมริกา เมืองนอกเขาหนาวอยู่แล้วทำให้ครีมให้เลือกเยอะแยะ ได้ที่หนึ่งแปลว่าต้องดีจริง สูตรที่ได้มาลองคือ Aveeno Daily Moisturizing Lotion ค่ะ


::สภาพผิวเรา::

แม้เราจะเป็นคนหน้ามันแต่ผิวตัวค่อนข้างแห้ง ไม่ค่อยอิ่มน้ำเท่าไหร่ แอบไม่กระชับด้วย

:: เนื้อสัมผัสและการซึมซาบ::
เนื้อค่อนข้างเนียน เหมือนจะบางเบาแต่ไม่เหลว พ่อปาดลงบนผิวบอกตามตรงเลยว่ามันซึมไวมากแต่ไม่ใช่ซึมหายไปเลยนะ มันเป็นความรู้สึกที่ค่อยๆซึมลงไป ให้ความรู้สึกเหมือนกับ ตัวครีม มันค่อยๆซึมซาบลงบนผิวอย่างช้าๆ

:: ขณะใช้งาน::

เราทาทิ้งบนผิว ปล่อยเอาไว้สักครู่ รู้สึกว่าผิวมันหนึบ ๆ แต่ไม่รู้สึกเหนียววง(งงไหม)  เอาเป็นว่าผิวเรา เหมือนมันเด้งๆนิ่มๆและอิ่มขึ้น ทั้งๆที่ทาเพียงแค่ครั้งแรกเลย ก็รู้สึกแล้ว  ที่สำคัญ โลชั่นนี้ทาตัวเสร็จแล้วไม่หลงเหลือความมันหรือหนึบไว้บนมือเลย หยิบจับนู่นนี่นั่นต่อได้สบายมาก

:: ความรู้สึกอื่นๆ::
เรารู้สึกว่าเป็นตัวที่ทำให้ผิวชุ่มชื้นได้อย่างรวดเร็ว ในฐานะที่ทาโลชั่นก่อนนอนทุกคืนตัวนี้าแล้วให้ความรู้สึกว่าตื่นมาตอนเช้าผิวยังคงชุ่มชื้นอยู่ 

กลิ่น บอกตามตรงเลยว่าแทบไม่ได้กลิ่นเลย ต้องตั้งใจดมดี ๆ ถึงจะได้กลิ่นคล้าย ๆ กับเป็นพวกธัญพืช ถ้าให้เราเดามันก็น่าจะเป็นข้าวโอ๊ตตามสูตรที่เขาบอกนั่นแหละ

:: สรุป::

โดยรวมใช้มา 1 สัปดาห์ รู้สึกชอบใจมากจริงๆ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ต้องใช้เยอะแต่ว่าใช้ได้ทั้งตัว ทุกวันนี้ชอบมากเวลาที่ทาตรงข้อศอก ข้อศอกแล้วนุ่มขึ้นมาก ส่วนอาการคันเราไม่ได้มีปัญหาอยู่แล้วเลยไม่แน่ใจว่ามันช่วยได้จริงหรือเปล่า แต่ก็เวิร์คดี

::ซื้อต่อไหม::

น่าจะมีขวดที่ 2 ค่ะ

ขอบคุณ *cosmenet ที่ทำให้เราได้ลองครีมกระปุกนี้นะคะ

ประทับใจแรกคือ กล่องแข็งแรงดูดีมาก เปิดออกมาเป็นกระปุกสีทึบ ฝาสีขาว ตัวกระปุกค่อนข้างมีน้ำหนัก ด้านแพคเกจทำได้ดี โอเคเลย

เปิดฝาออกมา ก็จะเจอครีมเนื้อเนียน แน่น สีครีมสีเหลืองอ่อน น่าใช้ หักคะแนนนิดนึง น้ำหอมค่อนข้างฉุน ส่วนตัวครีมเหมือนติดแน่นไปนิด เอามือจับอะไรต่อคือหนึบๆไปหมดเลยค่ะ T_T แต่พอเกลี่ยบนหน้าก็เกลี่ยง่ายนะ แต่กว่าจะซึม ต้องใช้เวลาในการนวดวนนานกว่าครีมอื่น เข้าใจว่าเพราะความแน่นของเนื้อครีมนะคะ รำคาญนิดหน่อยตอนยังไม่ซึม เพราะเค้าจะทิ้งความหนึบไว้ พอดีเราผิวมัน คนผิวแห้งอาจชอบตรงนี้ค่ะ

ส่วนตัวใช้มา 1 สัปดาห์ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงด้านริ้วรอยอะไรชัดเจน แค่สิวไม่ขึ้น ไม่ระคายเคือง มีผิวนุ่มและอิ่มขึ้นนิดหน่อยค่ะ

