รีวิว

รีวิวรองพื้นคุมมัน ถูกและดี VS แพงแต่คุ้ม ประจำปี 2022 [Cosme*Blind Test]

55,202

17 ก.พ. 2565

รีวิวรองพื้นคุมมัน ถูกและดี VS แพงแต่คุ้ม

พูดเลยว่ารองพื้นเนี่ย การแข่งขันสู๊งงงง ออกใหม่กันมาหลายรุ่นหลายแบรนด์ มีให้เลือกมากมายจนตาลายเลยอ่ะเนอะ ครั้งนี้ *cosmenet เลยจะมารีวิวรองพื้นคุมมัน ติดทน ปกปิดเริ่ด ประจำปี 2022 กันค่าา

แต่คราวนี้บอกเลยว่าไม่ได้มารีวิวธรรมดา ๆ ให้สมกับเป็น Cosme*Blind Test ทางเราเลยหยิบเอารองพื้นคุมมัน ปกปิดตัวท๊อป!! ทั้ง ฝั่งถูกและดี VS แพงแต่คุ้ม มาทดสอบกันแบบ “ปิดแบรนด์” เปรียบเทียบให้เห็นกะจะ ๆ ไปเลย ว่ารองพื้นตัวไหนจะปังที่สุด!! หรือของถูกก็จะปังไม่แพ้ของแพง? ตื่นเต้นกันแล้วใช่ไหมล่าาา ไปดูการทดสอบรีวิวเปรียบเทียบรองพื้นประจำปี 2022 กันเลยค่าาา

▲ โฉมหน้า Cosme*Editor ทั้ง 3 คน 3 สภาพผิวที่จะมา Blind Test ทดสอบรองพื้นคุมมันกันในวันนี้ค่าา

อ่ะมาสัมภาษณ์กันหน่อยสิ้ ว่ารองพื้นที่สาว ๆ เลิฟเนี่ย ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง?

พี่ฟ้าใส :: ขอเป็นรองพื้นที่สามารถปกปิดริ้วรอยได้จริง ๆ เพราะเป็นคนที่รอยสิวแดง ๆ เยอะมาก รูขุมขนเองก็กว้างด้วย นอกจากปกปิดได็ ก็ต้องเกลี่ยแล้วไม่เป็นคราบ หน้าต้องไม่วอกดูธรรมชาติ รองพื้นหนาไม่ว่าแต่หน้าต้องไม่ลอย ที่สำคัญต้องอีกอย่างก็เรื่องความชุ่มชื้น คือมีบางตัวทาแล้วหน้าแห้งมากเกลี่ยไม่ได้ พอใช้แล้วเฟลสุด ๆ

พี่เอิงเอย :: เอาจริงๆเป็นคนไม่ค่อยชอบลงรองพื้นเท่าไหร่คะ ชอบปล่อยผิวสบายๆ แต่ถ้าวันไหนที่ต้องลงจริงๆ ก็จะเลือกรองพื้นที่บางเบา ให้ความเป็นผิวค่ะ แล้วก็อยากได้รองพื้นที่ให้ความชุ่มชื้นไปพร้อมกับการคุมมันด้วย เพราะเป็นคนผิวมันช่วงทีโซน แต่จะแห้งช่วงยูโซนค่ะ

เจนนี่ :: ช่วงนี้ชอบรองพื้นที่เกลี่ยง่าย ให้ลุคผิวกำมะหยี่ค่ะ คือไม่แมทจนผิวดูแห้งด้าน ยังดูผิวโกลว์นิด ๆ แต่ก็ต้องติดทน คุมมันได้ดีสำหรับคนผิวมันแบบเราด้วยนะ (เยอะสิ่งง 555555)

สำหรับการทดสอบเราจะใช้รองพื้นที่มีคุณสมบัติคุมมัน ปกปิดดี ทั้ง 4 แบรนด์ จะมี #ทีมรองพื้นถูกและดี #ทีมรองพื้นแพงแต่คุ้ม ตัวดัง ๆ อย่างละ 2 แบรนด์ค่ะ นำมาแบ่งใส่ตลับ ซึ่ง Cosme*Editor ทั้ง 3 คน จะไม่รู้ว่าตลับสีไหนคือรองพื้นแบรนด์อะไรนาจาาา โดยทั้ง 3 สาว จะมีโทนสีผิวที่ใกล้เคียงกัน ดูจากตลับก็มองไม่ออกเลยว่าเป็นแบรนด์อะไรบ้าง

มาเริ่มทดสอบรองพื้นคุมมัน ปกปิด ประจำปี 2020 กันเลย!!

