Profile

ได้มีโอกาสรับครีมอาบน้ำ Parrot Hyaluron Vitamin C&E มาจากกิจกรรมของทาง Cosmenet ค่ะ เป็นครีมอาบน้ำที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้ โดยเฉพาะทาสแมวที่เค้าลือกันว่าใช้แล้วน้องแมวจะรักจะหลง ผลจะเป็นยังไง เรามาลองใช้และรีวิวไปพร้อมๆกันเลยค่ะ ^_^

สำหรับครีบอาบน้ำรุ่นนี้ เป็นรุ่นใหม่ทื่ทาง Parrot ออกมานะคะ โดยทางแบรนด์เคลมไว้ว่า เป็นครีมอาบน้ำที่มีสารสกัดจากธรรมชาติมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Hyaluron ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น ทำให้ผิวเด้ง ดูอิ่มน้ำ นอกจากนี้ยังมีวิตามิน C ที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพออก ทำให้ผิวที่ขาว สะอาดใส และวิตามิน E ช่วยในเรื่องของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ เพิ่มการบำรุงแบบล้ำลึก ทำให้ผิวดูนุ่ม น่าสัมผัสตลอดเวลาค่ะ 

สำหรับเราได้รับสูตร Orange Booster กลิ่นจะเป็นกลิ่นส้มอ่อนๆ ดมแล้วรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย ตัวเนื้อครีมจะเป็นครีมสีส้มตามภาพ เมื่อนำมาถูกับตัวผิวของเราแล้ว จะเกิดเป็นฟองนุ่ม ล้างออกง่าย ไม่ทำให้ผิวตึงเอี๊ยด ผิวจะรู้สึกนุ่มกว่าก่อนใช้ มีกลิ่นติดตัวนานกว่าที่คิด และที่สำคัญเมื่อทำการทดลองกับน้องเหมียวที่บ้าน เรากลับรู้สึกว่าน้องเหมียวกลับติดเรากว่าที่เคย โดยเฉพาะจุดผิวที่ทดลองใช้ครีมอาบน้ำ (ความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ 5555) เรื่องของการผลัดเซลผิว ทำให้ผิวกระจ่างใส อันนี้เราขอเวลาใช้สักครู่นะคะ เนื่องจากเพิ่งเริ่มใช้ ถ้าได้ผลในเรื่องนี้ยังไงจะรีบมาอัพเดทสาวๆทันทีค่า >_<

โดยรวมสำหรับเราถือว่าโอเคเลยสำหรับสาวๆที่ต้องการหาครีมอาบน้ำที่มีกลิ่นหอม น่ารักๆ และทำให้ผิวเนียนนุ่มทันทีหลังใช้ หรือหากสาวๆคนไหนที่ิอยากได้กลิ่นอื่นนอกจากกลิ่นส้มหรือผลไม้ๆ นอกจากสูตร Orange Booster แล้ว ยังมีอีก 5 สูตรให้สาวๆแต่ละสไตล์เลือกกันได้เลยค่ะ ทั้งสูตร Morning Peony สำหรับสาวๆที่ชอบกลิ่นหอมดอกไม้ สูตร Fresh Breeze สำหรับสาวๆที่ชอบกลิ่นเย็นๆเฟรชๆ หรือสูตร Natural Fresh สำหรับคนรักกลิ่นธรรมชาติ สูตร Secret Bloossom หอมกลิ่นมีเสน่ห์ และหอมผ่อนคลายอย่าง สูตร Soft Cashmere ก็มีให้เลือกตามความชอบของสาวๆได้เลยค่ะ สาวๆคนไหนที่สนใจอยากจะลองหาซื้อใช้ตาม สามารถหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป หรือช้อปออนไลน์ผ่าน Lazada และ Shopee ก็สามารถส่งความหอมมาถึงบ้านสาวๆได้แล้วค่ะ :)

หลังจากที่Clean & Clear ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มของMakeup Remover ขึ้นมาถือว่าเป็นอีกตัวที่น่าลองมากๆค่ะเพราะแบรนด์นี้ขึ้นชื่อว่าเป็นแบรนด์คู่ใจวัยรุ่นเน้นการดูแลผิวหน้าและรักษาสิวอยู่แล้วใครที่กำลังลังเลจะซื้อดีไม่ซื้อดีลองอ่านรีวิวนี้ในการตัดสินใจได้เลยค่ะ