กันแดด "นีเวียซันบอดี้" ตัวนี้คือตัวเดียวกับที่เค้าว่า แก้ผิวลาเต้ เราว่าคอนเซปต์ดีนะ เลยไปซื้อมาลองใช้ดู เฮ้ย โอเคเลย คือปกตินีเวียซันขวดน้ำเงินนางจะเหนียว ๆ เหนอะ ๆ กลิ่นกันแดด ๆ (แบบที่เราจะไม่ค่อยชอบอ่ะ) แต่ตัวนี้เค้ามีความเป็นเซรั่มบำรุงผิว ทำให้เนื่อจะเหลวกว่า เกลี่ียง่ายกว่า กลิ่นหอมดี ให้ความชุ่มชื่นกับผิวหลังใช้ได้จริง ผิวเย็นสบาย พอผิวเย็นเราโดนแดดก็ไม่ได้รู้สึกโดนแผดเผา เลยแอบรู้สึกว่าน่าจะช่วยกันแดดได้มั้งนะ  ใช้ต่อกันมาสองสามวันเอง ไม่แน่ใจว่ากันแดดได้ขนาดไหน ผิวเราไม่ค่อยคล้ำง่ายอยู่แล้วด้วย 555555 

ข้อเสียอย่างนึงคือ มันไม่ได้ซึมปุ๊บปั๊บขนาดนั้น คือถ้าเป็นคนมีขนแขนตัวนี้แอบติดขนค่ะ เป็นคราบนิดนึง ต้องรอหน่อย แต่ถ้าไม่ได้ซีเรียสตรงนี้ก็ตบ ๆ ผิวสักนิด ใส่เสื้อผ้าต่อก็โอเคค่ะ 

สวัสดีค่ะ สาว ๆ cosme*net วันนี้เราได้ผลิตภัณฑ์ตัวใหม่จาก Bioderma มารีวิว นั่นก็คือ Bioderma Sensibio Gel Moussant เจลล้างหน้าสูตรอ่อนโยน เหมาะสำหรับคนผิวแห้งและผิวผสม นั่นเองค่ะ

สำหรับ Sensibio เราทราบมาว่าเป็นไลน์สำหรับคนผิวบอบบาง ขวดเค้าเป็นพลาสติกก็จริงแต่ดูสะอาด ตัวขวดเป็นสีชมพูอ่อน ๆ น่ารักน่าใช้มาก ๆ เลยค่ะ พอกดออกมาจะเป็นเจลใส ๆ ที่ค่อนข้างเหลวนะคะ สิ่งหนึ่งที่สะดุดมากคือกลิ่นค่ะ มีความเป็นพลาสติกแปลก ๆ เลยขอหักคะแนนนิดนึงค่ะ

วิธีใช้งานตามแพคเกจจิ้งคือล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด ลูบตัวเจลลงบนผิวหน้าให้ทั่วจนเกิดฟองแล้วล้างออก แต่สำหรับเราแค่อยู่บนมือก็ถูออกมาเป็นฟองขาว ๆ ขึ้นแล้วค่ะ พอมาอยู่บนหน้าเราเลยรู้สึกว่าไม่ค่อยได้ชำระล้างอะไรเท่าที่ควร พอล้างน้ำแล้วก็ยังรู้สึกเหมือนยังไม่ได้ล้างหน้าเลยอ่ะ สงสัยว่าหน้าเราสกปรกเกินไป T___T 

ส่วนตัวใช้มาสองสามวัน เฉพาะตอนเช้า รู้สึกยังไม่ค่อยประทับใจค่ะ แต่ถ้าคนชอบอะไรเบา ๆ ตัวนี้น่าจะเหมาะนะคะ 

ปล ชอบที่คาดผมมากค่ะ น่ารักมากเลย ฮือออออ 

ออกตัวก่อนเลยว่า เคยตำแป้งรองพื้น Deleaf Thanaka มาก่อนแล้ว ชอบมากก เป็นแป้งที่กู้หน้าให้สาวหน้ามัน - เป็นสิวได้ดีเลยแหละ คราวนี้พอเค้าออกแป้งฝุ่นแล้วมีกิจกรรม ก็ขอร่วมกิจกรรมด้วย ซึ่งก็ได้ร่วมสมใจ ขอบคุณนะคะ อิอิ

Deleaf Thanaka Duo Translucent Loose Powder ชื่อบ่งบอกว่าเป็น  Duo Translucent คือแป้งฝุ่นโปร่งแสงและน่าจะมีสองสีเพราะมีคำว่า Duo ตามคำอธิบายบนกล่องคือ เป็นส่วนผสมสารสกัดจากทานาคา จะเป็นแป้งสีเหลือง และสารสกัดจากทับทิม(ที่เป็นผล ๆ ไม่ใช่อัญมณีนะ XD) จะเป็นแป้งสีชมพู ทั้งสองสีเราก็พอรู้แหละว่ามันจะให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างแตกต่างกัน ก็เลยสงสัยนิด ๆ ว่าแล้วจะใช้ยังไง พอเปิดตลับออกมา ก็ถึงบางอ้อ นางเป็นแป้งแบ่งสองฟากแล้วก็มีตัวหมุนบิดไปบิดมาให้เทแป้งออกมาได้แล้วแต่สีที่เราจะใช้นั่นเอง

