ถ้าพูดถึง Active Ingredients ที่มาแรงและต้องมีติดโต๊ะเครื่องแป้ง คงหนีไม่พ้น Niacinamide หรือวิตามิน B3 เพราะด้วยคุณสมบัติรอบด้าน ทั้งลดรอยสิว คุมมัน กระชับรูขุมขน และเสริมความแข็งแรงของเกราะป้องกันผิว แต่ถ้าผิวต้องรับมือหลายปัญหาพร้อมกัน เช่น สิว รอยดำ ริ้วรอย รวมถึงผิวหมองคล้ำ การใช้ Niacinamide ตัวเดียวอาจยังไม่พอ
คำถามคือ Niacinamide ใช้คู่กับอะไรดี? วันนี้ Cosmenet* เลยจะพามาทำความรู้จักกับ 3 Active Ingredients ที่นิยมใช้ร่วมกับ Niacinamide เพื่อเสริมผิวให้ปัง พร้อมเคล็ดลับการ Layering ที่ถูกวิธี ให้ผิวใสแบบเร่งด่วน ปลอดภัย และเห็นผลจริง!
Niacinamide คืออะไร?
Niacinamide หรือที่รู้จักกันในชื่อ “วิตามิน B3” เป็นหนึ่งใน Active Ingredients ยอดนิยมของสายสกินแคร์ยุคนี้ เพราะมีคุณสมบัติรอบด้านที่ช่วยฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงและสวยใส
คุณสมบัติของ Niacinamide ช่วยเรื่องอะไร?
- ลดรอยสิว จุดด่างดำ : ช่วยลดการอักเสบและปรับสีผิว ทำให้รอยดำ รอยแดงจากสิวจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ ผิวกลับมาสม่ำเสมอ และยังช่วยป้องกันการเกิดรอยใหม่
- คุมความมัน : ช่วยปรับสมดุลน้ำมันบนผิว ลดความมันส่วนเกิน ผิวไม่มันเยิ้มระหว่างวันและช่วยลดโอกาสการเกิดสิวซ้ำ
- กระชับรูขุมขน : ด้วยคุณสมบัติช่วยปรับโครงสร้างผิว Niacinamide ทำให้รูขุมขนดูเล็กลง ผิวเรียบเนียนขึ้น ให้สัมผัสนุ่มลื่น และช่วยให้ผิวดูละเอียดกระจ่างใส
- เสริม Skin Barrier : ช่วยสร้างและเสริมเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น ทนต่อมลภาวะ แสงแดด และสิ่งระคายเคือง ลดการเกิดผิวแห้ง แดง หรือแพ้ง่าย
ทำไมต้องใช้ Niacinamide ร่วมกับ Active Ingredients ตัวอื่น

ถึงแม้ว่า Niacinamide จะเป็นส่วนผสมที่เปี่ยมไปด้วยคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมและหลากหลาย เป็นได้ทั้งตัวควบคุมความมัน ตัวลดรอยสิว และตัวเสริมเกราะป้องกันผิว แต่เมื่อผิวของคุณต้องเผชิญกับ หลายปัญหาพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอย, ความหมองคล้ำที่ฝังลึก หรือปัญหาสิวอักเสบเรื้อรัง การพึ่งพา Niacinamide เพียงอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ จึงต้องมองหา Active Ingredients ตัวอื่น มาช่วยเสริมประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาผิวอื่น ๆ ร่วมด้วย
Niacinamide ใช้คู่กับสกินแคร์ตัวไหนดี?
1. Niacinamide กับ Retinol ทำไมต้องใช้คู่กัน?
ใช้ Niacinamide กับ Retinol ข้อดี?
เนื่องจาก Retinol เป็นสารที่ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ริ้วรอยและจุดด่างดำจางลง แต่ข้อเสียคือช่วงแรกอาจทำให้ผิว ระคายเคือง แสบแดง หรือแห้งลอก Niacinamide จึงเป็นพระเอกของคู่หูนี้ที่เข้ามาปลอบประโลมผิว ลดอาการอักเสบ และเสริมเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) ทำให้ผิวรับมือกับ Retinol ได้ดีขึ้น
เหมาะกับใคร?
เหมาะสำหรับใครที่อยากดูแลผิวแบบ Anti-Aging อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะคนที่กังวลเรื่อง ผิวระคายเคืองจาก Retinol เพราะ Niacinamide จะช่วยปลอบประโลมและเสริมเกราะป้องกันผิว ทำให้ใช้ Retinol ได้สบายใจขึ้น
ใช้ยังไงให้ได้ผลดีที่สุด:
- ใช้เฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น
- ลงสกินแคร์ Niacinamide ก่อน เพื่อเตรียมผิวและเสริมเกราะป้องกัน
- ตามด้วยสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของเรตินอล ในปริมาณเท่าเม็ดถั่ว
- ปิดท้ายด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ผิว
2. Niacinamide กับ Vitamin C ทำไมต้องใช้คู่กัน?
ใช้ Niacinamide กับ Vitamin C ข้อดี?