ตัวผลิตภัณฑ์: ทางแบรนด์เค้าเคลมว่าเป็นMicellar Water ที่สามารถลบเครื่องสำอางแบบกันน้ำได้ถึง99% แถมไม่มีส่วนผสมของพาราเบนแอลกอฮอล์และน้ำมันสาวๆผิวแพ้ง่ายไร้กังวลได้เลยค่ะ

ประสิทธิภาพหลังใช้: ตัวคลีนซิ่งมีกลิ่นหอมจางๆไม่ฉุนน้ำหอมเราใช้ทดสอบกับเครื่องสำอางที่เราใช้เองทั้งกันน้ำและไม่กันน้ำคละกันไปหยดใส่สำลีแล้วแช่ทิ้งไว้ตรงเครื่องสำอาง10 วินาทีแล้วล้างออกผลคือเครื่องสำอางที่ไม่กันน้ำออกเกลี้ยงเหลือเพียงคราบเครื่องสำอางแบบกันน้ำสูงสุดที่อาจจะยังต้องใช้เวลาในการล้างและที่ชอบมากๆคือผิวที่ใช้คลีนซิ่งไม่แห้งยังชุ่มชื้นอยู่ด้วยสรรพคุณของ Aloe Vera ที่ให้ความอ่อนโยนและช่วยปลอบประโลมผิวที่ทางแบรนด์เคลมมาค่ะ

สำหรับใครหาที่ล้างเครื่องสำอางดีๆดีทั้งราคาทั้งประสิทธิภาพเป็นอีกแบรนด์ที่ห้ามพลาดเลยค่ะหาซื้อง่ายราคาก็จ่ายง่ายด้วยราคาเพียง75 บาทเท่านั้นค่า

รอบนี้ได้มีโอกาสนำครีมกันแดด La Roche Posay สูตร Shaka Fluid SPF50 มาใช้ในทริปออนเดอะบีช ท้าแดด ท้าคลื่นกันเลยค่ะ 

แพคเกจ : เป็นขวดเล็กแต่พริกขี้หนู พกพาง่าย ครีมกันแดดรุ่นนี้ต้องเขย่าก่อนใช้นะคะ ถึงจะได้ประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ

เนื้อสัมผัส/กลิ่น : เนื้อสัมผัสหลังจากเขย่าแล้วเป็นน้ำ ไม่มีกลิ่นของน้ำหอมนะคะ เราผิวแพ้ง่ายทาแล้วไม่แพ้ ไม่อุดตันค่ะ เมื่อนำมาทาที่ผิว เพียงแค่ลูบครีมก็ซึมซับเข้าไป ไม่ทิ้งความมันไว้เลยค่ะ สาวๆสามารถทาก่อนแต่งหน้าได้นะคะ ไม่ถึงคราบขาว ไม่เทาแน่นอนค่า

ผลลัพธ์หลังใช้ : เราใช้ประจำตอนไปทำงานอยู่แล้ว แต่รอบนี้ลองเอามาใช้กับทริปท้าแดดช่วงเที่ยงกลางสระว่ายน้ำที่พักค่ะ เราทาก่อนลงสระ30นาที หลังขึ้นมา พบว่าผิวกายที่ไม่ได้ทา มืดเลยค่ะ5555 แต่หน้าที่ได้ทา La Roche Posay พบว่าไม่ดรอปลงเลย ยังเหมือนเดิม สูตรนี้กันน้ำด้วยนะคะ ไม่ไหล ไม่ลอก 

สรุปเลยละกันค่ะ สำหรับใครที่กำลังหาครีมกันแดดหน้าดีๆ ที่ให้ประสิทธิภาพในการกันแดดประเทศไทยแสนร้อนแรง ครีมกันแดดLa Roche Posayเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่สาวๆห้ามพลาดด้วยประการใดใดทั้งปวงค่ะ ใช้ได้แม้ผิวแพ้ง่าย ไม่อุดตัน ไม่ทิ้งคราบค่า

หลังจากที่ได้รับผลิตภัณฑ์ St.Ives Face Moisturizer สูตร Smooth & Glowing Pudding Cream Apricot มาใช้ ตอนนี้ใช้มาได้ 1อาทิตย์แล้ว พร้อมรีวิวแล้วค่ะ 

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ส่วนตัวใช้สครับของ St.Ives อยู่แล้ว จึงกล้าการันตีได้ว่าของเค้าอ่อนโยน สกัดจากผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ไม่มีพาราเบน ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองตามที่ทางแบรนด์เคลมไว้จริงๆค่ะ 