บิดที่ 1 เทแป้งออกมาก็จะได้แป้งสีเหลือง

บิดที่ 2 เทแป้งออกมา คราวนี้ได้แป้งสีชมพูละ

บิดที่ 3 เทออกมาคราวนี้ได้สองสีผสมกันเลย โอเค เข้าใจคิด ถือว่าชนะเลิศด้านแพคเกจและการใช้งานไปเลยค่ะ

สัมผัสของแป้ง ทั้งสองสีไม่มีข้อแตกต่างกันเท่าไหร่ เอานิ้วปาด ๆ คือเป็นแป้งที่เบา ๆ ดีค่ะ ความแตกต่างคือ สีเหลืองจะให้ความรู้สึกแห้งกว่าสีชมพูนิดหนึ่ง ในขณะที่สีชมพูมีประกายชิมเมอร์นิดหน่อย ซึ่งก็ตรงกับคำเคลมคือ สีเหลืองให้ลุคที่แมทท์ คุมมัน ในขณะที่สีชมพูที่มีชิมเมอร์จะช่วยสะท้อนแสงให้ดูผิวหน้าสว่างขึ้นนั่นเอง 

สำหรับการใช้งานบนผิวหน้า เราว่ายังไม่ได้ตอบโจทย์เรื่องความมัน ปกปิด หรืออะไรเท่าไหร่ แต่รู้สึกว่าผิวดูสม่ำเสมอขึ้น เราใช้แบบผสมสองสีแล้วปัดบนหน้าเป็นทัชอัพนะคะ เพราะรู้สึกว่าใช้สีเหลืองอย่างเดียว หน้าดูหมองไปนิด ส่วนสีชมพูอย่างเดียวแอบลอยหน่อย ๆ ที่ชอบนอกจากไอเดียของแพคเกจคือ เกลี่ยง่ายมากเพราะแป้งเนื้อละเอียดสุด ๆ แล้วก็แลดูกระจ่างใสทันทีที่ปัดแป้งเสร็จ อาจจะต้องเติมบ่อยนิดนึงนะคะเพราะเราว่ามันติดไม่ค่อยทน

โดยรวมคือก็โอเค ใช้แก้ขัดได้ แต่ยังไม่ใช่ที่สุดค่ะ  

สวัสดีค่ะสาว ๆ cosme*net เนื่องจากเราได้รับผลิตภัณฑ์จากกิจกรรม Beauty Tester มาอีกแล้วเราเลยจะมารีวิวให้สาว ๆ ได้อ่านเป็นข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อกันนะคะ

ผลิตภัณฑ์ที่รีวิววันนี้คือ BIODERMA Sebium Lotion ก่อนหน้านี้เราใช้น้ำตบคือ SK-II สลับกับ philosophy ขวดขาว ซึ่งก็เป็นการบำรุงผิวปกติสลับกันเช้าเย็น แต่พอได้ตัวนี้มาเราก็ใช้ตัวนี้เป็นหลักเลยค่ะ

มาดูในส่วนแพคเกจจิ้งกันก่อนเลย

BIODERMA Sebium Lotion เป็นขวดสีเขียวอ่อน ๆ ดูน่าใช้มาก ๆ ขนาดพอดีมือ 800 บาท 200 ml. เราว่าราคาไม่แรงมากนะ

เทออกมาเค้าจะเป็นน้ำใส ๆ กลิ่นหอมอ่อน ๆ คือมีความหอมแต่ไม่ฉุนแบบน้ำหอมหรืออะไรสังเคราะห์ ให้ความรู้สึกสะอาด ๆ มากกว่า เนื้อสัมผัส ไม่ได้เหลวมากแต่ก็ไม่ได้เหนอะหนะหรือหนืดมือ ใช้งานค่อนข้างง่ายค่ะ

อ่านรายละเอียดเค้าบอกตัวนี้ช่วยคืนสมดุลให้ผิวสดชื่น พร้อมสำหรับการบำรุงผิวในขั้นตอนต่อไป จะใช้แบบเช็ดด้วยสำลี หรือจะเทใส่มือแล้วตบ ๆ ก็ได้ ผลที่คาดว่าจะได้รับคือหน้าเราก็จะมันน้อยลง ลดสิว อะไรพวกนี้ นี่คือคำเคลมของเค้า โอเคเลย เหมาะกับคนหน้ามันอย่างฉันมาก ๆ  

