Profile

หลังจากได้ Senka Deep Moist Lotion II สูตร Rich และได้ลองใช้มาตั้งแต่ได้รับเลย บอกเลยว่าตัวนี้ให้ความชุ่มชื้นดีมากค่ะ ถูกใจทีมหน้าชุ่มฉ่ำแบบเรามากๆ เพราะส่วนตัวเชื่อว่าผิวจะแข็งแรงได้ต้องชุ่มชื้นก่อน เลยชอบใช้สกินแคร์ที่เน้นในเรื่องนี้ ส่วนตัวเราเลือกเป็นโลชั่นน้ำตบมานะคะ ซึ่งผลของน้ำตบเนี่ย เค้าจะซึมซาบเข้าผิวเราได้เร็ว ไม่เหนอะหนะ ใช้เช้าก่อนแต่งหน้าได้ด้วย

ตัวนี้แพคเกจเป็นขวดขนาด 200 มล. คิดว่าใช้ได้นานพอสมควรเลยค่ะเพราะเราใช้ครั้งนึงไม่ได้เยอะมาก แต่ตัวฝาเค้าเนี่ย เราว่ามันใหญ่ไป ไม่เหมาะกับการเหยาะ เพราะมันหกได้ง่ายมากๆเลย

เนื้อผลิตภัณฑ์ ตัวนี้เป็นน้ำเหลวๆ สีใสๆ เหมือนน้ำเปล่าเลยค่ะ แต่อาจจะมีความหนืดนิดดดดเดียว แบบเราจะมีฟีลลื่นๆนิดหน่อยตอนสัมผัส ไม่มีน้ำหอม ไม่มีแอลกอฮอล์ แต่มีกลิ่นหอมอ่อนๆนะคะ ส่วนตัวตรงนี้เราไม่แพ้ค่ะ ตัวนี้อ่อนโยนแบบไม่ไหวแล้ว

การใช้งานคือตบๆๆๆๆลงให้เค้าซึมเข้าผิว จะรู้สึกได้ทันทีเลยว่าเค้าช่วยเรื่องความชุ่มชื้น ผิวจะเหมือนมีอะไรเคลือบบางๆ ดูอิ่มน้ำ ไม่เหนอะเลยแม้แต่น้อยค่ะ ชิวมากๆ เราใช้หลังล้างหน้าแล้วเช็ดโทนเนอร์นะคะ

ผลลัพธ์ที่เราได้คือผิวชุ่มชื้นมากๆ ตามคำเคลมเลย ผิวดูสุขภาพดีขึ้นมากๆ วันไหนขี้เกียจก็ไม่ต้องใช้สกินแคร์ขั้นต่อไปค่ะ ตัวเดียวพอ555

สบู่เหลว Parrot Hyaluron Vitamin C&E Orange Booster

หลังจากได้ลอง ตัวนี้เป็นไปตามคำเคลมที่เค้าจะทำให้ผิวดูเด้งอิ่มน้ำ กระจ่างใสด้วยวิตามิน C&E เติมความชุ่มชื้นจากไฮยาลูรอนได้เลยค่ะ

กลิ่นของสูตรนี้ค่อนข้างจะแรงค่ะ แต่หอม ส่วนตัวชอบมากๆ ด้วยกลิ่นที่ผสมความซิตรัสส้มๆ ทำให้เวลาอาบน้ำแล้วรู้สึกสดชื่น แฮปปี้ ตื่น ประมาณนี้

แพคเกจเป็นขวดบีบ รูเปิดค่อนข้างกว้างพอสมควร อาจจะต้องระวังเทปริมาณเยอะไปนิดนึง แต่ข้อดีคือไม่ต้องบีบเวลาใช้

ตัวเนื้อเป็นเนื้อสีส้มมุกๆเงาๆ เหลวมากกกแบบไหลหยดได้เลย แต่พอตีขึ้นโฟมก็สามารถขึ้นฟองได้อย่างดี ฟูเป็นสีขาวอมส้มอ่อนๆ ล้างออกง่ายมากๆ ผิวไม่เอี๊ยด หลังเช็ดตัวแล้วยังดูชุ่มชื้นอยู่ค่ะ

หลังใช้ ตัวนี้กลิ่นจะติดผิวแบบอ่อนๆ อ่อนมากๆ ส่วนตัวเราชอบจุดนี้ เพราะถ้าเราฉีดน้ำหอมต่อ กลิ่นน้องเค้าจะไม่ไปตีกันจนทำให้น้ำหอมเรากลิ่นเพี้ยนไป และอีกอย่างคือเหมือนล้างสบู่แล้ว555555

ส่วนเรื่องของผลลัพธ์ที่ได้ ในเรื่องความกระจ่างใส่อันนี้เราไม่เห็นผล เพราะด้วยความที่เป็นสบู่ ระยะเวลาในการซึมลงผิวมีน้อยมากๆค่ะ เรื่องความชุ่มชื้นอันนี้โอเคมากๆ ล้างแล้วไม่ได้รู้สึกผิวแห้ง แต่ยังดูผิวสุขภาพดีอยู่ โดยรวมๆเราชอบค่ะ

ครีมกันแดด Biore UV Anti-Pollution Body Care Serum เป็นผลิตภัณฑ์ที่เราใช้เป็นประจำอยู่แล้วค่ะ ส่วนตัวคือเป็นแฟนไลน์กันแดดของบีโอเร ตั้งแต่กันแดดหน้าเลยลามมาซื้อกันแดดตัวเค้าใช้บ้าง บอกเลยว่าไม่เคยผิดหวังค่ะ แถมรุ่นนี้คือกันน้ำ กันฝุ่น กันแดด บำรุงผิว ครบมากๆกับการใช้ชีวิตบ้านเราจริงๆ

ปกติสูตรที่เราใช้เป็นประจำจะเป็นสูตรสีชมพู Intensive White รอบนี้ได้รับสูตรสีฟ้า Refresh Bright มาลองคือชอบกว่าเดิมอีกค่ะ บวกกับเห็นว่ามีสูตรสีแดง Age Defense เลยหาซื้อมาลองเพิ่ม ซึ่งก็ใช่ค่ะ ไม่ผิดหวังสักสูตรเลย ถึงแต่ละตัวผลลัพธ์จะไม่แตกต่างมาก แทบจะเหมือนกันเลย แต่หลักๆคือกลิ่นค่ะ กลิ่นเค้าไม่เหมือนกัน55555 โอเค เราจะมารีวิวทีละตัวนะคะ

เริ่มที่สูตรสีชมพูที่เราใช้มาก่อนจะได้มาลอง สูตรนี้เป็นสูตร Intensive White มีส่วนผสมของ Whitening, Vitamin B3, สารสกัดจากส้มยูซุ เน้นเรื่องช่วยการปกป้องผิวจากความหมองคล้ำ และปรับสภาพสีผิวได้เล็กน้อย

ต่อกันที่สูตรสีฟ้า สูตรนี้ส่วนตัวเราชอบที่สุดในทั้งสามสูตรเลย ปังมาก เพราะเค้ามี cooling effect ทาแล้วเย็นๆ เหมาะกับสภาพอากาศบ้านเราสุดๆ บวกกับมีสารสกัดจากแตงกวา และทำให้ผิวดูกระจ่างใสได้ด้วย

ต่อมาที่สูตรที่สาม สีแดง Age Defense ตัวนี้จะผสม Hyarulonic Acid ซึ่งจะช่วยในเรื่องของความชุ่มชื้น และวิตามินอี เพื่อชะลอริ้วรอย ไม่ให้แดดมาทำให้ผิวเราแก่ก่อนวัย

ทั้งสามสูตร จากที่ลอง ตัวเนื้อผลิตภัณฑ์ไม่มีความแตกต่างกันเลย ทั้งสามตัวเนื้อไม่เหลวจนไหล ไม่หนืดจนทายาก แต่กลับทาง่าย ซึมเร็วมากๆ ปรับสภาพผิวให้ขาวขึ้นมาได้ประมาณหนึ่งเฉด และจากที่ลองบนหน้าคือแต่งหน้าต่อได้ ใช้รองพื้นเดิมได้แม้จะขาวขึ้นมานิดหน่อย (ถึงแม้จะเป็นกันแดดทาตัวก็ตาม) จากรูปที่เราแนบก็จะเห็นว่า ผิวเราจะขาวขึ้นมานิดนึง (อันนี้แสงเดียวกัน ลองตอนทาจริงๆ แต่อาจจะติดเงาๆนิดหน่อย)

มาต่อกันที่การทดสอบต่างๆ

อันแรกเป็นการทดสอบความเหนอะหนะ โดยการตัดกระดาษสีๆมาโรยๆแล้วเขย่าแขนดู ปกติทากันแดดยี่ห้อที่เค้าว่าปังกระดาษก็ติดค่ะ แต่ตัวนี้คือติดน้อยมากกกกก แบบเค้าซึมหายไปเลยอะ สิบกว่าวินาทีหลังทาเอง จัดว่าดีมากๆค่ะ ไม่เหนอะหนะเลย ใช้ชีวิตต่อได้สบาย

ต่อมา เราเห็นข้างแพคเกจเค้าเคลมความ water resist ไว้ เลยลองเอาไปผ่านน้ำก๊อก คิดว่าเค้าจะหลุดมาบ้าง แต่ไม่ค่ะ นี่คิดว่าเค้ายังอยู่เหมือนเดิม เพราะกลิ่นที่ติดแขนคือแบบเดิมเป๊ะ แถมยังสีผิวแบบเดียวกับตอนหลังทาด้วย

