ริ้วรอยเล็ก ๆ เป็นปัญหาใหญ่ของใครหลาย ๆ คน ซึ่งการเลือกสกินแคร์ที่มีส่วนผสม Anti-aging ที่ใช่ ถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ผิวยังดูอ่อนเยาว์ เนียนเด้ง และดูสุขภาพดี แต่ในท้องตลาดที่เต็มไปด้วยครีมและเซรั่มหลากหลายสูตร เราควรโฟกัสที่อะไรเป็นพิเศษ? วันนี้ Cosmenet* จะพามาเจาะลึก 6 ส่วนผสมตัวท็อปในสกินแคร์ลดริ้วรอยที่ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณแนะนำ ถ้าอยากรู้ว่าจะมีตัวไหนติดโผบ้างก็ตามมาดูกันเลยค่าา~
1. เรตินอล (Retinol)

เรตินอล เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอ ส่วนผสมสกินแคร์ลดริ้วรอยสุดฮิตที่ถูกยกให้เป็น “ราชินีแห่ง Anti-aging” เพราะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เสริมความแข็งแรงของโครงสร้างผิว ลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ ผลัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพ เผยผิวใหม่ที่เรียบเนียนและกระจ่างใส เหมาะกับผู้ที่เริ่มกังวลเรื่องริ้วรอยหรือผิวหมองคล้ำ
เหมาะกับคนที่เริ่มเห็นสัญญาณริ้วรอย ผิวไม่กระชับ รูขุมขนกว้าง หรือมีรอยสิวเก่า แม้ผิวแห้งหรือแพ้ง่ายก็ใช้ได้ แต่ควรเริ่มจากสูตรเข้มข้นต่ำและใช้คู่กับมอยส์เจอร์ไรเซอร์เพื่อลดการระคายเคือง
เริ่มจากความเข้มข้น 0.1 - 0.3% สำหรับผู้ที่เริ่มใช้เรตินอลครั้งแรก และทา 2 - 3 ครั้งต่อสัปดาห์ แล้วค่อยเพิ่มความถี่ ใช้หลังโทนเนอร์เป็นขั้นตอนแรกของบำรุง ตามด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ และห้ามลืมครีมกันแดดในตอนเช้าเพราะเรตินอลทำให้ผิวไวต่อแสง
- เรตินอลไม่ควรใช้คู่กับสกินแคร์อะไร
กรดผลัดเซลล์แรง ๆ เช่น AHA, BHA, PHA และวิตามินซีบริสุทธิ์ (L-Ascorbic Acid) เพราะอาจระคายเคืองและลดประสิทธิภาพ ควรใช้สลับเวลากัน เช่น วิตามินซีตอนเช้า เรตินอลตอนกลางคืน
2. เปปไทด์ (Peptides)
โปรตีนสายสั้นที่ช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวแน่น กระชับ ฟูอิ่มน้ำ จุดเด่นคืออ่อนโยน ไม่ทำให้ผิวลอกหรือระคายเคือง จึงมักถูกเลือกใช้แทนหรือเสริมเรตินอล
เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะคนที่เริ่มมีริ้วรอยเล็ก ๆ ผิวไม่กระชับ หรือผู้ที่ผิวแพ้ง่ายและใช้เรตินอลไม่ไหว เปปไทด์จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นให้ผิวได้ดี
ใช้ได้ทั้งเช้าและเย็นในรูปแบบเซรั่มหรือครีมบำรุงหลังโทนเนอร์ สามารถใช้ร่วมกับส่วนผสมอื่นได้อย่างปลอดภัย แนะนำให้ใช้ต่อเนื่องทุกวันเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนในระยะยาว
- เปปไทด์ไม่ควรใช้คู่กับสกินแคร์อะไร
กรดผลัดเซลล์ความเข้มข้นสูงหรือสูตรที่มี pH ต่ำมาก (เช่น AHA, BHA) เพราะอาจทำให้เปปไทด์เสื่อมสภาพได้ หากต้องการใช้ ควรสลับเวลากับการลงเปปไทด์เพื่อคงประสิทธิภาพสูงสุด
3. วิตามินซี (Vitamin C)

