menu
search
บทความแนะนำ
ชีส เชื้อราดีๆที่เราต้องกิน
10,427
29 ต.ค. 2557
เมื่อคนไทยหันมากินพิซซ่ากันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน
"
ชีส
"
จึงกลายมาเป็นของชอบของคนรักพิซซ่ากันไปทั้งบ้านทั้งเมือง จนพิซซ่าต้องเพิ่มขอบชีสเข้ามาให้สะใจกันไป และไส้กรอกชีสก็กลายเป็นอาหารอร่อยเร่งด่วนขายดีในร้านสะดวกซื้ออีกด้วย นี่ยังไม่รวมของหวานสุดฮิตอย่างเหล่าชีสเค้ก และชีสพายนั่นอีก อะไรจะรักชีสกันขนาดนั้น! ก็มันอร่อยนี่นา! แต่ใครทราบกันบ้างคะว่า...ในความอร่อยของชีสนั้นก็เต็มไปด้วยประโยชน์อันน่าปลื้มทั้งนั้นเลยด้วยนะ
กำเนิดชีสจาก
"กระเพาะแพะ"
ไม่ใช่ว่าชีสงอกออกมาจากกระเพาะแพะนะคะ แต่เพราะ
ชนเผ่าเบดูอินในทะเลทราย
พกอาหารไปกินระหว่างการเดินทาง แล้วเอานมใส่กระเพาะแพะบรรทุกไปด้วย ซึ่งปรากฎว่าอากาศร้อนๆ แล้วกระเพาะแพะนั้นก็ถูกเขย่าไปมาบนหลังอูฐ จนเอนไซม์เรนนินในกระเพาะแพะก็เข้าไปทำการแยกไขมันของนมและน้ำออกจากกัน จนเกิดเป็นนมก้อนๆ ที่ถูกแยกน้ำออกไป ซึ่งเราเรียกกันว่าชีสนั่นเอง
ทุกวันนี้กระบวนการผลิตแบบดั้งเดิมแทบจะไม่เหลือแล้วค่ะ ใครอยากกินชีสแบบดั้งเดิมจริงๆ แนะนำให้เลือกกินชีสที่ผลิตแบบเก่าแก่จากประเทศฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน อังกฤษ สวิสเซอร์แลนด์ และเนเธอแลนด์ ..แต่ มาดูประโยชน์ล้ำค่าอลังการของชีสกันดีกว่า
แคลเซียมสูง บำรุงกระดูก
แน่นอนว่าชีสมาจากนมจึงมีแคลเซียมสูง แล้วยังเป็นแคลเซียมชนิดที่ดูดซึมได้ง่าย และวิตามินดีกับแมกนีเซียมในชีสยังไปทำหน้าที่ร่วมกับกับแคลเซียมเพื่อช่วยให้กระดูกแข็งแรงอีกด้วย
ฟันแข็งแรงไม่ผุ
เพราะโปรตีนในรูปของแคลเซียมและฟอสฟอรัส จะไปช่วยเคลือบฟันและเพิ่มฟองน้ำลายล้างกรดและน้ำตาลในช่องปาก อีกยังมีน้ำตาลในปริมาณต่ำทั้งแล็กโตส มอลโตส และกลูโคลส
เลือกชีสไขมันต่ำไม่อ้วน
เป็นการควบคุมน้ำหนักที่ได้โปรตีน พร้อมควบคุมความหวานไปด้วย
เลือกชีสที่อุดมไปด้วยไขมัน เพื่อเพิ่มน้ำหนัก
คือไม่ใช่ทุกคนนะคะที่อยากผอม บางคนก็ผอมมากและอยากอ้วน แต่ต้องเพิ่มอาหารที่มีคุณค่า ไม่ใช่อ้วนจากอาหารขยะ ชีสจึงกลายเป็นทางเลือกที่เลอค่ามาก
ซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของร่างกาย
เพราะชีสเป็นแหล่งรวมอะมิโนโปรตีนที่จำเป็นต่อร่างกายในปริมาณสูง สาวๆ ที่รักสวยรักงามไม่อยากแก่ และพยายามกินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระให้มากๆ ลองเลือกชีสมาเป็นตัวช่วยอีกสักตัวก็ไม่เลวนะคะ
คนที่ดื่มนมแล้วท้องอืด กินชีสแทนเลยได้
เพราะชีสก็คือโปรตีนจากนมที่แยกน้ำออกไป แต่มีน้ำตาลแลคโตสในปริมาณต่ำ ซึ่งน้ำตาลแลคโตสนี้เองที่ไปหมกหมมและทำให้เกิดแก๊ซในกระเพาะ ทำให้ท้องอืด
จบที่คนทานชีสต้องระวังอย่างหนึ่งคือ
"
เกลือ
"
ในชีสที่มีมากไปสักหน่อย ดังนั้น
ใครที่มีโรคประจำตัวอย่าง ความดันสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด จึงไม่ควรทานชีสมากเกินไป
ส่วนวิธีเก็บชีสนั้น ควรเก็บในอุณหภูมิ 8-13 องศา โดยอย่าห่อให้มิดชิดเกินไป(เขาบอกว่า ต้องให้ชีสได้หายใจกันบ้าง) ยกเว้นบลูชีส เพราะเดี๋ยวราในชีสจะกระจายไปยังอาหารประเภทอื่นนะคะ เอาเป็นว่ามาทานชีสกันดีกว่าค่ะ
ขอขอบคุณภาพจาก :
diner.tistory.com
,pinterest.com
เรียบเรียงข้อมูลโดย :
cosmenet.in.th
Tags:
ชีส
healthy
food
Cheese
IN THIS SECTION
ลดน้ำหนักแบบ "ไม่ต้องอด" กับอาหาร 9 ชนิด กินแล้วไม่อ้วนแน่นอน!
ไอเดียมื้อเช้าแบบไดเอท ด้วย 19 เมนูจากข้าวโอ๊ต
10 นาที พุงยุบได้ด้วย "การแกว่งแขน"
7 ข้อ กับการใช้ชีวิต Slow Life ที่ถูกต้อง
more+
What's new
more+
COMMENTS
Recommended By *Cosmenet
4U2
Girlfriends' Mousse Lip Cup
4.0
(2 รีวิว)
อ่านรายละเอียด