ต่อมาอันสุดท้าย อันนี้เราว่าสำคัญสุดในโลกของกันแดดเลย นั่นก็คือ การทดสอบความมัน จะเห็นได้เลยว่า ตอนที่เราทาแล้วใช้กระดาษซับมันมาซับตอนเค้าซึมไปหมดแล้วเรียบร้อย จะยังมีความมันอยู่ค่ะ แต่ว่าน้อยมากๆ (ดูตามภาพได้เลยนะคะ) แล้วจากการที่เราลองบีบเนื้อผลิตภัณฑ์ไว้บนกระดาษซับมันทิ้งไว้เนี่ย อันนี้เราว้าวมากเลยค่ะ ตอนแรกเราจะลองแบบ 3ชม. ด้วย แต่คือพอมาดูแล้วเค้าไม่ได้กระจายความมันเพิ่มจนเห็น เลยได้ 5ชม. กับ 10ชม. มาค่ะ จะเห็นได้ว่าวงน้ำมันไม่ได้กระจายกว้างเลยแม้เราจะทาไปนานแล้ว ตรงนี้เราคิดว่าเค้าไม่น่าจะทำให้ผิวเรามันระหว่างวันง่ายขนาดนั้น นับว่าปังมากๆ และจากการที่ใช้ตัวรุ่นชมพูมาตั้งแต่ยังไม่เปลี่ยนแพคเกจ ทาระหว่างวันผิวตัวก็ไม่ได้มันนะคะ

ในส่วนของแพคเกจ ตัวนี้จะมี 2 ไซส์ค่ะ ทั้ง 2 ไซส์จะเป็นหลอด ไซส์เล็กคือเหมาะมากๆกับการพกพา ส่วนไซส์ใหญ่ก็ไม่ได้ใหญ่มาก หยิบจับสะดวกค่ะ หัวบีบเป็นปลายไม่ใหญ่ทั้งคู่เลย อันนี้เราชอบ เพราะตัวครีมจะไม่ทะลักออกมาเวลาบีบ ทำให้เรากำหนดปริมาณที่ควรใช้ได้ง่ายมาก

ในส่วนของผลลัพธ์หลังการใช้..
ตัวนี้ประสิทธิภาพการกันแดดเค้าอยู่ที่ SPF 50+ PA+++ ทั้งสามสูตรเลยค่ะ ซึ่งเหมาะสมและเพียงพอต่อการใช้ในชีวิตประจำวันแล้วนะคะ 

ตามรูปรีวิวเราจะเห็นทั้ง before after หลังทาทันที และหลังใช้ประจำ 12 วัน (วันนี้ที่มาพิมพ์คือ 14 วัน ไม่ได้ต่างจาก 12 เท่าไหร่ค่ะ) และมีรูปการทาลงบนผิวสองสี (ยืมแขนคุณพ่อมาลองค่ะ) จะเห็นได้เลยว่า ตัวนี้จะทำให้ผิวขาวมาระดับนึงหลังทาทันที ผิวสองสีสามารถใช้ได้นะคะ ไม่ได้ขาวเว่อขนาดนั้น ทิ้งไว้สักพักเค้าจะปรับสภาพเนียนๆเลย และหลังใช้ติดต่อกัน เค้าจะทำให้ผิวเราขาวขึ้นมานิดดดดนึงด้วยค่ะ ไม่ได้เห็นผลชัดมาก อันนี้เป็นสูตรสีชมพูนะคะ

และจากที่ลองทาผิวหน้าด้วย น้องเค้าสามารถใช้กับผิวหน้าได้น้า แต่ส่วนตัวก็ไม่แนะนำเท่าไหร่ค่ะ เพราะเค้าทำมาสำหรับผิวกาย ผิวหน้าเรามั่นใจมากๆว่าทุกคนน่าจะมีใช้กันอยู่แล้ว ไว้ใช้เวลารีบๆปาดทั้งหน้าตัวแทนน้า

ในส่วนของกลิ่นที่เราบอกไว้ตั้งแต่ต้นว่าต่าง...
- Intensive White ตัวนี้กลิ่นจะออกแนวดอกไม้ๆ ส่วนตัวว่าฉุนและไม่สามารถฉีดน้ำหอมต่อได้ เพราะกลิ่นติดทน นาน มากๆ แถมไม่ได้หอมขนาดนั้นค่ะ เป็นจุดที่เราไม่ค่อยชอบเลยสำหรับตัวนี้
- Refresh Bright ตัวนี้กลิ่นจะเป็น aloevera+cucumber ส่วนตัวเราชอบมากๆ มันเฟรช สดชื่น หอม แถมยังเย็นๆด้วยค่ะ
- Age defense ตัวนี้กลิ่นจะคล้ายตัวสีฟ้า แต่ฉุนกว่านิดนึง กลิ่นติดพอๆกับตัวสีชมพูค่ะ

สุดท้าย ราคาน้องจับต้องได้ ปริมาณเยอะมากๆ 50ml 129thb และ 150ml 290thb ซึ่งตัวไซส์เล็กเราไม่แน่ใจว่าขายทุกที่มั้ย แต่เราเห็นที่ tops กับใน online platform นะคะ ทั้งหมดนี้สามารถหาซื้อได้ทั่วไป วัตสันลดบ่อยค่ะ ช้อปปี้ ลาซาด้า บูทส์ มีหมดเลยนะคะ หาไม่ยากเลย ใครหากันแดดตัวอยู่ก็ลองซื้อมาใช้กันได้ค่ะ หลอดนึงใช้จนลืมเลยกว่าจะมด

ก่อนจะจากไปอยากฝากไว้ว่า 'กันแดดหน้าทาสองข้อนิ้วนะคะ ส่วนกันแดดตัว โบกโลดค่ะ โบกไปเลยไม่ต้องกลัวหมดนะคะ'

ครีมอาบน้ำ Parrot Oil in Bath สูตร White Perfect 

ส่วนตัวเป็นคนเปลี่ยนครีมอาบน้ำค่อนข้างบ่อยค่ะ เพราะไม่ค่อยเห็นความแตกต่างของแต่ละตัว นอกจากเรื่องกลิ่น พอได้ลองตัวนี้ที่เป็นแบบ Oil in Bath เคลมมาว่าสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นในผิวได้ดี ก็คือประทับใจมากกกก  เพราะจากที่ได้ลองมาสักพัก ผิวชุ่มชื้นจริงๆค่ะ กลิ่นติดผิวดีด้วย ล้างออกง่ายมาก แถมล้างแล้วผิวไม่เอี๊ยดฝืด ยังคงความชุ่มชื้นอยู่แบบเห็นได้ชัด

ตัวนี้เป็นเนื้อเหลว สีขาวเงาๆคล้ายไข่มุกเลย กลิ่นคือหอมฟุ้งตั้งแต่ยังไม่ทันกด กลิ่นเป็นกลิ่นแบบเหมือนอยู่ในทุ่งดอกไม้เยอะๆ ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นกุหลาบมาก ถ้าใครไม่ชอบกลิ่นแรงๆน่าจะรู้สึกฉุนเลยแหละ

แพคเกจเป็นหัวปั๊ม ส่วนตัวเราชอบใช้หัวแบบนี้อยู่แล้วเพราะทำให้ง่ายมากๆเวลาอาบน้ำ ไม่ต้องมาเปิดฝาอะไรเลย กดปั๊มเดียวคือพอดีกับการอาบน้ำครั้งนึงได้เลย แถมขวดใหญ่มากๆๆๆ คุ้มสุดๆ

ส่วนเรื่องที่เค้าผสมวิตามินบีสามมา ที่จะช่วยเรื่องความกระจ่างใส่ ส่วนตัวจุดนี้ไม่เห็นผลเลย อาจจะเพราะมันยังไม่ได้ซึมเข้าผิวเรา เพราะแปปเดียวก็ล้างออก แต่รวมๆแล้วคือชอบค่ะ

เจลล้างหน้า SENKA Perfect Gel Gentle Wash เป็นผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตรไม่มีฟอง เนื้อเจลใส่ อ่อนโยน เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว มีส่วนผสมของสารบำรุงต่างๆ แล้วปราศจาก ionic surfactant ที่ปกติจะมีอยู่ในผลิตภัณฑ์ล้างหน้าเป็นปกติด้วย จุดนี้ถือว่าดีมากๆเลยค่ะ อีกอย่างที่เราชอบคือ เค้าใช้สำลีเช็ดแทนได้ ไม่ต้องล้างน้ำออก เราลองแล้วคือเวิร์คค่ะ เหมาะมากเวลาน้ำไม่ไหล5555

ส่วนตัวเป็นแฟนคลับไลน์ Perfect Whip ของ Senka อยู่แล้ว ใช้มาตั้งแต่เค้ายังไม่เข้าไทย จนตอนนี้มีปรับสูตร กลายเป็นแบบเจลใส ไม่ต้องตีฟอง (เพราะน้องไม่มีฟองจริงๆ) อ่อนโยนมากๆๆๆ มากกว่าเดิมอีก ตัวนี้เราใช้แล้วไม่แพ้นะคะ น่าจะเหมาะกับผิวแพ้ง่ายมากๆ

แพคเกจเป็นหลอดเหมือนตัวก่อนๆเลย หัวบีบเล็กพอดีกับปริมาณเจลที่ออกมา ไม่ได้ล้นทะลักอะไร สีน่ารักกก เป็นสีฟ้าอ่อนๆพาสเทลๆค่ะ

เนื้อผลิตภัณฑ์ ตามภาพเลยค่ะ เจลใสๆ เนื้อหยุ่นๆ กลิ่นหอมอ่อนๆ (เราลองดมใกล้ๆจะคล้ายๆเจลล้างมือแอลกอฮอล์ค่ะ55555) กลิ่นจะเปรี้ยวๆมะนาวๆหน่อย เฟรชอยู่ค่ะ ตอนล้างหน้า เนื้อเจลจะไม่มีฟองเลย อ่อนโยนมากๆจริงๆค่ะ