ส่วนผสมสกินแคร์ที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะและรังสียูวี ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวกระจ่างใส ลดรอยสิว จุดด่างดำ และช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวเรียบเนียนและลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ
เหมาะกับคนที่ต้องการผิวใส ลดรอยสิว จุดด่างดำ และผู้ที่เริ่มมีริ้วรอย เซรั่มวิตซีสามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว แต่ถ้าเป็นผิวแพ้ง่ายควรเลือกสูตรเข้มข้นต่ำหรือรูปแบบอนุพันธ์ที่อ่อนโยนกว่า
- วิธีใช้วิตามินซีที่ถูกต้อง
ควรทาหลังโทนเนอร์หรือล้างหน้าในขั้นตอนแรก ๆ เลือกความเข้มข้น 10–20% เพื่อผลลัพธ์ชัด ใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น แต่แนะนำตอนเช้าเพราะช่วยเสริมการทำงานของกันแดด และควรเก็บในที่มิดชิด หลีกเลี่ยงแสงแดดเพราะเสื่อมสภาพง่าย
- วิตามินซีไม่ควรใช้คู่กับสกินแคร์อะไร
เรตินอลหรือกรดผลัดเซลล์แรง ๆ (AHA, BHA) ในขั้นตอนเดียวกัน เพราะอาจระคายเคืองและลดประสิทธิภาพ แนะนำให้สลับเวลา เช่น วิตามินซีตอนเช้า เรตินอลตอนกลางคืน ส่วนไนอาซินาไมด์สามารถใช้ร่วมกันได้อย่างปลอดภัย
4. ไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid)
- ไฮยาลูรอนิค แอซิด ช่วยอะไร?
เป็นสารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติในผิวที่สามารถอุ้มน้ำได้มากกว่าน้ำหนักตัวเองหลายร้อยเท่า จึงมีคุณสมบัติเด่นในการเติมน้ำให้ผิว ทำให้ผิวดูอิ่มฟู ริ้วรอยเล็ก ๆ ดูตื้นขึ้น และช่วยให้ผิวแข็งแรงเพราะความชุ่มชื้นคือกุญแจสำคัญของเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier)
- ไฮยาลูรอนิค แอซิด เหมาะกับใคร
Hyaluronic Acid เหมาะกับทุกสภาพผิวโดยเฉพาะคนผิวแห้ง ขาดน้ำ มีริ้วรอยจากความแห้ง หรือคนที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ทำให้ผิวสูญเสียน้ำ เช่น ห้องแอร์หรือแดดจัด นอกจากนี้ยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผิวแพ้ง่ายเพราะอ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
- วิธีใช้ไฮยาลูรอนิค แอซิดที่ถูกต้อง
ควรใช้หลังโทนเนอร์หรือน้ำตบในขณะที่ผิวยังมีความชื้นเล็กน้อย เพื่อช่วยกักเก็บน้ำได้ดียิ่งขึ้น และตามด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์หรือครีมปิดล็อกความชุ่มชื้น ใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น รวมถึงใช้ร่วมกับส่วนผสม Active อื่น ๆ ได้โดยไม่รบกวนการทำงาน
- ไฮยาลูรอนิค แอซิดไม่ควรใช้คู่กับสกินแคร์อะไร
ไฮยาลูรอนิค แอซิดถือว่าปลอดภัยและเข้ากับสารเกือบทุกชนิดในสกินแคร์ จึงแทบไม่มีข้อห้ามเฉพาะ แต่ถ้าใช้เดี่ยว ๆ ในสภาพอากาศที่แห้งมากโดยไม่ตามด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ อาจทำให้ดึงน้ำออกจากผิวแทนที่จะเติมน้ำได้
5. ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide)
เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินบี 3 ที่มีคุณสมบัติหลากหลาย ทั้งช่วยลดเลือนริ้วรอย กระชับรูขุมขน ลดการสร้างเม็ดสีที่ผิดปกติ ทำให้ผิวดูกระจ่างใส และยังช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว (skin barrier) ให้แข็งแรงขึ้น จึงช่วยลดการสูญเสียน้ำและทำให้ผิวชุ่มชื้นยาวนาน
เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ รูขุมขนกว้าง สีผิวไม่สม่ำเสมอ หรือมีรอยสิว จุดด่างดำ รวมถึงคนที่ผิวอ่อนแอหรือแพ้ง่าย เพราะไนอาซินาไมด์มีความอ่อนโยน ใช้ได้แม้กับผิวที่ระคายเคืองง่าย
- วิธีใช้ไนอาซินาไมด์ที่ถูกต้อง
ไนอาซินาไมด์สามารถใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น โดยทั่วไปความเข้มข้น 2-5% เหมาะสำหรับการดูแลผิวประจำวัน ส่วนความเข้มข้นสูงกว่า 10% มักเน้นแก้ปัญหาเฉพาะ เช่น จุดด่างดำหรือรอยสิว ควรทาหลังโทนเนอร์และก่อนมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ใช้เป็นประจำต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน
- ไนอาซินาไมด์ไม่ควรใช้คู่กับส่วนผสมตัวไหน
ไนอาซินาไมด์เข้ากับส่วนผสมอื่นได้ดีเกือบทั้งหมด แม้ในอดีตเคยมีความเชื่อว่าไม่ควรใช้ร่วมกับวิตามินซี แต่การวิจัยใหม่ยืนยันว่าใช้ด้วยกันได้อย่างปลอดภัยและเสริมผลลัพธ์กันได้ ข้อควรระวังคือ หากใช้สูตรความเข้มข้นสูงร่วมกับกรดผลัดเซลล์แรง ๆ (เช่น AHA, BHA) อาจทำให้ผิวบางคนรู้สึกระคายเคือง ควรทดสอบกับผิวก่อน
6. เซราไมด์ (Ceramides)
เป็นไขมันธรรมชาติในผิวที่ทำหน้าที่เหมือนกาวเชื่อมเซลล์ สร้างเกราะป้องกันผิว ลดการสูญเสียน้ำ และปกป้องจากสิ่งระคายเคือง หากผิวขาดเซราไมด์จะทำให้แห้ง บอบบาง และเกิดริ้วรอยง่าย
เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแห้ง ลอก แพ้ง่าย หรือผิวที่อ่อนแอจากการใช้สกินแครแรง ๆ เซราไมด์ช่วยปลอบประโลมและฟื้นฟูให้ผิวแข็งแรง อิ่มฟู ดูเรียบเนียน
- วิธีใช้เซราไมด์ที่ถูกต้อง
นิยมใช้ในครีมหรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ หลังเซรั่มหรือ Active ตัวอื่น เพื่อช่วยล็อกความชุ่มชื้น ใช้ได้ทั้งเช้า - เย็น และยิ่งเห็นผลดีเมื่อใช้คู่กับสารเติมน้ำอย่างไฮยาลูรอนิค แอซิด
- เซราไมด์ไม่ควรใช้คู่กับส่วนผสมตัวไหน
ไม่มีข้อห้ามชัดเจน แต่ไม่ควรใช้เดี่ยว ๆ ในผิวที่ขาดน้ำมาก เพราะเซราไมด์ทำหน้าที่กักเก็บ ไม่ได้เติมน้ำ จึงควรใช้ร่วมกับสารให้ความชุ่มชื้นอื่นเพื่อผลลัพธ์เต็มที่
-----------------------
*Cosmenet Smart Beauty รีวิวดีบอกต่อ
-----------------------
แม้ริ้วรอยจะเป็นเรื่องธรรมชาติที่ทุกคนต้องเจอ แต่เราก็สามารถชะลอและดูแลได้ตั้งแต่วันนี้ เพียงแค่ใส่ใจเลือกสกินแคร์ลดริ้วรอยที่มีส่วนผสมทรงพลังเหล่านี้ ให้ตรงกับความต้องการของผิวของเรา เพียงเท่านี้ก็จะช่วยชะลอและลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้วค่ะ
อ่านคอนเทนต์ความรู้เกี่ยวกับสกินแคร์อื่น ๆ เพิ่มเติมคลิกเลย!