ช่วงก่อนประจำเดือนมาทีไร หลายคนคงรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังเข้าสู่โหมดไม่ปกติ ทั้งอารมณ์เหวี่ยงง่าย หน้าบวม สิวขึ้น หรืออยู่ดี ๆ ก็อยากกินของหวานตลอดเวลา ซึ่งนี่อาจเป็นสัญญาณของ “ภาวะ PMS” หรืออาการก่อนมีประจำเดือนที่สาว ๆ หลายคนต้องเผชิญ โดยเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายก่อนรอบเดือนจะมา วันนี้ Cosmenet* เลยจะพาไปรู้จักว่า PMS คืออะไร? เกิดขึ้นได้อย่างไร และอาการยอดฮิตที่สาว ๆ ส่วนใหญ่มักเจอกันมีอะไรบ้าง เพื่อให้เข้าใจร่างกายตัวเองมากขึ้นและรับมือกับช่วงนั้นของเดือน
PMS คืออะไร?
PMS หรือ Premenstrual Syndrome คือภาวะที่ผู้หญิงหลายคนต้องเจอก่อนมีประจำเดือนประมาณ 1–2 สัปดาห์ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศหญิงอย่างเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ที่ขึ้นลงในช่วงนั้น ส่งผลให้ร่างกายและอารมณ์ไม่คงที่เหมือนปกติ เช่น ปวดท้องน้อย หน้าอกตึง หรืออยากกินของหวานมากขึ้น ขณะที่บางคนอาจรู้สึกหงุดหงิด เหนื่อยง่าย หรืออารมณ์แปรปรวนมากกว่าปกติ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นอาการทั่วไปของ PMS ที่มักจะค่อย ๆ ดีขึ้นเองเมื่อประจำเดือนมาแล้วไม่กี่วัน
สาเหตุของภาวะ PMS
สำหรับสาเหตุของภาวะ PMS ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดเพียงปัจจัยเดียว แต่เชื่อว่าเกิดจากการทำงานร่วมกันของหลายระบบในร่างกาย ซึ่งปัจจัยหลักที่เกี่ยวข้องกับการเกิด PMS ได้แก่
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน : ในช่วงก่อนมีประจำเดือน ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจะลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดอาการทางกาย เช่น ปวดท้อง คัดเต้านม หรือบวมน้ำ รวมถึงอาการทางอารมณ์อย่างหงุดหงิดและอ่อนไหวง่าย
- การเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในสมอง (Serotonin) : ฮอร์โมนเซโรโทนินมีส่วนสำคัญในการควบคุมอารมณ์และความอยากอาหาร เมื่อระดับเซโรโทนินลดลง จะทำให้รู้สึกเศร้า เหนื่อยง่าย หรืออยากกินของหวานมากขึ้น
- ไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิต : การนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียดสูง การดื่มกาแฟ แอลกอฮอล์ หรืออาหารที่มีรสเค็มจัด ล้วนมีส่วนทำให้อาการ PMS รุนแรงขึ้น
- ความเครียดและอารมณ์ : คนที่มีความเครียดสะสมหรือมีภาวะวิตกกังวล มักมีแนวโน้มที่จะเกิดอาการ PMS มากกว่าคนทั่วไป เพราะระบบฮอร์โมนและสมองตอบสนองต่อความเครียดได้ไวกว่า
อาการของภาวะ PMS ที่พบบ่อย
อาการของภาวะ PMS (Premenstrual Syndrome) มักเกิดขึ้นในช่วง 5 - 10 วันก่อนมีประจำเดือน และจะค่อย ๆ บรรเทาเมื่อรอบเดือนเริ่มมา โดยสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มหลักคือ อาการทางร่างกาย และ อาการทางอารมณ์
อาการทางร่างกาย
- ปวดท้องน้อยหรือปวดหลังจากการบีบตัวของมดลูก
- หน้าอกคัดตึงหรือเจ็บเล็กน้อย
- ท้องอืด มือเท้าบวม หรือรู้สึกตัวพองเพราะร่างกายกักเก็บน้ำมากขึ้น
- ปวดศีรษะหรือไมเกรน