หลังใช้เจลล้างหน้าตัวนี้ เราว่าเค้าต้องใช้ตัวเจลประมาณนึงเลยถึงจะล้างได้ทั้งหน้า เพราะว่าพอล้างแล้วเนื้อมันหายไปเยอะเลยค่ะ มันยังไม่ได้รู้สึกสะอาดมากถ้าใช้เท่าที่ใช้ปกติ แต่พอล้างซ้ำอีกรอบก็สะอาดค่ะ ไม่เอี๊ยด ผิวยังคงความชุ่มชื้นอยู่ ส่วนเรื่องความมัน เราว่าน้องเค้ายังทำได้ไม่สุด บริเวณจมูกยังเหลือความมันทิ้งไว้อยู่ค่ะ พอล้างเสร็จคิดว่าใครมาหอมแก้มน่าจะได้กลิ่นตัวเจลอยู่ (จากการลองล้างที่มือแล้วดม กลิ่นติดดีมากจริงๆ)

Overall เราขอหักที่ขจัดความมันออกได้ไม่หมด ใช้แล้วรู้สึกเปลืองนิดนึงเพราะต้องบีบเยอะกว่าปกติให้ทั่วหน้า ส่วนเรื่องกลิ่น แพคเกจ ราคา อันนี้ดีมากกกค่ะ สามารถหาซื้อได้ง่ายมากๆ ราคาไม่แพงเลยเพราะขนาดเค้าใหญ่พอสมควร อ่อนโยน เหมาะสำหรับคนผิวบอบบางแพ้ง่ายมากๆค่ะ

หลังจากที่ได้ลองใช้เจ้า Vaseline Dry Serum Ultra Whitening มาสักพัก ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วง wfh เหงื่อจะหนักมากๆตอนออกกำลังกายที่บ้าน แต่คือปกติเราไม่เคยใช้โรลออนเลย ใช้เป็นพวกแป้งเต่าอะไรแบบนี้ เลยรู้สึกไม่ค่อยชินกลิ่นเท่าไหร่ค่ะ

ตัวนี้เป็นตัวระงับกลิ่นรักแร้ แบบเนื้อครีม เคลมไว้ว่าสามารถทำให้ผิวใต้วงแขนกระจ่างใสได้ด้วย ส่วนนี้เราไม่เห็นผลค่ะ มันขาวปกติอ่า ส่วนเนื้อครีมดีมากค่ะ กลิ่นค่อนข้างแรงพอสมควร จนมันแห้งแล้วกลิ่นก็ยังอยู่ ส่วนนี้ดีอยู่ค่ะ กันกลิ่นเหงื่อเราได้ แต่ส่วนตัวไม่แนะนำกับคนที่กลิ่นจุ๊กแรงๆนะคะ เพราะกลิ่นมันตีกันแล้วไม่ค่อยหอมเท่าไหร่ค่ะ5555 กลิ่นตัวนี้เป็นแนวครีมทาผิววาสลีนเลยแต่จะฉุนกว่าหน่อย และเรื่องการระงับเหงื่อ อันนี้ไม่เห็นผลเช่นกันค่ะสำหรับเรา อาจจะไม่ได้เหงื่อออกเยอะมากก็เป็นได้

หลังทา เนื้อครีมแห้งไวมากกกกกค่ะ ไม่เหนียวเหนอะหนะ เหมือนไม่ได้ทาเลย ทาง่ายด้วย มีตัวฝาโดมหมุนๆมาให้ ปาดจั๊กได้เลย สะดวกมากเวลารีบๆ

สินค้าบรรจุมาในหลอดพลาสติกค่ะ ปริมาณน่าจะใช้ได้นานมากๆเพราะใช้แค่วันละสองเม็ดถั่วเขียว ซึ่งน้อยมากๆเลย คุ้มค่ะ ไปตำได้จ้า

หลังจากได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของรองพื้นของ YSL มานานมากกกก แต่ไม่เคยได้ลองใช้สักทีเพราะคิดว่ามันแน่นปั้กไม่เหมาะกับการแต่งระหว่างวันทั่วไป แต่ว่าๆ วันนี้ได้ลองแล้วค่ะ ขอบคุณทาง cosmenet มากๆที่เปิดโลก foundation แบบนี้ให้ ปกติฝ้ายจะใช้แต่แนวดิวอี้ๆ หน้าเงาๆดูสุขภาพดีมาตลอดเลยค่ะ

ก่อนอื่น ตัวนี้คือ Yves Saint Laurent All Hours Foundation อันแสนมีชื่อเสียงของแบรนด์มาตลอดหลายๆปี ในส่วนของแบรนด์เนี่ย คุณภาพเค้าขึ้นชื่ออยู่แล้วค่ะ ฝ้ายเป็นแฟนคลับลิปสติกแบรนด์นี้เลย ดีมากๆ

น้องรองพื้นตัวนี้เค้าเป็นเนื้อแมท-ซาติน นะคะ (มันไม่ถึงเค้าแมทแห้งไปเลยซะทีเดียวค่ะ) ตามคำเคลมคือ full coverage, long wear, ติดทนยาวนานถึง 24hrs และมีผสมสารกันแดดด้วย ซึ่งมันก็ดูเป็นคำเคลมทั่วๆไป ที่หลายๆแบรนด์ก็มี แต่ส่วนตัวที่ฝ้ายคิดว่าต่างคือ น้องเกลี่ยง่ายมากกกก เนื้อดี ไม่แห้ง ใช้แล้วรู้สึกเหมือนได้ผิวเกิดใหม่แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน (ไม่ได้อวยค่ะ *แนบรูป*)

อย่างที่บอกว่าปกติฝ้ายจะไม่ค่อยใช้อะไรที่เป็นเนื้อแมท เพราะรู้สึกยว่าตัวเองหน้าแห้ง ถ้าใช้แมทแล้วหน้าจะแห้งไปกันใหญ่ แต่ตัวนี้ตอบโจทย์ค่ะ หน้าไม่แห้งเลย ไม่เป็นขุยในช่วง 10ชม.แรก แต่หลังจากนั้นบริเวณหน้าผากมีหลุดบ้างเล็กน้อยค่ะ มองใกล้ๆถึงจะเห็น จึดนี้ฝ้ายไม่ติด เพราะที่เคยใช้มา ทั้งคูชั่นและรองพื้นก็หลุดหมดนะคะ อันนี้ถือว่าทำหน้าที่ของรองพื้นได้นานพอสมควรแล้ว 

ฝ้ายใช้สี B20 ซึ่งค่อนข้างขาว (ปกติใช้คูชั่นเกาหลีสี light นะคะ) ตัวสีรองพื้นไม่เกิดการ oxidise หรือเปลี่ยนสีหลังทาเลย และไม่เทา พอดีผิวฝ้ายเป๊ะๆมาก เนียนมาก สวยมาก เหมือนผิวสุขภาพดีตั้งแต่ตื่นนอน

การปกปิด: อย่างที่ทำรูปเปรียบเทียบไว้ให้ค่ะ อันนี้ฝ้ายใช้มือทาทั้งหมดนะคะ ทา 1 เลเยอร์จะเป็นการปกปิดแบบธรรมดา เหมาะกับการทาแบบ daily ถ้าอยากปกปิดเพิ่มอีกก็จัดเลอเยอร์เพิ่มเข้าไปเลยค่ะ จากรูปจะเห็นว่าฝ้ายลองทา 3 เลเยอร์ ตัวอายไลน์เนอร์สีดำมากที่ทากลบก็หายไปแล้วค่ะ แต่จะแลกมาด้วยความหนานิดนึง แต่บอกเลยว่าไม่หนักผิวแต่อย่างใด ส่วนที่ทาที่หน้าจริงๆ ขี้แมลงวันฝ้ายหายไปหลายเม็ดค่ะ จากการทาครั้งเดียว ไม่ได้ใช้คอนซีลเลอร์เลย และใช้แปรงทาด้วย ซึ่งก็คือดีมากกก ไม่หนักแต่ปกปิด

การควบคุมความมัน: ในส่วนนี้ของฝ้ายค่อนข้างดูออกยากค่ะ เพราะเป็นคนหน้าแห้ง แต่จากการลองไปเผชิญแสงแดดต่างๆทั้งวัน ผ่านการไปไหวเชงเม้งร้อนๆ เหงื่อไหลเยอะๆเนี่ย หน้าไม่มันเลยนะคะ แต่ถ้าคนหน้ามันอาจจะมีความมันออกมาบ้างค่ะ

ความติดทน: จุดนี้ ฝ้ายทำการลองมา 12ชม. ตั้งแต่ 6โมงเช้า ถึง 6โมงเย็น ตามภาพ(ขอโทษที่ถ่ายคนละแสงและความชัดไม่เท่ากันนะคะ พอดีกล้องหน้ามือถือซูมแล้วมันเบลอนิดนึง บวกกับมีทั้งแสงธรรมชาติ แสงแดด แสงฟลู และแสงในรถค่ะ แต่ผิวเหมือนเดิมเลยจริงๆค่ะ) ซึ่งจะเห็นได้ว่า ตัวรองพื้นเริ่มหลุดบริเวณข้างจมูกตรงจุดแป้นแว่นตาก่อนค่ะ (อันนี้ปกติมากกก) และพอตอน เกือบ6โมงเย็น หน้าผากจะเห็นขุยค่อยข้างชัดเลยค่ะ มีหลุดบริเวณจมูกบ้างเล็กน้อย แต่ไม่คราบเลย แบบยังดูเนียนสวยถ้ามองไกลๆ ปังมาก

แพคเกจ: ตัวแพคเกจไซส์จริวขอวเค้าจะเป็นขวดปั๊มใหญ่ๆ เรียบหรู ดูดี ตามสไตล์อีฟแซงเลย ราคาก็จะแรงหน่อย (แปรผันตามคุณภาพจริงๆ) 25ml 2500thb ค่ะ

สรุปค่ะ ฝ้ายชอบมากกกก เป็นรองพื้นเนื้อเหมือนจะแมทแต่แมทไม่สุดที่ดีที่สุดตั้งแต่เคยใช้มา ส่วนตัวคิดว่าเหมาะกับการใช้แต่งหน้าไปงานแบบปังๆปึ้กๆ สวย หรู ดูแพง อยู่ดีๆก็ผิวดีขึ้นมาเฉยๆ ติดทนนาน ปกปิดริ้วรอยและรอยแดงต่างๆได้ คนผิวแพ้ง่ายแบบฝ้ายไม่แพ้ค่ะ มีเฉดสี 22 สีให้เลือก แน่นอนว่าต้องมีสีสำหรับทุกคน ในส่วนของราคา จุดนี้ถ้าใครมีงบก็ตำโลดค่า คุ้มมม ใช้ไปยาวๆนานๆไปเลย

มาค่ะ! วันนี้จะมารีวิวเจ้าผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางแบบเนื้อน้ำมันกันค่ะ
สำหรับแบรนด์ที่จะมารีวิววันนี้เนี่ย เค้าขึ้นชื่อเรื่อง cleansing oil เป็นทุนเดิมอยู่แล้วค่ะ
ส่วนตัวฝ้ายเองก็เคยใช้รุ่นอื่นของไลน์นี้อยู่ แต่สูตรนี้คือถูกใจฝ้ายมากๆ และสิ่งๆนี้ก็คืออออ...