แพคเกจ : ตัวแพคเกจของครีมตัวนี้มาในรูปแบบของกระปุกมีฝาเปิดปิดค่ะ กระปุกทำจากพลาสติกไม่ใช่แก้ว จึงมีน้ำหนักเบา(แต่ไม่ก๊องแก๊งนะคะ)  สามารถพกพาไปใช้เวลาเดินทางได้อยู่ไม่ต้องกลัวตกแตก ด้านในมีฝาปิดอีกชั้น ป้องกันการหกของเนื้อครีมได้เป็นอย่างดีค่ะ 

เนื้อครีม : สูตรนี้มีลูกเล่นเป็นเนื้อครีมแบบพุดดิ้งค่ะ เป็นที่แรกในไทยที่นำเนื้อครีมแบบนี้ออกมาวางขาย นางจะให้ความรู้สึกเด้งดึ๋งทุกครั้งที่จับเนื้อครีม ข้อดีของเนื้อครีมพุดดิ้งคือเนื้อไม่เหลว ไม่หกเลอะเทอะ เปิดกระปุกครีมปุ๊ป กลิ่นApricotกระทบจมูกปั๊ป กลิ่นนี้ให้ความสดชื่นมากๆสำหรับสาวๆที่ชอบกลิ่นแนวผลไม้ค่ะ

ผลลัพธ์หลังการใช้ : จากภาพจะเห็นได้เลยนะคะ ว่าหลังทาครีมลงไป ผิวเราจะชุ่มชื้นและเปล่งความโกลว์ออกมาทันที ซึ่งพี่แกซึมซาบเนื้อครีมลงสู่ผิวไวมาก ไม่ทิ้งคราบเหนียวเหนอะหนะให้รำคาญใจ ส่วนตัวเราใช้บำรุงในช่วงเช้าก่อนเข้าขั้นตอนของการแต่งหน้า เห็นได้ชัดว่ารองพื้นและเครื่องสำอางติดทนขึ้นมากๆในระหว่างวัน ยิ่งวันไหนที่เราใช้บำรุงหลังจากการสครับ โอ้โห หน้านุ่มเหมือนผิวเด็ก อดที่จะจับหน้าตัวเองทั้งวันไม่ได้เลยค่ะ  

สรุปคะแนน : สำหรับ St.Ives Face Moisturizer สูตรนี้ เราให้ 4/5 คะแนน ขอหักกลิ่นที่หอมแรงไปนิดนึงสำหรับเรา ส่วนสรรพคุณไม่ต้องพูดถึงเต็ม10ให้100ไปเลยค่ะ 

เป็นรองพื้นราคาหลักร้อยที่ชนรองพื้นราคาหลักพันได้สบาย สามารถใช้ได้ในทุกวัน เนื้อเบาไม่หนักหน้า ระหว่างวันมีดรอปบ้าง แต่ไม่เยิ้มค่ะ ใครเล็งๆอยู่ เราแนะนำสูตร 2.3 นะคะ กำลังดี ให้ลุคธรรมชาติ ถ้าใครอยากปกปิดรอยค่อยใช้รองพื้นกลบอีกรอบ หรือคอนซีลเลอร์ทับอีกทีค่ะ

ได้รับผลิตภัณฑ์ Parrot Natural Oil in Bath จากทีมงาน Cosmenet มาทดลองใช้ค่ะ แรกเห็นคือชอบแพ็คเกจมาก เพราะให้มาเป็นลักษณะของ Travel Kit ที่ประกอบไปด้วยสบู่ขนาด100ml. ทั้งสามกลิ่น พร้อมกับกระเป๋าParrotสีสันสดใส สะดวกต่อการพกพาเวลาเดินทางไปไหนมาไหนมากๆค่ะ 

ที่นี่เรามาลองใช้สบู่ทั้ง 3 สูตรกันค่ะ 
เนื้อสัมผัส : ทั้ง 3 สูตรมีเนื้อครีมที่คล้ายๆกัน เป็นลักษณะเหมือนน้ำนม เมื่อเทผสมเข้ากับน้ำแล้วถูๆสักพักก็เกิดฟองแล้วค่ะ
ผลลัพธ์หลังการใช้ : เราลองใช้ฟอกตัวแล้วล้างออก พบว่าครีมอาบน้ำรุ่นนี้ทั้ง3กลิ่น ไม่ทำให้ผิวตึงเอี๊ยด และก็ไม่ได้ทำให้ผิวลื่นเหนียวเหนอะหนะ ด้วยทุกตัวมีส่วนผสมของน้ำมันบำรุงผิวจากโมร็อคโค เลยทำให้ผิวมีความชุ่มชื่น กลิ่นหอมติดตัวมากๆค่ะ  