การใช้งานของเรา ใช้แบบวิธีที่ 2 ค่ะ คือเทใส่ฝ่ามือแล้วตบ ๆ หลังจากเช็ดล้างทำความสะอาดผิวหน้าเรียบร้อยแล้ว ความรู้สึกที่เราได้รับคือ เค้าเนื้อเย็น ๆ ดีนะ รู้สึกมันซึมซาบดี กลิ่นหอมอ่อน ๆ เมื่อตบ ๆ เบา ๆ ทั่วใบหน้า ครั้งแรกก็รู้สึกเหมือนหน้าเรามันจะอิ่ม ๆ ขึ้น ทาครีมอะไรอย่างอื่นไปก็เหมือนมันอุ้มความชุ่มชื้นและเนื้อครีมเอาไว้บนใบหน้า ไม่ได้ทาแล้วซึมหาย แต่ก็ไม่ได้เคลือบอ่ะ แบบมันจะค่อย ๆ ซึมซาบ อะไรแบบนั้น 

เราใช้งานต่อเนื่อง เช้าเย็น ใช้ก่อนลงครีมบำรุงที่เนื้อหนักกว่านี้ อย่างตอนเย็นเราใช้ตัวนี้ก่อนลงเซรั่ม ถ้าตอนเช้าก็ก่อนทาเดย์ครีม ใช้ติดต่อกันประมาณ 2 สัปดาห์ เราว่ามันเห็นผลอยู่นะ คือความมันระหว่างวันก็มีแหละ แต่ไม่ได้รู้สึกว่าเหนอะหนะ ส่วนสิวก็มีขึ้นช่วงประจำเดือนนิดหน่อยค่ะ   

สำหรับเรานางไม่ได้ลดสิว แต่สิ่งที่เห็นผลชัดสุดคือรูขุมขนและสีผิวค่ะ คือเราใช้อันนี้แล้วตรงแก้มมันมีเลือดฝาดและรูขุมขนแลดูเล็กลง ซึ่งเราว่ามันเห็นชัดจริง ๆ นะ ทาแป้งง่ายขึ้น ทาครีมอย่าอื่นลื่นขึ้น ตื่นมาหน้าดูไบรท์ ๆ เลย เออแอบมีแก้มแดง ๆ แบบสุขภาพดีด้วยอ่ะ ไม่แน่ใจว่าแพ้ไหม แต่ไม่คันไม่แสบอะไร เลยตีความว่าดีนะ 5555555

ส่วนตัวถามว่าจะซื้อต่อมั้ย อวยมาขนาดนี้มีหรือจะไม่ต่อขวดสอง ไปค่ะ ไปตุน!!!

NIVEA CLEANSING WATER ตัวใหม่มาแล้ว ตอนแรกเห็นแพคเกจสีดำก็คิดว่าเฉพาะผู้ชายเท่านั้น ปรากฎว่าเป็นแพคเกจสีดำเฉย ๆ ก็ว่าอยากลองอยู่ พอ cosme*net มีให้ทดลอง ก็รีบตอบรับโดยไว แล้วก็ได้มาลองเล่นค่ะ ขอบคุณนะคะ ^^

โดยปกติแล้ว เราไม่ค่อยได้ใช้ Cleansing Water ของ NIVEA เท่าไหร่ เพราะไม่ค่อยชอบกลิ่นเค้า เหมือนเช็ดไม่ค่อยออก ยกเว้นตัว POINT REMOVER รุ่นใหม่นะคะ ตัวนั้นอ่านรีวิวเขาว่าดี ว่าจะตำอยู่ แต่ก็ใช้แก้ขัดได้ค่ะ

สำหรับตัวนี้ Nivea Micellair Expert Micellar Water คำเคลมจากแบรนด์คือ "คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสำอาง จะทำความสะอาดเกลี้ยง 100% ไม่เหลือแม้สิ่งตกค้างและคราบซิลิโคนที่มองไม่เห็น ไม่ทิ้งความมันบนใบหน้า" โอ้โห สรรพคุณแบบเริดมาก ไม่ค่อยได้เจอแนวนี้จาก NIVEA แล้วด้วยความสงสัยว่า MicelleAir Complex คืออะไร เหมือน Micellar ที่เป็นตัวดักจับสิ่งสกปรกไหม คำตอบคือเค้าเป็นตัวเดิม เพิ่มเติมความสามารถ โดยจะทำหน้าที่ดูจับเครื่องสำอางกันน้ำที่ติดทนนานและมาสคาร่าที่เสมือนแม่เหล็ก โดยไม่ทิ้งสารตกค้าง ซึ่งนับว่าเป็นคุณสมบัติเหนือจาก Micellar เดิมขึ้นไปอีกหนึ่งสเต็ปค่ะ

สำหรับการใช้งานก็ตามปกติเลย เทน้ำใส ๆ ใส่สำลี แล้วเช็ด ความรู้สึกที่เราได้รับจากการเช็ดหน้าด้วยตัวนี้คือ เออ มันออกแฮะ คือมันรู้สึกเลยว่าได้เช็ดชำระล้างคราบต่าง ๆ อย่างสะอาดหมดจด
อย่างที่เราทาแค่กันแดด ทาแป้งออกไปทำงาน เขียนคิ้วนิดนึง แผ่นแรกออกมาก็แบบ โอ๊ววซ์ ดำปื้ดเลย