Shu Uemura Ultime8 sublime beauty cleansing oil

แน่นอนเลยว่าสาวๆน่าจะมีปัญหาพวกเมคอัพแน่น หนัก ปึ้ก กันน้ำ ล้างไม่ออกกันอยู่บ่อยๆ การจะใช้ makeup remover ลบก็อาจจะมีการปาดถูของสำลีหลายรอบทำให้ผิวเราถูกทำร้ายไปอีก
เจ้าตัวนี้แหละสามารถช่วยได้ ฝ้ายชอบใช้คลีนซิ่งแบบออยล์ล้างหน้ามากๆค่ะ มันเป็นความรู้สึกที่สะอาดกว่า ไม่ต้องห่วงเรื่องสำลีบาด ไม่ต้องห่วงเรื่องล้างแล้วจะมีเมคอัพหลงเหลือ แล้วมันยังสนุกด้วย55555
 
ผลิตภัณฑ์ที่ฝ้ายได้แบบ trial use มาเป็นตัว Ultime8 ซึ่งเค้าจะเหมาะกับสภาพผิวทุกประเภทเลย เรียกได้ว่าใครจะใช้ก็ย่อมได้ แล้วเป็นสูตรที่เค้าสกัดมาจากน้ำมันจากพืชสมุนไพรถึง 8 ชนิดแน่ะ เค้าเคลมว่านอกจากจะทำความสะอาดอย่างหมดจดแล้วเนี่ย ยังได้การบำรุงผิวหน้าไปในตัวด้วยค่ะ แถมคนต่อขนตายังใช้ได้ด้วยนะคะ น้องไม่ทำลายกาวแต่อย่างใด

มาในส่วนของวิธีการใช้เจ้าพวกออยล์ล้างหน้านะคะ
1. ก่อนอื่นเราจะต้องใช้มือที่แห้ง และสะอาด ย้ำค่ะ! มือต้องแห้ง! เทเนื้อผลิตภัณฑ์ลงไปประมาณนึง แค่ให้พอวนทั่วหน้านะคะ
2. แปะหน้าแล้วนวดค่ะ นวดวนไปทั่วหน้า เราจะเห็นเลยว่าเมคอัพจะหลุดออกมา ตาแก้มปากใช้ได้หมดนะคะ ถ้าใช้ตรงตาก็ระวังน้องเค้าเข้าตานิดนึงน้า
3. อันนี้คือความสนุกที่บอกค่ะ เราจะใช้น้ำแตะๆแล้ววนต่อ เค้าจะเปลี่ยนเนื้อเป็นเนื้อน้ำนม อันนี้เกิดจากปฏิกิริยาของตัวคลีนซิ่งกับน้ำ ที่จะทำให้ตัวผลิตภัณฑ์เป็นอิมัลชั่นขึ้นมาค่ะ จุดนี้เราก็วนกันต่อไปให้พอใจเลย
4. สุดท้ายยย ล้างน้ำออกให้สะอาด และสิ่งสำคัญคือ *อย่าลืมล้างโฟมล้างหน้าปกติต่อนะคะ เลี่ยงการอุดตันของน้ำมันบนผิวหน้าจ้า*

ในส่วนของตัวผลิตภัณฑ์ที่อยากบอกมากว่าประทับใจม้ากกกกก ตัวนี้เป็นรุ่นขวดสีชา แพคเกจปกติจะมาในขวดปั๊มมีตัวล็อคนะคะ เนื้อออยล์เค้าจะใส และเข้มข้นมากๆ กลิ่นหอมอ่อนๆ เวลานวดวนแล้วจะเคลิ้มค่ะ

จากที่เห็นในรูปรีวิวนะคะ ครั้งนี้ฝ้ายใช้เมคอัพทุกอย่างเลย ปนๆกันทั้งเวอร์ชั่นเบา แป้ง บลัชออนเนื้อครีม ไฮไลท์ ไล่ไปจนมาสคาร่ากันน้ำ และอายไลน์เนอร์กันน้ำหนักมาก (ตามสไตล์คนหนังตามันมากกก) แบบที่ปกติใช้ remover ยังต้องถูแล้วถูอีก จะเห็นได้ว่าตัวนี้ทำความสะอาดออกหมดเกลี้ยงเลยค่ะ ไม่เหลือแม้แต่คราบ เรียกได้ว่าค่อนข้างจะตอบโจทย์คนรีบๆ อยากล้างเมคอัพแบบรวดเร็ว ตัวเดียวจบทุกความ waterproof ค่ะ

เนื้อผลิตภัณฑ์เหลวค่ะ แล้วก็ไม่ได้ถึงกับมันมากจนล้างยากอะไร สามารถวนผิวหน้าได้แบบไม่รู้สึกฝืดเลย  หลังใช้เสร็จแล้วหน้าไม่แห้ง ไม่แสบนะ ไม่ระคายเคืองนะคะ ส่วนผลหลังการลองใช้มาสักพักคือ สิวอุดตันไม่ขึ้นค่ะ ปกติจะเป็นคนที่อุดตันง่ายมาก แต่ตัวนี้หายห่วงค่ะ

สรุปส่งท้ายไว้ตรงนี้ว่าชอบมากกกกกก ราคาน้องเค้า 1,650 thb/150ml และ 4,400thb/450ml ซึ่งถือว่าแรงอยู่ค่ะ แต่จัดว่าคุ้มม ใช้ได้ทั้งปีแน่นอน หาซื้อได้ที่เคาน์เตอร์ชูได้เลยย  แนะนำมากๆสำหรับคนที่อยากได้อะไรที่ตัวเดียวจบ ล้างได้ทั้งหน้า ไม่ต้องใช้สำลีให้บาดหน้าอีกต่อไปป แต่ใครแพ้น้ำหอมหรือสารหอมระเหยนี่อาจจะต้องไปลองก่อนนะคะ ส่วนเรื่องความสะอาดถือว่าสุดยอดค่ะ วนแปปเดียวลบเมคอัพกันน้ำหนักมากได้เกลี้ยงเลยจริงๆ แถมหน้ายังนุ่มๆ ชุ่มชื้นไม่แห้งตึงด้วยค่า

เชื่อว่าในนี้มีสาวผิวแห้งม้ากกกก แบบเราอยู่พอสมควรนะคะ เราเป็นคนนึงที่ประสบปัญหาทาครีมเท่าไหร่ก็แห้ง แต่ Aveeno ตัวนี้คือค่อนข้างตอบโจทย์เรา (เราชอบกว่าสูตรสีเขียวที่เคยรีวิวไปนะคะ)

เริ่มกันเลย เนื้อครีมสูตรนี้เค้าคอนเฟิร์มการกักเก็บความชุ่มชื้น และทำให้ผิวดูสุขภาพดีถึง 24 ชั่วโมง ซึ่งมันนานมากๆค่ะ แล้วตัวนี้มีส่วนผสมของข้าวโอ๊ตสกัด กับ shea butter เจ้าตัวนี้เนี่ยช่วยเรื่องความชุ่มชื้นแบบสุดๆเลย เราจะเห็นได้ในโลชั่นที่เค้าเน้นเรื่องความชุ่มชื้นมากๆ

มาในส่วนเนื้อผลิตภัณฑ์ ส่วนตัวเราว่าตัวนี้เหมาะกันการทากลางคืนมากกว่า น้องจะใช้เวลาสักพักนึงในการซึม แต่ก็ไม่ได้นานนะคะ ตัวครีมค่อนข้างเข้มข้นเลยแหละ ส่วนกลิ่น ถ้าดมใกล้ๆอาจจะโอ๊ตๆตุ่นๆหน่อยบอกไม่ถูกค่ะ แต่ถ้าอยู่ห่างๆก็ไม่ได้กลิ่นนะคะ อันนี้เป็นเพราะเค้าไม่ได้ใส่น้ำหอมมาแหละ ออแกนิคนิดนึงเนอะ

แพคเกจ อันนี้เราชอบมากค่ะ ยิ่งไซส์นี้คือเหมาะมากสำหรับการหิ้วไปโบกนอนบนเครื่องบิน หัวบีบเค้าคือจิ๋วหลิวน่ารักม้ากกก ไม่เยิ้มไม่ย้อย ออกมาแบบพอกรุบกริบเลยค่ะ

มาในส่วนของตัวโลชั่นเนอะ ตัวนี้อย่างที่บอกว่าชุ่มชื้นหนักมาก ทาปุ้บ พอเค้าซึมเนี่ยจะรู้สึกเลยว่าเออ ผิวดีขึ้นอะ แล้วผิวคือคงความสุขภาพดีแบบนั้นอีกนานเลยค่ะ ความแห้งคือหายไปเลย ของเราจะมีปัญหาที่ขาเราจะแตกๆ พอเราใช้อันนี้ได้ 4 วัน ตอนนี้น้องเค้าไม่เป็นรอยทะเลทรายแห้งแล้วนะคะ(นึกภาพออกมั้ย5555) อันนี้เราให้สิบแต้มเรื่องความชุ่มชื้น เอาไปเลยค่ะ กักเก็บดีสุดที่เคยใช้มาแล้วจริงๆ

สรุปจบสวยๆได้ว่า น้องชุ่มชื้นดีมาก ราคาประหยัด แพคเกจตอบโจทย์การใช้งานและพกพามากๆ ไม่เหนียวเหนอะนะ แต่ซึมช้านิดนึงค่ะ(เข้มข้นแบบนี้ต้องให้เวลาเค้าซึมสู่ชั่นผิวอันหนาเตอะของเราๆหน่อยเนอะ)  แนะนำให้ใช้ตอนกลางคืนค่ะ กลางวันเราว่าถ้าเหงื่อออกจะเหนียวไปหน่อย แนะนำสำหรับคนผิวแห้งม้ากกกก และประสบปัญหาการคันยุบยิบที่ผิว น้องช่วยได้ค่ะ!