สำหรับกลิ่นทั้ง 3 สูตรนะคะ 
- ขวดสีส้ม สูตร SOFT ROMANCE : ตัวนี้กลิ่นจะหอมออกไปทางแนวดอกกล้วยไม้ เป็นสูตรที่มีส่วนผสมของเชียบัตเตอร์เพิ่มเข้ามา เลยทำให้ตัวนี้เมื่อล้างออกผิวจะรู้สึกนุ่มชุ่มชื้นกว่าตัวอื่นค่ะ
- ขวดสีชมพู สูตร WHITE PERFECT : ตัวนี้ถ้าใครเคยใช้ครีมอาบน้ำของ Parrot รุ่นอื่นๆมาแล้ว ตัวนี้จะให้กลิ่นใกล้เคียงกับรุ่นที่ผ่านมาที่สุดค่ะ กลิ่นจะหอมสบู่หวานๆสไตล์ Parrot มีส่วนผสมของวิตามิน B3 ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น (สำหรับเราเพิ่งเริ่มทดลองใช้จึงยังไม่เห็นผลนะคะ)
- ขวดสีฟ้า สูตร HYDRO FRESH : ถ้าให้เลือกทั้ง 3สูตร เราขอเทใจให้สูตรนี้ค่ะ เพราะเหมาะกับสาวมนุษย์เงินเดือนบ้าพลังที่เดินเหินทั้งวัน บู๊ต่อในคลาสคาดิโอ้หลังเลิกงานอย่างเรามากๆ ตัวนี้ให้กลิ่นแนวอโรม่า ลาเวนเดอร์ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายเหมือนอยู่ในสปา แถมมีส่วมผสมของน้ำแร่ธรรมชาติ ทำให้ใช้แล้วรู้สึกสดชื่น ออกเย็นๆนิดๆ แต่ก็ยังคงความชุ่มชื่นดูผิวอิ่มน้ำอยู่ ดีมากๆ 

สำหรับการทดลองใช้ในครั้งนี้ เราตอบได้อย่างเต็มปากเลยค่ะ ว่าซื้อไซส์จริงมาใช้ต่อแน่นอน เราประทับใจครีมอาบน้ำรุ่นนี้มากๆ (โดยเฉพาะสูตรสีฟ้า) เพราะนอกจากจะมีกลิ่นหอมที่มีเอกลักษณ์แล้ว ยังทำให้ผิวเราดูชุ่มชื่น อิ่มน้ำ มีสุขภาพดีอีกด้วย ลองเลือกสูตรที่เหมาะกับผิวของตัวเอง กลิ่นที่ตัวเองชอบมาใช้ดูนะคะ รับรองจะติดใจเหมือนเราแน่นอนค่ะ 

ได้รับ Neutrogena Deep Clean Cushion Foam จากกิจกรรมของทาง Cosmenet ทางแบรนด์เคลมมาว่าเป็นคุชชั่นโฟมที่ทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึก อ่อนโยน ไม่ตึงผิว หลังจากใช้มาระยะเวลา 1 อาทิตย์พอดิบพอดี วันนี้พร้อมมารีวิวแล้วค่ะ (^__^)

แพ็คเกจ (4/5) : แพ็คเกจบรรจุภัณฑ์ยังคลคอนเซปแบรนด์ Neutrogena เหมือนเดิมค่ะ หลอดจับง่าย สีขาวสะอาด ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากรุ่นอื่นๆค่ะ 

เนื้อครีมและกลิ่นสัมผัส (4/5) : เนื้อโฟมเป็นครีมขาว แต่แอบมีความเบากว่ารุ่นอื่นๆทั่วไปนะคะ เมื่อสัมผัสกับน้ำแล้ว ตัวเนื้อโฟมจะเปลี่ยนเป็นฟองพร้อมใช้งานค่ะ ส่วนตัวแอบหวังว่าเนื้อครีมโฟมจะเป็นเนื้อบับเบิ้ลฟองนุ่ม และกลิ่นค่อนข้างแรงไปนิด ขอหัก1คะแนนนะคะ