Test 1 : รองพื้นตัวไหน?... ปกปิดเริ่ด

มาดูกันว่ารองพื้นแบรนด์ไหนจะให้การปกปิดที่กริบที่สุด!! ในส่วนการทดสอบนี้ขอทดสอบโดยเจนนี่ ที่มีปัญหารอบสิวมากมายเยอะกว่าใครเพื่อนค่า /กระซิก ๆ

รองพื้นแบรนด์ A - เนื้อรองพื้นเนียนไปกับผิวดีค่ะ ปกปิดรูขุมขนได้ดีเลย ส่วนรอยสิวต่าง ๆ อาจจะต้องใช้วิธีบิ้วเพิ่มการปกปิดเฉพาะจุดประมาณ 2-3 รอบค่ะ

รองพื้นแบรนด์ B - ปกปิดได้ดี ตรงผิวที่ไม่ได้มีรอยสิวเข้มมากเราก็ทาบาง ๆ ส่วนที่มีรอยสิวก็บิ้วเพิ่มอีก 1 รอบ ก็โอเคแล้ว และเค้าปิดรูขุมขนได้ดีมาก ๆ ผิวดูเนียน สม่ำเสมอขึ้นเลย

รองพื้นแบรนด์ C - ปกปิดรอยแดงได้โอเค แต่จะเป็นคราบตามผิวที่แห้ง ๆ ค่ะ

รองพื้นแบรนด์ D - ปกปิดดีมาก ทั้งรอยสิวและรูขุมขน ทาครั้งเดียวอยู่เลย

Test 2 : รองพื้นตัวไหน?... ติดทนกันน้ำ กันเหงื่อ

รองพื้นตัวไหนจะแน่น! ถึก! ทน! พร้อมรบ (?)ไปกับเราทุกสถานการณ์ ลุยน้ำก็ไม่หวั่น ไปดูผลลัพธ์กันเลยค่ะ

รองพื้นแบรนด์ A - รองพื้นไม่ได้เซตตัวแมทมาก แต่ก็ยังติดทนแม้โดนน้ำ หลุดออกมานิ้ดดดดเดียวเองค่ะ ดู ๆ แล้วหลุดออกมาน้อยที่สุดเลย กันน้ำดีงามมม
รองพื้นแบรนด์ B - มีรองพื้นติดออกมาประมาณนึง แต่โดยรวมแล้วยังมีรองพื้นติดที่ผิวอยู่ รองพื้นไม่เป็นคราบค่ะ
รองพื้นแบรนด์ C - มีคราบรองพื้นติดทิชชู่ออกมาเยอะที่สุดเลย รองพื้นเค้าจะไม่ค่อยเซตตัวเท่าไหร่ เลยมีความติดทิชชู่ออกมาค่อนข้างเยอะ และเป็นคราบตามรอยทิชชู่
รองพื้นแบรนด์ D - มีคราบติดรองพื้นออกมาน้อยมากกกก จะเป็นรอยจาง ๆ ส่วนบนมากกว่า เนื้อรองพื้นเค้าเซตตัวไวมาก และเนื้อแมท ทำให้โดนน้ำแล้วไม่สะเทือนเลยค่ะ ยังอยู่ดีเหมือนเดิมเลย

Test 3 : รองพื้นตัวไหน?... คุมมันยาวนาน

อีกคุณสมบัติที่ขาดไม่ได้เลยของรองพื้นคือเรื่องของการคุมมันเนอะ เพราะบ้านเราอากาศร้อนแรงซะเหลือเกิน ยิ่งถ้าเป็นสาวผิวมันด้วยยิ่งต้องใส่ใจตรงนี้เป็นพิเศษ ไปดูกันค่ะว่าสาว ๆ แต่ละสภาพผิวลองรองพื้นแต่ละตัวแล้ว ให้ผลลัพธ์เรื่องการคุมมัน ความติดทนระหว่างวันยังไงกันบ้าง

รองพื้นแบรนด์ A : เป็นคราบ
พี่ฟ้าใส : ระหว่างวันไม่รู้สึกว่าหน้ามัน จะมันแค่ตรงจมูก แต่ตอนเย็นหน้าเป็นคราบแบบเห็นชัดเลย ปกปิดได้น้อย
พี่เอิงเอย : ควบคุมความมันได้ดีโดยเฉพาะถ้าอยู่ในห้องแอร์แต่ถ้าออกไปข้างนอกก็จะมันชึ้นนิดหน่อยในบริเวณจมูกค่ะ แล้วตกบ่ายก็แอบเป็นคราบด้วย ฮือ
เจนนี่ : ผ่านไป 5 ชั่วโมง ผิวมันนิดหน่อย เป็นคราบตกร่องแก้ม รองพื้นหลุดติดแมสอยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้วผิวยังดูสวย ไม่ไหลเยิ้ม