Senka Perfect Whip Acne Care วิปโฟมล้างหน้าสูตรใหม่จาก Senka ก่อนหน้านี้ Senka ที่เค้าบูมมากๆจะเป็นตัววิปโฟมหลอดสีฟ้าเนอะ ตัวนี้เค้าออกมาใหม่เป็นสูตรที่เหมาะกับผู้มีปัญหาสิว ซึ่งตอบโจทย์คนเคยใช้รุ่นเก่าเค้าแล้วสิวอุดตันขึ้นอย่างเรามากค่ะ

ส่วนตัวคิดว่ายี่ห้อนี้เค้าทำวิปโฟมออกมาได้ดีตามสไตล์เค้าเลย วิปแน่นมากกกกก ฟองฟู แบบไม่ต้องบีบเนื้อผลิตภัณฑ์ออกมาเยอะเลย (เราใช้ที่ตีโฟมช่วยทำวิปนะคะ ใครมีตัวปั๊มโฟมที่เป็นถ้วยๆเราเชียรือันนั้นเลยค่ะ ฟูกว่าตาข่ายแบบเรา) เนื้อโฟมเค้านุ่มมากๆ วิธีเราคือค่อยๆเติมน้ำแล้วตีต่อเรื่อยๆจนฟูเท่าที่เราต้องการแล้วโปะหน้าเลย ความโฟมละเอียดของเค้าจะทำให้หน้าเราสะอาดกว่าวิธีการล้างด้วยโฟมทั่วไปค่ะ อณูโฟมจะเข้าไปทำความสะอาดในรูขุมขนเราได้ดีกว่าอะเนอะ กลิ่นตัวนี้โอเคค่ะ เหมือนตัวเดิมของเค้า เนื้อจะเป็นเนื้อแน่นๆสีเขียวหน่อยๆ เราว่าถ้าไม่ใช้ตาข่ายตีโฟมเค้าจะล้างยากนะคะ

สำหรับเรื่องผลลัพธ์หลังการใช้ ส่วนตัวไม่เห็นผลเรื่องสิว แต่สิวอุดตันเราไม่ขึ้นค่ะ ใช้แล้วหน้าไม่แห้ง รู้สึกสะอาด ล้างง่ายถ้าเป็นเนื้อโฟม ผิวแพ้ง่ายใช้ได้นะคะ

Mizumi one-drop power hydrate serum  สูตร 12%hyaluron + ceramide เค้าเคลมว่าเป็น anti pollution ด้วยนะคะสูตรนี้ ผสม hyaluron ถึง12.5%  ทั้งแบบโมเลกุลใหญ่ โมเลกุลเล็ก และโมเลกุลเล็กมาก แน่นอว่าช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ชัวร์ๆเลย แล้วยังมี ceramide ที่ช่วยเป็นเกราะป้องกันผิวอีกด้วย แถมยังมี glycofilm เป็นชั้นป้องกันมลภาวะต่างๆ จุดนี้ทำให้เค้าสามารถปกป้องผิวเราจาก pm2.5 ได้เลย

แพคเกจเป็น dropper ขวดพลาสติกสีขาวคลีนๆลีนๆ มีตัวหนังสือน้อยๆ เราชอบนะคะ มินิมอลดี วางบนโต๊ะเครื่องแป้งแล้วน่ารักกก

หลังใช้ เราว่าเนื้อเซรัมเค้าซึมดีมาก ผิวเรียบเนียนแล้วดูอิ่มน้ำมากขึ้น ส่วนตัวเราใช้แบบผสมกับครีมที่ใช้เป็นประจำ เราว่าเค้าทำให้ผิวเราชุ่มชื้นขึ้น แต่เรื่องความกระจ่างใสไม่ค่อยเห็นผลเท่าไหร่ เนื้อผลิตภัณฑ์จะเป็นเนื้อเหลวๆสีขาวขุ่น เอาจริงๆรู้สึกว่าหมดไวไปหน่อยค่ะ แต่ก็คือยังชอบน้องอยู่ดี ผิวอิ่มๆ แต่งหน้าต่อได้เลย

จากที่ได้ลองใช้ St.Ives  Face Moisturizer สูตร Bright & Radiant Hydrating Gel Pink Lemon & Peach มาสักพักกกใหญ่ๆ เพราะใช้มาเรื่อยๆไม่ได้รีวิวสักที

ตามคำเคลมคือน้องเค้าผสมสารสกัดจาก Pink Lemon กับ Peach แท้ๆ ช่วยลดความหมองคล้ำ กับทำให้ผิวกระจ่างใสได้ แถมมี antioxidant กับ vitamin c ด้วย จัดว่าเป็นเจลที่ส่วนผสมดีเลยค่ะ

ส่วนตัวที่เลือกสูตรนี้มาเพราะผิวเราแห้งมากกก แถมเรายังเป็นแฟนคลับน้องพีชด้วย ถูกใจมากค่ะ

เนื้อสัมผัสตัวนี้จะเป็นเจลสีชมพูอ่อนใสๆนะคะ น้องเค้าค่อนข้างคงตัว ไม่เหลว ไม่ไหลย้อย (ตามรูปรีวิวตรง texture เลยจ้า) ซึมไว เนื้อสัมผัสดี ไม่หนักหน้า ทาแล้วไม่ลื่นๆแบบที่แต่งหน้าต่อไม่ได้ เจลน้องเค้ากลิ่นแบบพีชมากก พีชตั้งแต่ยังไม่เปิดกล่อง เราชอบน้องมากกกกค่ะ

แพคเกจตัวนี้มาในรูปแบบกระปุกฝาหมุนเปิดนะคะ เปิดมาจะเจอฝาปิดอีกชั้นนึงเพื่อไม่ให้น้องออกสู่โลกภายนอกไวเกินไป จุดนี้เราโอเคนะคะ แต่อยากให้มีช้อนตักครีมแถมมาให้ด้วย เราว่าใช้นิ้วควักมันอาจจะทำให้สกปรก หรือไม่ก็ทำเป็นหลอดไปเลยค่า สะดวกดี

มาที่ผลลัพธ์หลังการใช้มาสักพักใหญ่ๆของเรานะคะ ส่วนตัวเป็นคนผิวแห้งแบบที่ลอกเป็นขุยๆเลย(ในภาพที่ข้อพับแขนคือลอกขุยเลยนะคะ แต่ที่หน้าวันที่ถ่ายรีวิวไม่แห้งมากค่า)  น้องเค้าฮีลเราได้เร็วและไวมากค่ะ แถมไม่ได้เป็นเจลที่พอซึมแล้วกลับมาเป็นขุย คือชุ่มชื้นแล้วชุ่มชื้นยาวๆถึงเย็นเลย เอาจริงๆเราว้าวกับจุดนี้มากค่ะ เพราะเคยใช้อีกยี่ห้อ พอเค้าซึมจนหมด ผิวเรายังกลับมาเป็นขุยๆอยู่ แต่ตัวนี้โอเคเลย เหมาะมากๆกับการทาก่อนแต่งหน้านะคะ อยู่ในอากาศร้อนๆน้องไม่ทำให้เครื่องสำอางเยิ้มด้วยค่ะ(ทดสอบแล้วนะคะกรณีนี้) ช่วงที่เราไปเที่ยวแล้วขี้เกียจพก night skincare ก็พกตัวนี้ไปลองค่ะ พบว่าน้องเอาอยู่(ผิวชุ่มชื้นอะไรๆก็ดีค่า) เราผิวแพ้ง่ายแต่สิวเราไม่ขึ้นเลยนะคะ ตัวนี้ทำให้ผิวเรากระจ่างใสขึ้นมาหน่อยด้วยค่ะ ทาแล้วรู้สึกดี เย็นๆ สดชื่นนน กลิ่นพีชก็คือดีค่ะ ชอบ ราคาน้องไม่แรงมากด้วยย ดีค่ะดี เลิ้บมาก ไปตำโลดด

Biore UV Bright Milk SPF+ /PA++++
อันนี้เป็นกันแดดไลน์มิลค์ ที่เป็นแบบเหลวๆ ก่อนหน้านี้เราเคยใช้สีฟ้าแบบประจำเลยค่ะ ตัวนี้ต่างจากสีฟ้านิดหน่อยตรงที่เค้าช่วยปรับสภาพผิวเราได้ ทำให้ผิวสว่างขึ้น แต่เนื้อยังคงโปร่งๆ และไม่ได้ทำให้สีผิวเปลี่ยนจนโอเวอร์มาก ส่วนตัวชอบกันแดดของบิโอเรอยู่แล้ว และเราก็ใช้เป็นประจำทุกวันด้วยค่ะ