หลังการใช้งาน หน้าก็ยังนิ่ม คือไม่แห้งตึง ไม่เอี๊ยด รู้สึกมีความชุ่มชื้น แต่สะอาดขึ้น เบาหน้าขึ้น ไปล้างสบู่ / โฟมต่อ ก็ไม่ได้รู้สึกว่าสูญเสียความชุ่มชื้นไปมากกว่าเดิมท่าไหร่ แอบรู้สึกว่าผิวขาวสะอาดขึ้นด้วยถ้าวันไหนใช้ตัวนี้ เออ ถือว่าเปลี่ยนความคิดเราต่อ Cleansing Water NIVEA ไปเลยนะ ถ้าให้แนะนำคือน่าใช้เป็น Daily Cleansing Water มาก ๆ เพราะรู้สึกเหมือนได้ถนอมผิวไปด้วยในเวลาเดียวกัน หักคะแนนที่มีแค่ขนาดเดียวค่ะ ถ้ามีขนาดใหญ่ และราคาน่าคบ (ซึ่งปกติแบรนด์นี้ก็ราคาน่าคบนะ) ก็น่าจะมีติดบ้านนะ

สวัสดีสาว ๆ cosmenet ค่า 
ขึ้นชื่อว่า Vit C จาก OP หลายคนก็คงกรี๊ดกร๊าดเนอะ เพราะมันเป็นไอเท็มสุดฮิตของ OP เลยก็ว่าได้ พอเค้าออกเซรั่มตัวใหม่ เราก็ต้องขอลอง แล้วก็ได้มาตามที่ประสงค์ค่า XD


Natural Power C Miracle Brightening Complex Advanced Brightening Serum เซรั่มชื่อย้าวยาวตัวนี้ ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็น Power C วิตามินซีเข้มข้น เหมือนจะเพิ่มจากสูตรเก่ามาด้วย คำเคลมคือให้ผิวกระจ่างใสได้ในทุกสีผิว (เข้าใจกันก่อนว่าไม่ใช่ทำให้ขาวขึ้น แต่ทำให้ดูหมดจดผุดผ่อง ดังนั้น ไม่ใช่ความ Whitening แต่เป็น Brightening นะจ๊ะสาว ๆ) 

เริ่มจากแพคเกจก่อนเลย แอบผิดหวังนิดนึงเพราะเวอร์ชั่นแรก ๆ นางเป็นขวดแก้วดูค่อนข้่างมีราคา แต่อันนี้เป็นพลาสติก ในส่วนราคา 8xx เลยรู้สึกค่อนข้างแพง เปิดออกมาเป็นขวดแบบนี้ก็นึกว่าต้องดึงฝา เปล่าเลยจ้า นางให้หมุนเพื่อให้ตัวปั๊มครีมมันขึ้นมา ใช้เสร็จก็หมุนกลับ จบปิ๊ง เก๋ ๆ 

ในส่วนของ texture ก็เข้าใจว่าเป็นครีม ๆ ก็เปล่าเลยจ้า (อีกแล้ว) เป็นน้ำใส ๆ ที่เราหงุดหงิดนิดนึงคือมันเหนียวมือมาก (แบบทาหน้าแล้วก็ยังเหนียวติดมือ ) ไม่ใช่เหนียวแบบ sticky แล้วรู้สึกสกปรกนะคะ แต่เหนียว ๆ มัน ๆ บอกไม่ถูก คล้าย ๆ กับการใช้ออยล์บางตัวทาผิวแล้วมันเหนียวติดมือ ประมาณนั้น 

พอเอามาทาหน้า แน่นอนว่า ความมันนั้นก็ยังคงอยู่ รู้สึกคล้าย ๆ นางไม่ซึมอ่ะ แต่ก็แค่ชั่วครู่นะคะ สักพักนางก็ซึมลงผิว ไม่ได้แห้งมาก เหนอะนิด ๆ แต่ไม่เลอะเทอะอะไรนะคะ เทียบกับมือเหมือนมันเหนียวติดผิวมือมากกว่าผิวหน้า ก็แปลกดีเหมือนกัน 

ติดอีกอย่างนึง กลิ่นค่ะ ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า แต่กลิ่นมีความพลาสติกแปลก ๆ อ่ะ ไม่ชอบเท่าไหร่ 

จากการใช้งานมา 3 คืน เราใช้แต่กลางคืนนะคะ เพราะมันแอบรู้สึกเหนอะเกินไปถ้าใช้ตอนเช้า  ก็ว่าโอเคดีนะ ถามว่าจะซื้อไหม อาจจะไม่ซื้อราคาเต็ม รอเซลล์ดีกว่า XD  

ตอนได้มาตกใจมาก ขวดใหญ่บิ๊กเบิ้ม เนื้อครีมเค้าจะค่อนข้างเนียน ๆ แน่น ๆ หนืด ๆ หน่อย แต่ตีฟองขึ้นได้น้อยมาก ชอบแบบที่ฟองขึ้นเยอะ ๆ หน่อยมากกว่า 