- สิวขึ้น ผิวมัน หรือหมองคล้ำ
- อยากกินของหวาน ของมัน หรืออาหารรสจัด
อาการทางอารมณ์และจิตใจ
- หงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน
- รู้สึกเศร้า เหงา หรืออยากร้องไห้โดยไม่มีเหตุผล
- เหนื่อย เพลีย หรือไม่มีแรง
- สมาธิสั้น ขี้ลืม หรือนอนไม่หลับ
วิธีป้องกันและบรรเทาอาการ PMS
1. นอนหลับให้เพียงพอ
พยายามนอนวันละ 6-8 ชั่วโมง เพราะการพักผ่อนที่ดีช่วยให้ฮอร์โมนสมดุลขึ้น ลดอาการหงุดหงิด เหนื่อยง่าย และปวดหัวก่อนเมนส์มา
2. ออกกำลังกายเบา ๆ เป็นประจำ
แค่เดินเร็ว โยคะ หรือยืดกล้ามเนื้อวันละนิด ก็ช่วยให้ร่างกายหลั่งเอนดอร์ฟิน ฮอร์โมนแห่งความสุข ที่ช่วยลดความเครียดและอาการปวดท้องได้ดี หรือใช้แผ่นแปะแก้ปวดท้องประจำเดือนร่วมด้วยก็ได้ค่ะ
3. กินอาหารที่มีประโยชน์
ลดของเค็ม ของหวาน คาเฟอีน และแอลกอฮอล์ เพราะทำให้บวมน้ำหรืออารมณ์แปรปรวนมากขึ้น เลือกทานอาหารที่ช่วยลดอาการปวดประจำเดือน เพิ่มผักผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด และอาหารที่มีแมกนีเซียม วิตามิน B6 และแคลเซียม เช่น กล้วย ถั่ว และนม จะช่วยให้ร่างกายและอารมณ์นิ่งขึ้น
4. ลดความเครียดในแต่ละวัน
ลองหากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลง ทำสมาธิ หรือดูซีรีส์ที่ชอบ เพราะความเครียดเป็นหนึ่งในตัวการหลักที่ทำให้อาการ PMS รุนแรงขึ้น
5. จดบันทึกรอบเดือนและอาการของตัวเอง
นอกจากการจดบันทึกรอบเดือนในปฏิทินแล้วตอนนี้ยังมีแอปช่วยบันทึกและคำนวนรอบเดือนเพื่อให้เรารู้ว่าช่วงไหนร่างกายจะเริ่มเปลี่ยนแปลง เพื่อที่เราปรับตัวได้ง่ายขึ้น เช่น เตรียมพักผ่อนให้มากขึ้นหรือดูแลผิวล่วงหน้า
6. ดูแลผิวและใจไปพร้อมกัน
ช่วงก่อนมีประจำเดือน ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ทำให้ ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น ส่งผลให้ผิวมัน เป็นสิวง่าย และดูหมองคล้ำกว่าปกติ การดูแลผิวในช่วงนี้จึงควรเน้น ความอ่อนโยนและสมดุล มากกว่าการบำรุงหนัก ๆ เลือกใช้ คลีนเซอร์สูตรอ่อนโยน ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง, ตามด้วย มอยส์เจอร์ไรเซอร์เนื้อบางเบา เพื่อเติมความชุ่มชื้นโดยไม่อุดตันรูขุมขน และอย่าลืม กันแดดทุกวัน แม้อยู่ในบ้าน เพื่อป้องกันการเกิดรอยสิวและผิวหมองจากรังสี UV
นอกจากดูแลผิวแล้ว อย่าลืมดูแลใจด้วย ลองหากิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลาย เช่น เปิดเพลงเบา ๆ ก่อนนอน จิบชาคาโมมายล์ หรือออกไปเดินเล่นสั้น ๆ จะช่วยให้จิตใจสงบ ลดความเครียด และทำให้ฮอร์โมนในร่างกายกลับมาสมดุล เมื่อใจสบาย ผิวก็จะดูสุขภาพดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาตินั่นเองค่ะ
-----------------------
*Cosmenet Smart Beauty รีวิวดีบอกต่อ
-----------------------
การเข้าใจภาวะ PMS คือกุญแจสำคัญในการดูแลตัวเองให้ดีขึ้นในทุกช่วงของเดือน เมื่อรู้ว่าร่างกายกำลังเปลี่ยนเพราะฮอร์โมน ก็จะยิ่งรับมือได้ง่ายขึ้น ทั้งทางร่างกาย อารมณ์และจิตใจ เพื่อรีเฟลรชร่างกายให้กลับมาสมดุลอีกครั้ง
อ่านคอนเทนต์สาระน่ารู้เกี่ยวกับผู้หญิงอื่น ๆ เพิ่มเติมคลิกเลย!