เนื้อผลิตภัณฑ์เป็นของเหลว ไม่หนืดแต่ก็ไม่ได้เหลวจนไหลเป็นน้ำ สีชมพูขาวอ่อนๆ ซึมง่ายค่ะ พอซึมแล้วเนื้อจะเงาๆนิดหน่อยแต่สักพักก็จะหายไป ทาเสร็จสามารถแต่งหน้าต่อได้เลย

ตัวบรรจุภัณฑ์ ฝาล็อคผลิตภัณฑ์ได้ดีค่ะ ปลายขวดเป็นปลายแหลมเหมาะกับการควบคุมเนื้อผลิตภัณฑ์ไม่ให้เกินไปมากได้ดีค่ะ

หลังลองใช้ตัวนี้มาหลายวัน เราว่ากันแดดได้โอเคเลยค่ะ ไม่แพ้ มีแอลกอฮอล์ผสมนะคะ ใครผิวแพ้ง่ายก็ระวังนิดนึงงง ก่อนใช้ต้องเขย่าก่อนให้เนื้อเค้าเข้ากันนะคะ

ก่อนอื่นเลย เราได้ลองตัวนี้หลังได้รับมาจากกิจกรรม เป็นช่วงนี้สิวขึ้นพอดีเลย

แบรนด์นี้เค้าเคลมว่าเป็นออร์แกนิค ไม่ใส่สี ไม่มีน้ำหอม ไม่มีพาราเบน หลักๆเน้นเรื่องสิวเป็นหลัก

ตัวนี้เค้าสามารถใช้ได้ทั้งหน้าเลย แต่คนผิวแห้งแนะนำให้ทาเฉพาะจุดหรือทีโซนพอนะคะ
เนื้อผลิตภัณฑ์เค้าจะเป็นน้ำใสๆเหลวๆเลย ไม่มีกลิ่น ซึมไวมากก แต่ถ้าทาเยอะเกินไป หน้าจะแห้งแบบตึงๆเลยค่ะ ตอนแรกเราทาแล้วตึงก็เลยไม่ค่อยโอเค เลยลองทาน้อยลงก็โอเคขึ้นใช้แล้วสิวแห้งแบบแกะหลุดได้ค่ะ
แพคเกจ อันนี้เราไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ ฝาหมุนปิดไม่ค่อยลงล๊อคเลยค่ะ ตัวแผ่นโลโก้เค้าก็เป็นสติกเกอร์เฉยๆเลย(มันลอกได้ด้วยค่ะ) ถ้าทางแบรนด์มาอ่านเราแนะนำให้ลองปรับดูนะคะ

หลังจากได้ Clearasoft intensive clear acne gel จากกิจกรรม Cosmenet พอดีกับช่วงที่สิวตรงจมูกกำลังขึ้นพอดีเลยค่ะ ถือโอกาสลองเจลแต้มสิวตัวใหม่ซะเลย ส่วนตัวเราไม่ได้เป็นคนที่สิวขึ้นเยอะและใหญ่อยู่แล้ว นานๆจะขึ้นมาเม็ดสองเม็ด แต่ยาแต้มสิวก็แน่นอนค่ะว่าขาดไม่ได้ 

จากที่อ่านคำเคลมของสินค้า เค้าเคลมมาว่าสมารถแต้มได้กับสิวทุกประเภทโดยไม่ได้ทำให้ระคายเคืองเลย และยังทำให้สิวยุบภายในหนึ่งวันด้วย เอาจริงๆคือตอบโจทย์เรามาก แล้วตัวนี้มีส่วนผสมของ salicylic acid ที่จะช่วยลดการอักเสบต่างๆของผิว(ปกติเราใช้สกินแคร์ที่เป็นสารสกัดตัวนี้อยู่แล้ว ไม่แพ้ค่ะ) แล้วตัวนี้ยังลดการก่อเกิดแบคทีเรีย แถมอ่อนโยนกว่า AHA ด้วย (อันนี้คือดี เพราะเคยใช้ AHA แล้วผิวเราลอกค่ะ)

มาต่อกันที่เนื้อผลิตภัณฑ์นะคะ ตัวนี้เนื้อเค้าจะเป็นเจลสีขาวขุ่นตามประสาเจลแต้มสิวทั่วไป พอปาดแล้วน้องเค้าจะเป็นสีใสๆเคบือบผิวเราไว้ สักพักก็จะซึมประหนึ่งไม่เคยทามาก่อนค่ะ ส่วนกลิ่น เราว่าตัวนี้ถ้าตอนเพิ่งบีบจะไม่มีกลิ่นเท่าไหร่ค่ะ แต่พอปาดแล้ว ด้วยความที่เราสิวขึ้นบริเวณจมูก ตัวนี้ก็คือกลิ่นเหมือนกาวลาเท็กซ์อ่อนๆเลยค่ะ ส่วนนี้เราไม่ประทับใจเท่าไหร่นะคะ

แพคเกจน้องเค้าเป็นหลอดบีบ ปลายเล็กมากกกก เล็กมากจริงๆค่ะ เราเคยใช้มาหลายยี่ห้อ อันนี้คือเล็กสุดแล้วค่ะ5555 ส่วนนี้เราว่าถ้าทำใหญ่กว่านี้นิดนึงก็โอเคนะคะ เรารู้สึกว่าปริมาณเจลที่ออกมามันน้อยไปหน่อยถ้าบีบนิดเดียว ฝาเป็นฝาหมุนเปิดปิด หลอดเล็ก สะดวกดีค่ะ

หลังจากลองใช้ อันนี้ตามรูปที่เราแนบเลยค่ะ วันที่1คือสิวยังไม่สุกดีนะคะ นูนๆตุ่ยๆเจ็บนิดหน่อยพอกรุบค่ะ พอทาแล้ววันที่2 คือเห็นเลยว่าน้องเค้าแห้งแบบรู้สึกได้ แต่ไม่ได้ทำให้สิวแตก ตอนทาก็ไม่ได้แสบ ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยค่ะ ผิวไม่ลอก ไม่ทิ้งคราบขาวนะคะ ส่วนวันที่3 จากภาพก็คือสิวหลุดไปแล้วค่ะ น้องเค้าจะแห้งๆแล้วหลุดเป๊าะเลย บีบหัวไม่ได้นะคะ น้องหลุดเลยค่ะ และแน่นอนว่าทิ้งรอยดำ ไม่ได้หายไปแต่อย่างใด หลังจากนั้นเรายังทาเค้าต่อค่ะ ทาปนๆกับเจลลดรอยสิว เราว่าเห็นผลนะคะ รอยสิวจางลงง่ายขึ้น จุดนี้ไม่ได้ถ่ายภาพมาค่ะ

Overall เราชอบนะคะ แต่ส่วนตัวยังถูกใจแบรนด์อื่นมากกว่า เพราะเราชอบแบบยิบๆตอนนอนให้รู้สึกว่าตัวยาทำงานค่ะ5555555 คือตัวนี้เค้าจะไม่แสบ ไม่อะไรเลย เหมือนทาครีมมอยส์เจอร์ไรเซอร์อะไรอย่างนั้น และเรื่องของกลิ่นก็อย่างที่บอกค่ะว่าตัดคะแนน น้องไม่อำนวยกับการทาตรงจมูกเท่าไหร่เลย ในเรื่องตัวยารักษาสิวอันนี้ดีค่ะ ดีมากๆ สิวแห้งไว ยุบเร็ว อ่อนโยน ไม่แสบ ไม่ลอก ไม่คัน และสุดท้ายคือน้องค่าตัวไม่แพงค่ะ ไปลองกันได้นะคะ~

หลังจากได้ลองใช้น้องคนนี้จากกิจกรรมทางเว็บนะคะ ก่อนอื่นเลย เราเคยเป็นแฟนคลีนแอนด์เคลียร์ตั้งแต่ยังเด็กๆ เห็นโทนเนอร์ของเค้ามานานมาก แต่ไม่เคยลองใช้เลยเพราะกลัวแพ้ล้วนๆ แต่ก่อนเราจะใช้ตัวโฟมล้างหน้า ซึ่งก็ดีมากๆ พอได้ลองตัวนี้แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองต้องใช้โทนเนอร์ไปเรื่อยๆแล้วค่ะ5555

เนื้อผลิตภัณฑ์เป็นน้ำเหลวๆใสๆ กลิ่นแอลกอฮอล์แรงอยู่ค่ะ ใครแพ้ไม่แนะนำนะคะ เราใช้สำลีสำหรับการเช็ดค่ะ หลังเช็ดก็รู้สึกได้ว่าผิวเย็นๆนิดนึง อาจจะเพราะแอลกอฮอล์ในผลิตภัณฑ์ เราว่าเป็นตัวที่ช่วยเช็ดหน้าให้สะอาดไปอีกสเต็ป เตรียมก่อนลงครีมก่อนนอนต่อค่ะ
หลังใช้ได้สักพัก เราว่าหน้าเราละเอียดขึ้นนะคะ รูขุมขนเล็กลง แต่ไม่ได้ทำให้สิวหาย555555 เราไม่แพ้ค่ะ เรื่องผลระยะยาวน่าจะต้องลองต่ออีกนิดดด แต่รวมๆแล้วชอบค่า

หลังจากได้ทดลองใช้โฟมล้างหน้าตัวใหม่ของ Neutrogena ที่แรับสูตรจากสูตรเดิมที่ปกติเราใช้เป็นประจำอยู่แล้วมาสักพักนะคะ ตัวนี้เค้าเคลมว่าสามารถล้าง pm2.5 ซึ่งป็นอณูฝุ่นน้อยๆที่มีอยู่ทั่วไปในช่วงหลายเดือนมานี้เลย อันนี้เราว่าเค้าได้คะแนนไป5555 