ผลลัพธ์หลังการใช้ (4.5/5) : รอบนี้เค้าทดลองโดยการล้างเครื่องสำอาง (เน้นกันน้ำ) ที่ใช้อยู่ในทุกวันโดยไม่ผ่าน Cleansing Water ผลคือล้างออกในระดับนึงตามรูปค่ะ มีแค่ลิปสติกกันน้ำขั้นเทพเท่านั้นที่ยังเหลือร่องรอยอยู่ แต่ที่ปลื้มมากๆ คือคุชชั่นไม่ทำให้ผิวแน่นเอี๊ยด ผิวกลับนุ่มกว่าเดิมด้วยซ้ำ ชอบมากๆ จนอยากล้างหน้าทั้งวันเลยค่ะ 5555

สรุป: สำหรับสาวๆคนไหนที่กำลังตัดสินใจหาโฟมล้างหน้าคู่กายอยู่ ตัวนี้เป็นอีกตัวที่ไม่ควรมองข้ามค่ะ  ให้ความอ่อนโยนไม่ทำให้ผิวตึงหลังการล้างแน่นอน แต่สำหรับสาวท่านไหนที่แต่งหน้าจัด หรือใช้เครื่องสำอางกันน้ำ แนะนำให้ใช้ Cleansing ล้างก่อนแล้วค่อยจัดตัวคุชชั่นนะคะ เพื่อความสะอาดหมดจดของผิว ปลุกผิวให้สดชื่นหลังการล้างทุกครั้งแน่นอนค่า :)

ได้รับผลิตภัณฑ์ NIVEA Micellair Expert Micellar Water มาจาก Cosmenet ทางนีเวียเคลมมาว่า เป็นคลีนซิ่งที่ทำความสะอาดหมดจดแม้ว่าจะเป็นเครื่องสำอางสูตรกันน้ำก็ตาม แถมยังสามารถทำความสะอาดรอบดวงตาได้อย่างอ่อนโยน ตัวผลิตภัณฑ์จริงไม่มีกลิ่นและต้องเขย่าก่อนใช้นะคะ 

ส่วนตัวเราเป็นคนผิวแพ้ง่ายค่ะ ตอนแรกยังไม่กล้าลองทั่วหน้า เพราะกลัวคลีนซิ่งจะแรงแล้วหน้าเราจะแพ้ เลยลองรอบดวงตากับริมฝีปากก่อน เพราะเราใช้มาสคาร่าและลิปสติกที่เป็นสูตรสุดยอดให้การกันน้ำ คลีนซิ่งสูตรเดิมที่เราใช้อยู่ประจำต้องลบมากกว่า2ครั้งถึงจะเกลี้ยง พอลองนีเวียนสูตรนี้แล้ว พระเจ้าช่วยมาก! นางล้างออกเกือบหมดภายใน1ครั้ง (แอบตกใจความมหัศจรรย์อันนี้มาก5555) หลังจากนั้นเราจึงค่อยๆลองบริเวณส่วนอื่นของหน้า ปรากฏว่าเราไม่แพ้ค่ะ หน้าเกลี้ยงแถมยังรู้สึกว่าหน้านุ่มขึ้น 

หลังจากนี้คงซื้อมาใช้ต่อค่ะ เพราะนอกจากจะช่วยทำความสะอาดผิวหน้า รอบดวงตาและริมฝีปากเราได้สะอาดหมดจด ไม่แพ้ระคายเคืองแล้ว ยังประหยัดสำลีและลดการเสียดสีของผิวด้วยค่ะ 

ในรูปเป็นการทดสอบของเราค่ะ โดยเอาเครื่องสำอางสุดยอด Water Proof ในตำนานที่เรามีอยู่ทั้งหมดมาใช้กับคลีนซิ่งตัวนี้ โดยนำสำลีมาแปะทิ้งไว้10วินาทีเพียงครั้งเดียว ผลลัพธ์ที่ได้เป็นไปตามรูปเลยค่ะ คอนเฟิร์มว่าลบคราบได้หมดจดจริงๆ 