ตอนฟอกกับตัว โอเคแหละ ก็ทำความสะอาดได้ ผิวเนียนขึ้นหลังอาบน้ำ ชุ่มชื้น ไม่แห้งตึง

เราลองใช้กลิ่นกุหลาบ ซึ่งเรารู้สึกว่ากลิ่นฉุนนิด ๆ เลยแหละ เหมือนกุหลาบแห้ง ๆ หน่อย ดีที่กลิ่นไม่ได้ติดตัวมาก ใช้ได้เรื่อย ๆ  แต่ส่วนตัวไม่ค่อยชอบกลิ่นนี้ค่ะ ;____; 

ตัว Klarifique Natural Moisture ของ Smith ตัวนี้ สิ่งแรกที่สะดุดตาคือแพคเกจจิ้งค่ะ แบบเค้าจะสีขาว ๆ เคลือบด้าน (เรียกแบบนี้ไหมนะ) เป็นพลาสติกก็จริงแต่ดูสะอาด ตัวนี้ก็เหมือนกันค่ะ

พลิกด้านหลังก็มีส่วนผสม คำแนะนำการใช้งานต่าง ๆ เรียบร้อย

สำหรับเราตัวนี้เราไม่ค่อยเห็นผลอะไรเท่าไหร่ เป็นเซรั่มที่เนื้อเนียนซึมง่าย ทำให้ผิวชุ่มชื่นก็จริง แต่ซึมแล้วแอบเหนอะทิ้งบนผิวนิดหน่อยค่ะ เลยคิดว่าไม่น่าจะเหมาะกับการใช้ตอนเช้าหรือระหว่างวัน

ใช้ประมาณ 3 วันไม่ค่อยเห็นผลลัพธ์อะไรนะคะ อาจไม่เหมาะกับเราเท่าไหร่ค่ะ ^^;; 

Basi Clear One-Step Deep Cleansing ของ Smith Prive' Aesthetique ตัวนี้เค้าเคลมว่าเป็นตัวล้างเครื่องสำอาง แต่เราว่าน่าจะเป็นสำหรับล้างหน้าเฉย ๆ มากกว่า

เค้าจะเป็นเจลล้างใส ๆ แอบอ่อนโยน ทาบนหน้าแล้วไม่มีฟองไม่มีอะไรเลยค่ะ เอาน้ำมาลูบก็แล้วอะไรก็แล้ว ก็แอบคิดว่าสะอาดไหมนะ พอล้างน้ำแล้วเช็ดเท่านั้นแหละ เฮ้ย ผิวแลดูสะอาดแฮะ นุ่มด้วย ไม่เอี๊ยด เราล้างวันที่ทาแป้งผสมรองพื้น + ทาลิปสี แอบมีคราบแป้งติดนิดหน่อย แต่ปากไม่ค่อยออกค่ะ

จริง ๆ ถ้าใช้ cleansing water ก่อนแล้วล้างตัวนี้ตามก็อาจจะโอเคนะ  ถ้าไม่ได้แต่งหน้าอะไรเยอะแล้วกลัวเรื่องแพ้ง่ายหรืออะไรตัวนี้ก็เหมาะค่ะ 

ไปทดลองกลิ่นที่ร้านมารู้สึกชอบมาก ติดใจค่ะ

ให้บรรยายคือเค้าก็เหมือนกลิ่นร้าน Lyn Around นั่นแหละ แต่ตอนฉีดกับตัว แรกฉีดจะออกพวกอำพัน ไม้ ชัดเจนอยู่ แต่พอไปเรื่อย ๆ กลิ่นผลไม้จะแทนที่ คือเค้าอธิบายว่า Top เป็นผลไม้ ก็จริง แต่ดันได้กลิ่น Base นำมาก่อนแล้วท๊อปค่อยตามมา แล้วก็จะคงทนอยู่แบบนั้นค่ะ ส่วนตัวเราชอบนะ ตอนได้มาเป็นเซตแบบมีสร้อยด้วย เค้าบอกว่าฉีดใส่สร้อย (ที่ด้านในมีหิน)ก็จะช่วยเก็บกลิ่นน้ำหอมไว้ในนั้น เหมาะสำหรับคนที่แพ้Lกฮ ค่ะ โอเคดีนะ ราคาไม่สูงมากด้วย  

สำหรับ Oriental Princess Ultimate Renewal Concentrated Serum เป็นเซรั่มที่แบรนด์เคลมว่าช่วยในเรื่องของริ้วรอย แต่สำหรับเราที่ริ้วรอยยังไม่ชัด แอบไม่แน่ใจผลลัพธ์นะคะ ดังนั้นก็จะสามารถรีวิวให้ฟังในส่วนที่เราสัมผัสได้ชัด ๆ ดังนี้ค่ะ