หลายคนเคยมีความเชื่อผิด ๆ ว่า ไม่ควรใช้ Niacinamide ร่วมกับ Vitamin C เพราะอาจทำให้เกิดปฏิกิริยากัน แต่ปัจจุบันยืนยันแล้วว่าทั้งสองตัวสามารถใช้ร่วมกันได้อย่างปลอดภัยและเห็นผลจริง Vitamin C เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV และยับยั้งการสร้างเม็ดสีตั้งแต่ต้นตอ ทำให้ผิวไม่หมองคล้ำและดูสว่างขึ้น ส่วน Niacinamide ทำงานช่วยหยุดยั้งการส่งถ่ายเม็ดสีที่สร้างแล้วไม่ให้ขึ้นสู่ผิวชั้นบน ลดความเข้มของจุดด่างดำและรอยดำจากสิว
เหมาะกับใคร?
สำหรับคนที่อยากเน้นผิวกระจ่างใส ลดจุดด่างดำ และเสริมการปกป้องผิวเป็นพิเศษ แนะนำให้ใช้ในช่วงเช้า ก่อนทาครีมกันแดด เพื่อให้ได้รับประสิทธิภาพการต้านอนุมูลอิสระสูงสุด
ใช้ยังไงให้ได้ผลดีที่สุด
- ใช้ตอนเช้า
- ลงสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซีบนผิวแห้งหลังล้างหน้า
- รอให้สกินแคร์ซึมลงผิว 1-2 นาที แล้วตามด้วยสกินแคร์ Niacinamide
- ปิดท้ายด้วยครีมกันแดดที่มี SPF 50 เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV
3. Niacinamide กับ Hyaluronic Acid (HA) ทำไมต้องใช้คู่กัน?
ใช้ Niacinamide กับ Hyaluronic Acid (HA) ข้อดี?
คู่หูที่อ่อนโยนที่สุดแต่ทรงพลังในการสร้างผิวสุขภาพดีและฉ่ำวาวแบบ Glass Skin โดย Hyaluronic Acid (HA) ช่วยดึงดูดและกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิว ขณะที่ Niacinamide กระตุ้นการสร้างไขมันตามธรรมชาติของผิว รวมถึง Ceramide ที่ทำหน้าอุดรอยรั่วระหว่างเซลล์ผิว เมื่อทำงานร่วมกัน HA เติมน้ำและ Niacinamide สร้างกำแพงป้องกันไม่ให้น้ำระเหยออกจากผิว ทำให้ผิวอิ่มฟู ลดความแห้งกร้าน และดูเปล่งปลั่งทันที
เหมาะกับใคร?
เหมาะสำหรับทุกคนที่อยาก สร้างพื้นฐานผิวแข็งแรง และได้ผิวที่ ชุ่มชื้น ฉ่ำน้ำ อิ่มฟู โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการระคายเคือง สามารถใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น และยังเหมาะกับ ทุกสภาพผิว ช่วยยกระดับความชุ่มชื้นให้ผิวดูสุขภาพดีที่สุด
ใช้ยังไงให้ได้ผลดีที่สุด
- สามารถใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น
- ทาสกินแคร์ที่มี Hyaluronic Acid บนผิวที่ยังมีความชื้นเล็กน้อย
- ตามด้วยสกินแคร์ Niacinamide
- ปิดท้ายด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อล็อกความชุ่มชื้น
-----------------------
*Cosmenet Smart Beauty รีวิวดีบอกต่อ
-----------------------
สำหรับใครต้องการลดริ้วรอย เพิ่มความกระจ่างใส หรือเติมความชุ่มชื้นให้ผิว การจับคู่ Niacinamide กับ Active Ingredients ที่เหมาะสมอย่าง Retinol, Vitamin C หรือ Hyaluronic Acid จะช่วยให้ผิวดูสุขภาพดี มีความใส ฉ่ำวาว และเห็นผลลัพธ์แบบเร่งด่วน เพียงแค่เลือกคู่ที่ตรงกับปัญหาผิวของตัวเองและใช้เป็นประจำ ผิวใสก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม!!
อ่านคอนเทนต์สาระน่ารู้อื่น ๆ เพิ่มเติมคลิกเลย!