จากที่ลองใช้ เนื้อผลิตภัณฑ์แน่นมากกกกกกกก เป็นครีมสีขาวมุกๆที่เหนียว แน่น หนึบ ไม่แนะนำให้ใช้ถูๆกับหน้าโดยตรง เพราะจากที่เราลองเนื้อค่อนข้างเหนียวแม้จะใส่น้ำไปเยอะแล้วก็ตาม ฟองที่ทำด้วยมือจะไม่ฟูค่ะ แต่ทางเราคือใช้ตาข่ายตีฟองอยู่แล้ว ได้ฟองดีมากจริงๆ อณูฟองละเอียด แน่น(เหมือนครีมเค้าอะเนอะ) ล้างแล้วนุ่นหน้าเหมือนเอาอะไรนิ่มๆหนาๆมาแปะ กลิ่นดีมากก หอมแบบติดผิวเลยค่ะ

หลังใช้แล้ว หน้าไม่แห้งตึงแบบเอี๊ยดๆค่ะ แต่รู้สึกสะอาด ไม่ลื่น ล้างได้สะอาดมาก คิดว่าถ้าแต่งหน้าอ่อนๆน่าจะใช้ตัวนี้ล้างตัวเดียวเอาอยู่นะคะ ราคาก็ไม่แรงเลย ไปลองใช้กันดูค่า เอฟซีตั้งแต่รุ่นก่อนหน้าแล้วว

ก่อนอื่นเลย แบรนด์นี้เราจะคุ้นเคยกันในรูปแบบของสบู่ก้อนเนอะ ทางเราก็เพิ่งรู้ว่าเค้าทำเป็นสบู่เหลวแล้วเรียบร้อย(น่าจะนานแล้ว) แบรนด์นี้คืออยู่คู่คนไทยมานานมากกกกแล้วจริงๆ

ตัวนี้เป็นสบู่เหลว Parrot Hyarulon Micella รุ่นนี้กลิ่น Morning Peony สีชมพูนะคะ ตอนบีบออกมา เนื้อสบู่เหมือนมุกเหลวๆเลยค่ะ เงาๆ สีชมพู น่ารักมาก

ส่วนตัวเราชอบใช้สบู่เหลวกับใยขัดตัว ตัวนี้เค้าไม่ได้ให้ฟองที่แน่นมากนะคะ ฟองจะอ่อนๆ แต่ก็ใช้ได้อยู่ค่ะ ที่ชนะขาดไปเลยคือกลิ่น หอมมากกกกกก เป็นกลิ่นดอกไม้ ส่วนตัวเราชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้ว ตอนล้างก็ล้างออกได้ง่ายนะคะ เราลองทั้งแบบใช้ใยขัดตัว และไม่ใช่ใยขัดตัวแล้ว ล้างออกง่ายเหมือนกันทั้งสองแบบค่ะ

หลังอาบน้ำเสร็จจะรู้สึกได้เลยว่าผิวนุ่ม ไม่แห้ง ไม่เอี๊ยด กลิ่นสบู่ยังติดผิวอยู่ได้ค่ะ (อีกหนึ่งสิ่งดีๆ ปกติกลิ่นสบู่จะไม่ค่อยติดหลังล้างเท่าไหร่ ตัวนี้ทำได้!)

จากที่เราอ่าน น้องเค้าผสม Hyarulon กับ Micellar น่าจะมีส่วนช่วยให้สะอาดและชุ่มชื้นมากขึ้นนะคะ จัดว่าน่าสนใจเลยทีเดียว
โดยรวมเราชอบค่ะ กลิ่นหอมติดผิว ราคาน่ารัก แต่ถ้าฟองเวลาใช้ใยขัดตัวแน่นกว่านี้จะดีมากๆค่ะ อ่อนไปนิดนึงง ใช้แล้วผิวนุ่มด้วยค่า

สำหรับ Aveeno Daily Moosturizing Lotion ตัวนี้นะคะ
ยอมรับว่าเราเคยเห็นแบรนด์นี้ในร้านมานานมากๆแล้ว แต่ไม่เคยสอยมาลองใช้เลยค่ะ หลังจากที่ได้ลองใช้ตัวนี้มาสักพักนึง เราว่าน้องเค้าดีมากกกเลย ชอบค่ะ

ส่วนตัวเรา สภาพผิวแห้งถึงแห้งมากค่ะ ซึ่งเจ้าตัวนี้ก็ตอบโจทย์เราในเรื่องนี้ได้ เพราะเค้าเคลมว่าลดอาการผิวแห้งและชุ่มชื้นได้ถึง 24 ชั่วโมงเลย และเราเป็นภูมิแพ้ด้วย ผื่นขึ้นง่ายมากๆค่ะ หลังจากใช้น้องคนนี้ ผิวเราก็ดีขึ้น ชุ่มชื้นขึ้น ไม่แห้งแบบแคร๊กๆแล้วว

กลิ่นน้องคนนี้เค้าจะแปลกนิดนึงค่ะ ไม่ได้หอม แต่ก็ไม่ได้ฉุนจนใช้ไม่ได้ ไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมทั่วไป เป็นกลิ่นคลีนๆ ออแกนิคๆ บอกไม่ถูกค่ะ ต้องไปลองเอง5555

เนื้อผลิตภัณฑ์ ค่อนข้างจะออกเจลๆนะคะ ไม่ใช่ครีมเหมือนโลชั่นทั่วไป เนื้อดีมากค่ะ เราชอบเวลาที่ทาแล้วผิวจะเปียกๆหน่อย แต่แปปเดียวก็ซึมหายไปหมดเลย

ผลลัพธ์การใช้ก็ตามที่เคลมไว้เลย ผิวชุ่มชื้นขึ้นเยอะมากแบบรู้สึกได้ เรื่องบรรเทาอาการคันสำหรับเราไม่ค่อยเห็นผลค่ะ ใช้แล้วผิวนุ่มมม เราว่าเหมาะกับหน้าหนาวนะ ส่วนเรื่องแพคเกจ ทำมาดีมากค่ะ เราชอบมากตรงที่มีที่ล็อคแกนกด เหมาะกับการพกไปเที่ยวมากๆ overall คือดีนะคะ แนะนำค่า~

หลังจากที่ได้ให้(คุณแม่)ลองใช้ Neutrogena Rapid Wrinkle Repair regenerating Cream (เราลองใช้แล้วเห็นผลไม่ค่อยชัดค่ะค่ะ ริ้วรอยไม่ค่อยมี555 แต่คุณแม่คือผลออกมาน่าประทับใจมาก) วันนี้ครบสัปดาห์นึงพอดี เราเลยมารีวิวให้ทุกคนอ่านกัน

เริ่มที่เนื้อครีม : อันนี้จากที่เราลองใช้เอง เราว่าเนื้อเค้าไม่หนักมาก แต่กลิ่นอาจจะไม่ถูกใจในช่วงแรกๆ น้องเค้าจะกลิ่นแปลกๆนิดนึงนะคะ แต่ใช้ไปสองสามวันก้ชินค่ะ เนื้อครีมเข้มข้นมาก สีขาวครีม เกลี่ยง่าย ซึมไว ส่วนตัวเราแพ้ง่ายแต่ตัวนี้ไม่แพ้ค่ะ
รีวิวหลังใช้จากคุณแม่เรา : อย่างที่บอกไปว่าทางเราลองใช้เองแล้วรู้สึกได้แต่ความชุ่มชื้นและผิวฟู ริ้วรอยไม่ได้ต่างไปจากเดิมแต่อย่างใด เราก็เลยให้คุณแม่เทสต์ให้ซะเลย ตัวนี้คุณแม่เราคอนเฟิร์มว่าดีเรื่องริ้วรอยมากค่ะ กระชับขึ้นเยอะมากๆหลังจากใช้เพียง 1 สัปดาห์ แต่กรุณาอ่านคำเตือนหลังกล่องก่อนใช้นะคะ ช่วงแรกๆที่เรากับคุณแม่ลองมีอาการร้อนหน้านิดหน่อย แต่ไม่เป็นปัญหาค่ะ ไม่แพ้ คุณแม่เราทาเช้าเย็น หลังอาบน้ำนะคะ เราว่าริ้วรอยใต้ตาคุณแม่เราหายไปเยอะพอสมควรเลย ผิวฟูกระชับ รูขุมขนเล็กลง อาจจะเห็นผลชัดกว่านี้ถ้าใช้สัก 1-2 เดือนนะคะ 
โดยรวมสำหรับผลิตภัณฑ์นี้เราว่าเค้าทำตามคำเคลมได้ดีเลยค่ะ ใครมีริ้วรอย ลองตัวนี้ก่อนได้เลยจ้าา ราคาน่ารักกรุบๆไม่แพงเท่าไหร่~

ก่อนอื่นต้องขอบคุณ cosmenet ที่ให้เจ้าเจลล้างหน้า Bioderma Sensibio Gel Moussant มาใช้ ปกติเป็นคนที่ชอบแบรนด์นี้เป็นทุนเดิม เคยใช้คลีนซิ่งของเค้าก็ประทับใจเช่นเดียวกับตัวนี้เลย ตัวนี้เราประทับใจมากกกก หลังจากที่เราไม่ได้เปลี่ยนโฟมล้างหน้ามาตลอดหลายปี เพราะก่อนหน้านี้เราแพ้โฟมหนักพอสมควร พอเจอตัวที่ใช่ก็ไม่ได้เปลี่ยนเลยจนมาเจอตัวนี้ เราได้ทดลองใช้มาตลอดประมาณ สัปดาห์กว่าๆ ตอนแรกเราไม่ค่อยชอบน้องเค้าเท่าไหร่ เพราะเราติดการที่พอล้างเสร็จแล้วหน้าจะเอี๊ยดอ๊าดหน่อยๆ ตัวนี้จะลื่นแบบ รู้สึกมีความชุ่มชื้นอยู่บนผิว ประมาณนั้นค่ะ แต่พอเราใช้มาเรื่อยๆก็กลายเป็น เอ้อ น้องเค้าดีอะ รู้สึกหน้าไม่เสีย ยังคงความชุ่มชื้นอยู่บนผิวแบบที่หน้าสะอาด และที่สำคัญคือเราไม่แพ้ สิวไม่ขึ้น(เพิ่ม)ค่ะ555