แพคเกจจิ้ง : จริง ๆ แล้วเป็นเซรั่มมันต้องราคาสูงเราเข้าใจได้นะ แต่ช่วยมาพร้อมแพคเกจสมราคาหน่อยได้ไหมง่าาา ;__; เมื่อก่อน OP เป็นขวดแก้ว ๆ หนัก ๆ เราว่าโอเคนะคะ น่าซื้อ แต่ตัวนี้เป็นพลาสติก ๆ ค่ะ รู้สึกดูไม่แพงเท่าไหร่ ูู^^''

เนื้อ : ซึมซาบเร็วดีนะ เป็นเซรั่มที่เนื้อไม่หนัก สามารถใช้ก่อนแต่งหน้าได้ อันนี้เป็นข้อดีค่ะ บำรุงได้ทั้งเช้าเย็น

กลิ่น : กลิ่นแปลก ๆ ค่ะ ไม่ค่อยชอบ

ความชุ่มชื้น : รู้สึกชุ่มชื้นจริงค่ะ แต่ก็ไม่ได้ต่างกับครีมอื่นๆ  ที่ใช้อยู่เท่าไหร่ แต่บางคนอาจจะชอบนะคะ 

ส่วนตัวเราขอหักคะแนนเรื่องราคาค่ะ พันกว่าบาทนี่สามารถซื้อเคาท์เตอร์แบรนด์ได้เลยนะ T_T แต่ถ้าไปตอนโปรก็โอเคค่ะ จัดโปรบ่อยอยู่ 

สรุป : เป็นผลิตภัณฑ์ที่แล้วแต่คนชอบเลยค่ะ ถ้าใช้แล้วโอเคก็ซื้อต่อ แต่สำหรับเรามีตัวอื่นที่ชอบมากกว่าค่ะ  XD 

ส่วนตัวก็ชอบกันแดดของ Biore อยู่แล้วค่ะ พอตัวนี้เค้าชื่อรุ่น Bright Up Base UV SPF50+ PA++++ ก็เชื่อได้เลยว่ามันน่าจะ Bright หน้าใสปิ๊งไรงี้ 

มาดูเนื้อกันก่อน เป็นเนื้อออกแนวเจล ๆ ครีม ๆ เกลี่ยง่าย แต่ไม่ได้เป็นเนื้อน้ำนะ 

เกลี่ยบนผิวง่าย ซึมไว แต่แอบเป็นคราวขาว ๆ นิดหนึ่ง ต้องแทปนานพอประมาณถึงจะซึม แต่ก็เห็นชัดเจนค่ะว่าผิวขาวไบรท์ขึ้นสมชื่อ

ปล.1 ไม่ชอบตอนทาเสร็จแล้วมันแบบหนึบ ๆ ผิวไปหน่อย ต้องทิ้งไว้นานไม่ก็ต้องแทป ๆ เอาถึงจะแห้งนี่แหละ 

ปล.2 หักคะแนนราคา โหดรั้ยไปนิด ;-; 

ตัวนี้ก็เรียกได้ว่าเป็น Item กู้ผิว เนื้อไม่ใส่ไม่เหนียว ทาบนหน้าก็จะซึมาบเร็วไม่เป็นคราบ สิ่งหนึ่งที่เราชอบคือตัวนี้จะคงความชุ่มชื้นบนผิวค่อนข้างนาน วิธีใช้ของเราคือ ทาตัวนี้เสร็จก็ฉีดสเปรย์น้ำแร่แล้วซับหน้า แล้วค่อยแต่งหน้าต่อ จะทำให้เครื่องสำอางอยู่ทนเลยค่ะ มองด้วยตาเปล่าดูไม่ออกว่าผิวเราชุ่มหรือมันจนเกินไป (แต่ซับน้ำมันมาอาจจะเห็นชัดเจนหน่อยนะคะ) โดยรวมแล้วรู้สึกว่าตัวนี้ ok เหมือนช่วยพักผิว ทำให้ผิวหน้าผ่อนคลายดี และจะมีขวดที่ 2 แน่นอนค่ะ

BIODERMA Hydrabio Tonique ตัวนี้เป็นโทนเนอร์ตัวเดียวที่ใช้ได้ เมื่อก่อนเคยมีความคิดผิดๆว่าโทนเนอร์เช็ดหน้าแล้วจะต้องแห้งและผิวต้องตึงๆแต่ความจริงเช็ดแล้วต้องหน้าหยุ่นๆหน่อยถึงจะดี ซึ่งตัวนี้ ก็ตอบโจทย์ค่ะ ใช้ทุกวันเป็นประจำหลังล้างหน้าแม้จะไม่ได้เห็นเป็นคราบสกปรก อย่างที่โทนเนอร์ตัวอื่นเป็นแต่มันทำให้เวลาลงครีมอื่นๆตาม จะซึมซาบเร็วแห้งไว สำหรับเราใช้ยังไม่มีปัญหาอะไรนะ รู้สึกว่าต่อให้นอนดึกแค่ไหน หน้าก็ยังชุ่มชื่นอยู่ ถ้าวันไหนต้องการที่จะฟื้นฟูผิว ก็อาจจะเทใส่สำลีทาให้ชุ่มๆหน่อย ตัวนี้จะมีกลิ่นไม่แน่ใจว่าเป็นน้ำหอมหรืออะไรแต่ก็หอมดีใช้ได้ ยังไม่ระคายเคืองนะคะ

เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่คุ้มค่ากับการลงทุนมากๆ สำหรับ SK-II Facial Treatment Essence ชื่อเล่นว่าน้ำป้าเจี๊ยบ หลายคนก็คงคุ้นเคยกันดีเนอะ สำหรับเรา เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวันมากๆ แต่ด้วยราคาก็ทำให้นานๆใช้ที อย่างขวดที่เราใช้อยู่ ก็ใช้ได้มาแล้วเกือบเดือน สิ่งที่ได้รับคือหน้านุ่มมากๆ ยิ่งถ้าใช้ ก่อนแต่งหน้าผิวดูเด้งอิ่มมากเลย ชอบที่มันซึมซาบเร็ว เหมือนเห็นผลลัพธ์ทันที แต่อย่างที่บอกราคาค่อนข้างแรงเราเลยใช้สลับกับตัวอื่นที่มีอยู่ ตัวน้ำป้าเจี๊ยบเขาจะเป็นน้ำใสๆ เมื่อก่อนก็เทใส่มือแล้วก็ตบบนหน้าแต่พอมาอ่าน Content เขาบอกว่าให้ใช้สำลีแทปๆ บนหน้า เพิ่งเปลี่ยนมาทำไม่รู้ว่าเป็นยังไง แต่คงดีแหละ (แค่เปลืองกว่าเดิมนิดหน่อย 555555) มีขวดต่อไปไหม ก็น่าจะมีค่ะ ถึงกลิ่นจะค่อนข้างคล้ายของหมัก(ก็หมักนี่นะ) แต่ก็ไม่เป็นไร แลกกับหน้าเด้ง ถ้าไม่ลำบากตังค์ในกระเป๋า ปีนึงซื้อ 2 ขวดก็อยู่แล้ว เรียกได้ว่าเป็น Item ที่ควรมีติดโต๊ะค่ะ

-เป็นครีมทามือที่เนื้อบาง ไม่แป้ง กลิ่นหอมนุ่มนวลดี แต่กลิ่นจางไวมาก -ทาแล้วซึมลงกับผิวรวดเร็ว ไม่ทำให้มือเหนียวหลังจากทาเสร็จ -แห้งไวมาก จนเหมือนต้องทาซ้ำบ่อย ๆ -ขนาดเล็ก พกพาง่าย แต่น่าจะหมดเร็ว

เป็นกันแดดที่มีสีชมพู ทาแล้วรู้สึกเลยว่าผิวชมพู๊ววว ทาแรก ๆ แอบว่อก แต่พอใช้ไปเรื่อย ๆ ซึมลงผิวดีค่ะ แอบมัน ๆ หนืด ๆ นิดหน่อย แต่ถ้าแลกกับแห้งแล้วมีกลิ่นL ตัวนี้โอเคกว่านะ เรื่องกันแดดไม่แน่ใจ แต่ก็น่าจะโอเคล่ะมั้ง คิดว่าเหมาะกับการใช้เป็นกันแดด+เบส แล้วทาแป้งตามค่ะ

เห็นดังมากในเนตเลยไปลอง ปรากฎว่าชอบมาก - นางเป็นเนื้อดินสอที่นิ่ม ๆ นุ่ม ๆ สีสันทนดี เขียนบนปากค่อนข้างง่าย กลบสีปากได้ชัดเจน ทาเสร็จรู้สึกแห้ง ให้ลุคแมทท์มาก แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกเหนียวปากแบบลิปแมทท์จิ้มจุ่ม - ชอบอีกอย่างคือสีเยอะดี เกลี่ยเป็น ombre ก็น่าจะดูเป็นธรรมชาติดี

เนื่องด้วยผมเราดีดมากเพราะไม่ได้ไดร์มาเป็นระยะเวลานาน แต่ตัวนี้้สามารถทำให้ผมยุ่งเหยิงของเราค่อนข้างเรียบลื่นได้ สัมผัสแรกคือมันเบานะ แต่เข้าผมเลย ไม่เคลือบ พูดตรง ๆ คือดีกว่ารุ่นก่อน ๆ 55555 เรื่องที่ถูกใจอีกอย่างคือกลิ่นหอมบางเบาไม่ฉุนเลย เรียกว่าผิดกับตัวเก่า ๆ ลิบลับ เริ่ดมาก แต่ไม่ได้ช่วยให้ผมนิ่มขึ้นอะไรขนาดนั้นนะ อาจจะต้องดูกันยาว ๆ