รองพื้นแบรนด์ B : คุมมันดี
พี่ฟ้าใส : ระหว่างวันหน้าไม่มันเลย หน้ายังเหมือนเดิม ไม่เป็นคราบเลย ปกปิดได้ดีมาก
พี่เอิงเอย : ผ่านไปหลายชั่วโมงหน้ามีมันเล็กน้อยช่วงทีโซนค่ะ และไม่เป็นคราบระหว่างวัน
เจนนี่ : จะมีแค่จมูกดูมันนิ้ดเดียว ช่วงแก้มคือแมทเหมือนเดิม ดีงาม มีเป็นคราบแค่นิ้ดเดียวที่ร่องแก้ม ถือว่าน้อยกว่าแบรนด์ A มาก แต่ก็แอบมีรองพื้นติดแมสนิดนึง ประทับใจตรงที่สีไม่ดรอปเลยนี่แหละ

รองพื้นแบรนด์ C : ติดทน
พี่ฟ้าใส : ไม่ได้รู้สึกว่าหน้ามันนะ แค่ดูวาว ๆ ความติดทนค่อนข้างดี เป็นคราบนิดหน่อยค่ะ
พี่เอิงเอย : ตัวนี้ไม่ค่อยคุมมันเท่าไหร่ ตอนซับหน้าด้วยทิชชูมีรองพื้นติดออกมาบ้างค่ะ
เจนนี่ : เรื่องคุมมันตัวนี้จะเฉยๆ ผิวค่อนข้างมัน แต่ดีตรงที่ไม่ไหล ไม่ตกร่องเลย รองพื้นติดแมสประมาณนึง คิดว่าเหมาะกับคนที่ไม่ชอบให้ผิวแมท ยังดูโกลว์ค่า

รองพื้นแบรนด์ D : คุมมันพอใช้
พี่ฟ้าใส : คุมมันได้ค่อนข้างดี รองพื้นไม่หลุดระหว่างวัน ไม่เป็นคราบค่ะ ปกปิดได้กลาง ๆ
พี่เอิงเอย : ทาตั้งแต่เช้าแล้วไปเที่ยวต่อจนถึงตี 2 รองพื้นก็ยังคงอยู่ติดหน้าไม่หายไปไหน 55555 คุมมันได้ระดับนึงตอนอยู่ในห้องแอร์ แต่ถ้าออกไปข้างจะค่อนข้างมันช่วงจมูกค่ะ
เจนนี่ : คุมมันดีมากกกกก มันแค่ช่วงจมูกเล็กน้อย แต่พอ 5 ชั่วโมงผ่านไปแอบเริ่มเป็นคราบที่หน้าแก้มนิดหน่อยค่ะ

สรุป รีวิวรองพื้นคุมมัน ถูกและดี VS แพงแต่คุ้ม

พี่ฟ้าใส : ชอบแบรนด์ B ที่สุด เพราะเป็นคนที่อยากได้รองพื้นที่ปิดรอยสิวได้ เพราะรอยแดงจากสิวบนหน้าเยอะจริง ๆ ซึ่งแบรนด์ B ตอบโจทย์ที่สุดใน 4 แบรนด์ แถมยังคุมมันได้ดีหน้าไม่เป็นคราบระหว่างวัน ลุคที่ได้หลังจากทาก็ยังดูธรรมชาติไม่ได้โบกจนหน้าวอกหนาเตอะ เลยขอมอบมงให้แบรนด์ B ไปเล้ยยย

พี่เอิงเอย : ชอบที่สุดยกให้เป็นแบรนด์ B เพราะอย่างที่บอกไปคือชอบรองพื้นที่ค่อนข้างบางเบา ให้ความเป็นผิว คุมมันได้ดีระดับนึง ซึ่งแบรนด์ B ก็ค่อนข้างตอบโจทย์ค่ะ รองลงมาก็จะเป็นแบรนด์ C ค่ะ แต่จะเลือกใช้ในวันที่ต้องการความปกปิดเยอะขึ้นนิดนึงค่า ต่อมาก็เป็นแบรนด์ D ค่ะ แม้เนื้อรองพื้นจะหนา แต่ผ่านไปสักพักจะให้ความเป็นผิว เนื้อค่อนข้างติดทน คุมมันได้ดีเลยค่า ที่ไม่ชอบที่สุดคือแบรนด์ A ค่ะ เนื้อรองพื้นค่อนข้างหนักค่ะ ตอนทาเนื้อเนียนไปกับผิว แต่พอตกบ่ายเป็นคราบซะงั้น