ปกติเป็นคนผิวแพ้ง่าย จึงไม่ค่อยกล้าเปลี่ยนครีมกันแดดที่ใช้อยู่เท่าไหร่ เพราะกลัวแพ้ระคายเคือง แต่หลังจากที่ได้รับ ครีมกันแดด Smith Total Sunscreen SPF50+ PA+++ มาทดลองใช้ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากคุณหมอโอ๊ค สมิทธิ์ แพทย์ผิวหนังที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ก็เลยตัดสินใจเทครีมกันแดดที่ใช้อยู่เพื่อมาทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ดู เลยขอมารีวิวเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสาวๆที่แพ้ง่ายเหมือนเราค่ะ 

แพคเกจ (4.5/5) : เป็นหลอดสีขาว น้ำหนักเบา ขนาดกำลังดี พกพกง่าย ติดอย่างเดียวคือส่วนตัวเวลาเราแต่งหน้า มือจะเลอะรองพื้น บรัชออนนู้นนี้นั่นไปหมด เยี่ยงเข้าคลาสศิลปะ5555 เลยทำให้สีไปติดเป็นคราบที่หลอดของครีมกันแดดง่ายมาก (แต่ล้างด้วยคลีนซิ่งออกนะคะ)

เนื้อสัมผัส (5/5) : เนื้อผลิตภัณฑ์สีเบจ ไม่ทำให้หน้าวอก เหมาะกับทุกสีผิว บีบแค่1เม็ดถั่วก็ใช้ได้ทั่วหน้าแล้วค่ะ ที่สำคัญคือเกลี่ยง่าย ซึมซาบเร็วมากกกกกก อันนี้ให้ 10 10 10 ไปเลยค่ะ

คุณสมบัติ (4.5/5) : ตัวนี้เค้าเคลมมาว่าเป็นครีมกันแดดที่อ่อนโยนต่อทุกสภาพผิว แต่ป้องกันยูวีทั้งจากแสงแดดรวมไปถึงแสงสีฟ้าจากเครื่องใช้อิเล็กทรอนิคได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับที่ถือว่าเป็นคนผิวแพ้ง่าย เมื่อใช้แล้วไม่มีการระคายเคือง ไม่หมองไม่เยิ้มระหว่างวัน แต่ถ้ามีสารที่ช่วยบำรุงที่ทำให้ผิวหน้าดีขึ้นไปด้วยภายในตัวจะดีมากๆค่ะ

ราคา (4/5) : ขนาด30กรัม ราคา 760บาทค่ะ ถือว่าสูงถ้าเทียบกับยี่ห้ออื่นๆใน Drug Store แต่ถ้าเทียบกับครีมกันแดดตามเคาท์เตอร์แบรนด์ (อาทิ Eucerin,Anessa,Shishedo ...) ถือว่าค่อนข้างถูกกว่ามากในขนาดที่ประสิทธิภาพในการกันแดดพอๆกัน สำหรับสาวๆผิวแพ้ง่ายที่กำลังมองหาครีมกันแดดดีๆสักตัว Smith Total Sunscreen SPF50+ PA+++ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีมากจริงๆ คอนเฟิร์มค่ะ

ได้ยินเรื่องความโด่งดังแล้วเริ่ดของตัวนี้มาสักพักแล้ว แต่ปกติเป็นคนแพ้ง่ายเลยไม่กล้าใช้ จนได้เข้าร่วมกิจกรรมรับTester ทดลอง8วัน ของทางCosmenet พบว่าหน้าที่มีปัญหาสิวอุดตันเม็ดเล็กๆลดลงไปเยอะมาก รอยดำจางลง หน้าฟูดูกระชับขึ้น ตอนนี้ซื้อขนาด125mlมาใช้ได้ 2เดือนแล้ว ทุกปัญหาบนใบหน้าดีขึ้นจนทุกคนทัก ไม่ต้องแต่งหน้าหนาไปทำงาน โชว์ผิวหน้าได้สบายๆแล้วค่ะ (ขอหัก1คะแนนเรื่องความมันนะคะ)

ปกติเป็นคนหนังตามันง่ายมาก ใช้มาทุกยี่ห้อที่ได้คะแนนรีวิวเรื่องกันน้ำดี แต่ก็เป็นแพนด้าทุกครั้งหลังเลิกงาน ตัวนี้เป็นตัวแรกที่ใช้แบบพู่กัน และเป็นตัวแรกที่ทายังไง ตกเย็นก็เป็นแบบนั้น ไม่ลอก ไม่เยิ้ม ไม่แพนด้า เขียนง่าย ราคาเอาเรื่องแต่ใช้ได้นานมาก คุ้มสุดๆ ประทับใจมากค่ะ