แพคเกจตัวนี้ เราว่าเค้าทำมาได้ดีเลยทีเดียว เหมาะแก่การพกไปนู่นนี่แบบไม่ต้องกลัวหก เพราะเค้าสามารถหมุนคลิกให้ลอคตัวเองได้เลยค่ะ แถมเป็นสีชมพูน่ารักมากๆเหมาะกับการวางสวยๆในห้องน้ำ แต่เราว่าตัวเจลที่ออกมาสำหรับ 1 ปั๊มมันเยอะไปสำหรับหน้าเรา เราเลยใช้แค่ประมาณเกือบครึ่งปั๊มค่ะ

มาที่เนื้อผลิตภัณฑ์ จากที่เห็นในรูปก็คือ ตัวนี้จะเป็นเจลสีใสๆ ใสเลย ไม่ข้นมาก เราใช้แล้วไม่มีฟองนะคะ แล้วก็ไม่แนะนำให้ใช้ตาข่ายตีฟอง เพราะฟองที่ได้จะจางมากๆค่ะ ไม่แน่นฟู555 ตัวนี้ไม่มีกลิ่น ไม่มีน้ำหอม ไม่มีพาราเบนนะคะ ตอนใช้ก็จะลื่นๆ ไม่เสียดสีผิวเราเท่าไหร่ค่ะ ล้างออกง่าย ผิวไม่แห้งตึงอย่างที่บอกไปเลยจ้า

เอาเป็นว่าถ้าใครผิวบอบบางแพ้ง่ายแบบเรา เราแนะนำให้ลอง้ดูนะคะ อาจจะติดใจแบบเราก็ได้5555 รักเลยค่ะ ประทับใจมากๆ

ส่วนตัวเราเคยใช้ remover มาหลายยี่ห้อ แต่ไม่เคยลองของทางนีเวียเลยค่ะ นี่ครั้งแรก แต่ก็เป็นครั้งแรกที่เราประทับใจมากกก เพราะน้องเค้าลบเครื่องสำอางออกได้หมดจริงๆ โดยเฉพาะโซนตากับปาก มาสคาร่าที่ว่าแน่นมาก น้องเค้าลบออกได้ค่ะ เนื้อผลิตภัณฑ์จะเป็นน้ำเหลวๆเลยค่ะ เทลงสำลีแปะทิ้งไว้แปปนึงก็ละลายเมคอัพออกหมดแล้ว ตัวนี้เข้าตาเราไม่แสบนะคะ เช็ดปากได้ไม่ทำให้แสบหรือแห้งเลย เช็ดทั้งหน้าได้ไม่แสบผิว ไม่มันมากหลังเช็ดเสร็จ โดยรวมคือเราชอบค่ะ ติดตรงแพคเกจที่ไม่ค่อยเหมือนเมคอัพรีมูฟเวอร์ แล้วก็ ต้องเขย่านะคะ น้องแยกชั้นค่ะ อย่าลืมค่ะ555 

หลังจากที่ลองใช้มาประมาณ 1 สัปดาห์ หลังจากที่ได้รับปลิตภัณฑ์มา เราว่าตัวนี้ทำให้กระจ่างใสขึ้นจริงๆค่ะ แต่จะเป็นแบบรู้สึกใสขึ้น แต่ไม่ได้ใสจนแตกต่างมาก ส่วนตัวเราเคยใช้รุ่น power boosting ของ op ซึ่งเนื้อครีมตัวนั้นจะคนละแบบกับอันนี้เลยค่ะ ตัวนี้เนื้อเค้าใส ซึมไวกว่า มีความเป็นออยล์เคลือบผิวหน่อยๆ ที่เราชอบมากๆเลยของตัวนี้คือแพคเกจค่ะ คุณเค้ามาแบบหัวทวิสต์ บิดขึ้นลงได้ ไม่ต้องเปิดฝา ไม่ต้องกลัวหกเลอะเทอะเลย ชอบมากๆ แต่ปัญหาคือตอนใช้เสร็จมือเราจะลื่นๆละปิดไม่ได้ค่ะ 

หลังจากที่อยากลอง biore uv bright up base มาสักพัก บวกกับเห็นสาวญี่ปุ่นเค้าซื้อไปใช้ตอนเราไปเที่ยว พอได้ใช้แล้วรู้สึกรักนางมากเลย ส่วนตัวเราเป็นติ่งบีโอเรอยู่แล้ว ใช้มาเกือบทุกรุ่น แต่เราว่าตัวนี้น่าสนใจกว่าเบสรุ่นแบบน้ำๆอันก่อนนะคะ แบบน้ำๆจะไม่ได้ bright ผิวมากเท่าไหร่ แล้วรุ่นอื่นส่วนใหญ่ของบีโอเรก็ไม่ได้ผสมเบส แต่ตัวนี้เราว่าเค้าทำให้หน้าเราสว่างขึ้นมาเฉดนึงเลย น้องเค้าไม่ทำให้หน้าเราลอยค่ะ ไม่ดรอประหว่างวันด้วย~(เราเป็นคนขาวนะคะ) ดูภาพล่างสุดของเรา ด้านซ้ายคือไม่ได้ทานะคะ จัเห็นว่างด้านขวาที่ทาจะสว่างขึ้นมาเฉดนึงแต่ไม่ได้ทำให้ดูเทานะคะ

เนื้อผลิตภัณฑ์จะออกครีมๆหน่อย เกลี่ยง่าย ซึมไวตามสไตล์บีโอเรเลยค่ะ ส่วนเรื่องปกปิด เราว่าไม่ค่อยเห็นผลมาก รอยดำ รอยแดง อาจจะจางๆลงนิดหน่อย เราว่าอาจจะต้องเป็นรุ่น covering มากกว่า เค้ามี 3รุ่นให้เลือกนะคะตัวนี้ ของเราเป็น bright up คล้ายๆเบสชมพูค่ะ

ส่วนเรื่องประสิทธิภาพการกันแดด เราว่าโอเคเลย เราไม่ได้ผิวเข้มขึ้นแต่อย่างใด555 ที่เราชอบมากๆคือในวันขี้เกียจเราสามารถทาตัวนี้ต่อด้วยแป้งฝุ่นแล้วออกจากบ้านได้ หน้าเราก็จะเนียนๆสว่างๆหน่อย ลดขั้นตอนการแต่งหน้าของเราได้เลย ตื่นสายขึ้นได้นิดนึงเนอะ แล้วเวลาจะจัดหนัก ตัวนี้ก็ไม่ได้ทำให้สีคุชชั่นเราเปลี่ยน แถมหน้ายังดูเนียนขึ้นด้วยเพราะน้องเค้าทำผิวเราให้สม่ำเสมอ สุดท้ายคือน้องเค้าคุมมันได้ค่ะ อ่านถูกแล้วค่ะ น้องเค้าคุมมัน! ประทับใจจุดนี้มากค่ะ ทีโซนเรามันน้อยลงมาก และที่สำคัญคือเราไม่แพ้ ไม่อุดตันเลยค่ะ ใครกำลังมองหากันแดดมีเบสก็ลองตัวนี้ได้เลยนะคะ เรา recommend! ค่าา

จากที่ลองใช้มาสักพัก ตัวนี้ไม่ทำให้สิวขึ้นเพิ่มนะคะ สิวผดก็ไม่ขึ้น ส่วนตัวเราใช้ moisturizer แบบที่อ่อนโยนอยู่แล้ว รู้สึกคล้ายกันมากๆในราคาที่ถูกกว่าเยอะ ตัวนี้เค้าเคลมว่าไม่มีน้ำหอม แอล พาราเบน แต่ว่ายังมีกลิ่นหอมอยู่นะคะ โอเคเลย เรื่องคุมมันไม่แน่ใจค่ะ แต่ชุ่มชื้นนี่เอาใจไปเลย ที่สำคัญคือซึมเร็ว ไม่เหนอะหนะ พอเค้าซึมแล้วก็แต่งหน้าต่อได้เลยค่ะ

หลังจากที่ได้ลองใช้กันแดดตัวนี้ เราว่าเนื้อกันแดดเค้าซึมค่อนข้างเร็วกว่ารุ่นเก่าพอสมควรเลย เราเป็นแฟนบีโอเร่อยู่แล้ว เราชอบมากค่ะ เนื้อตัวนี้จะแตกตัวเป็นน้ำ เย็นๆตอนทาดีค่ะ แต่ตัวใหม่นี้กลิ่นแอลกอฮอล์แรงเลยนะคะ ใครแพ้แอลกอฮอล์ เราไม่แนะนำนะคะ ตัวนี้สามารถทาทับเมคอัพได้ค่ะเราลองแล้ว ไม่เป็นคราบ แต่อาจจะเยิ้มทีโซนนิดหน่อย(เราผิวผสมค่ะ) ซึมเข้าผิวไวมากๆ กันแดด กันเหงื่อสมคำเคลมของเค้าเลยค่ะ ส่วนตัวเราจากที่เคยใช้กันแดดบีโอเรมาหลายรุ่นมากๆ เราชอบตัวนี้นะคะ เราเป็นคนผิวแพ้ง่ายแต่เราไม่แพ้ตัวนี้น้า หักคะแนนที่กลิ่นแอลแรงนิดนึง แต่โดยรวมคือดีค่ะ แพคเกจสวยมากด้วย มีความไล่สี ราคาดีควรไปตำนะคะ