เจนนี่ : สำหรับเราคิดว่ารองพื้นแบรนด์ C ปกปิดน้อยสุดเลย เนื้อบาง ๆ ดูเป็นธรรมชาติ แต่ไม่ค่อยติดผิวเราค่ะ ฮือ ส่วนแบรนด์ A ให้การปกปิดที่มากขึ้น ดูเป็นผิว แต่ยังคุมมันได้ไม่โดนใจเท่าไหร่ เป็นคราบค่อนข้างเยอะ ><; ส่วนรองพื้นแบรนด์ D ให้การปกปิดที่ดีเลย แต่เนื้อแมทมากกกก จนเกลี่ยยาก เป็นคราบรองพื้นแห้งบนผิวได้ง่ายมาก TT สรุปทำให้ชอบรองพื้นแบรนด์ B ที่สุดค่าาา ปกปิดดี ผิวเนียน แต่ก็ยังเป็นผิวอยู่ ไม่แมทจนเกินไป จริง ๆ สีที่ลองใช้แอบพอดีกับผิวไปนิดนึง แต่เวลาผ่านไปทั้งวันสีก็ไม่ดรอปเลย อาจจะเป็นคราบนิ้ดนึง แต่ก็ประทับใจค่าาา

เฉลยโฉมหน้ารองพื้นคุมมัน ปกปิด ประจำปี 2020 ที่เราจะหยิบมาทดสอบกันก็คืออออ…

#ทีมรองพื้นถูกและดี

แบรนด์ B - L'OREAL PARIS True Match Liquid Foundation SPF16 PA++ (30 ml. 449 บาท) - รองพื้นเนื้อซาตินสูตรที่ดีที่สุดจากลอรีอัล ปารีส ให้ผลลัพธ์ผิวสวยกลืนกับสีผิวธรรมชาติ เบาสบายไม่หนักหน้าพร้อมมอบสัมผัสสดชื่น เกลี่ยง่ายและให้การปกปิดที่สมบูรณ์แบบ เรียบเนียนแต่ดูไม่โบ๊ะ (อ่านรายละเอียดผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม ที่นี่)
แบรนด์ C - Maybelline New York Fit Me Matte + Poreless Liquid Foundation (30 ml. 349 บาท) - รองพื้นคุมมันเนื้อแมทท์สำหรับสาวผิวมันและทุกสภาพผิว เนื้อแมทบางเบา ให้ผิวแมทเนียนใสนาน ช่วยอำพรางรูขุมขน เกลี่ยง่าย มีเฉดสีให้เลือกหลากหลายเหมาะกับสาวไทย (อ่านรายละเอียดผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม ที่นี่)

#ทีมรองพื้นแพงแต่คุ้ม

แบรนด์ A - Yves Saint Laurent All Hours Foundation (30 ml. 2,500 บาท) - ให้ผิวนวลเนียนไร้ที่ติ พร้อมกันน้ำกันเหงื่อได้ดี และปกปิด ไร้ที่ติ คงอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง สูตรแรกของแบรนด์ที่ติดทนตลอดวันตลอดคืน (อ่านรายละเอียดผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม ที่นี่)
แบรนด์ D - Lancome Teint Idole Ultra 24h Long Wear Foundation (30 ml. 1,950 บาท) - รองพื้นรวมการปกปิดเนียนสนิทและความติดทนนานเข้ากับผลการแต่งผิวที่ดูเป็นธรรมชาติราวกับไม่ได้รองพื้น เป็นสูตรที่ได้รับการพัฒนาให้เหมาะกับผิวของชาวเอเชียโดยเฉพาะ (อ่านรายละเอียดผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม ที่นี่)

เป็นยังไงกันบ้างคะ? กับการทดสอบรีวิวรองพื้นคุมมัน ปกปิด ถูกและดี VS แพงแต่คุ้ม หวังว่าเพื่อน ๆ จะถูกใจกันนะค้าาา ครั้งหน้าอยากให้เราหยิบอะไรมา Blind Test กันอีก comment บอกกันมาได้เล้ยยย <3

ส่วนใครชอบรองพื้นงานผิว ไปอ่านรีวิวกันต่อได้ที่นี่เลยจ้า