สวัสดีค่ะทุกคน !!!!!!! ไม่ขอพูดพล่ามอะไรมาก เพราะมีเรื่องเกี่ยวกับความสวยความงามที่อยากจะมาแนะนำ และเรื่องที่ว่านี่ก็มาจากประสบการ์ณในการทดลองใช้จริงของเราโดยตรง ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่เราจะมาพูดถึงกันในครั้งนี้เป็นผลิตภัณฑ์ในเครือชาเม่ เมื่อพูดถึงชาเม่ เราว่าหลายคนคงจะคุ้นหูกันไม่น้อย เพราะเขาก็ออกผลิตภัณฑ์มาค่อนข้างหลากหลายเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ในแต่ละกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นอาหารเสริม หรือเครื่องสำอางค์ แต่ผลิตภัณฑ์ที่เราจะหยิบยกมาพูดกันในวันนี้จะเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลผิว นั่นก็คือ “สบู่” นั่นเอง
และนี่ก็คือรีวิวแรกของเรา ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะคะ
เอาหล่ะ. ก่อนที่จะมาพูดถึงผลิตภัณฑ์ เราขอเล่าให้ฟังถึงปัญหาที่เราเจอ ด้วยวัยที่เป็นเด็กมัธยมปลาย (หลายคนในนี้อาจจะอายุมากกว่า แต่ขออนุญาติเรียกแทนตัวเองว่าเรานะคะ) แน่นอนว่าฮอร์โมนในวัยนี้กำลังพลุ่งพล่าน และเราก็ประสบปัญหาหลายอย่างมากเกี่ยวกับผิว ทั้งหน้ามัน ทั้งรูขุมขนกว้าง ทั้งสิวอุดตัน ซึ่งก็จะมาแบบสลับกันเป็นช่วงๆ ซึ่งพื้นฐานเดิมของผิวเราเนี่ย เราเป็นคนที่หน้ามันมาก (และนั่นก็นำมาซึ่งความเชื่อแบบผิดๆ ที่ว่าหน้ามันไม่ต้องไปทาครีมบำรุง เพราะจะทำให้หน้ามันมากขึ้น แต่เปล่าเลย ยิ่งไม่ทาหน้ายิ่งมัน เพราะเมื่อผิวหน้าขาดความชุ่มชื่นจึงเป็นเหตุให้ผิวเราผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมา) ยิ่งด้วยช่วงวัยและการใช้ชีวิตประจำวันหลายอย่าง มันจึงง่ายมากต่อการเป็นสิว
และเราก็ไม่ใช่พวกที่จะมาทนกับอะไรนานๆ ซึ่งก่อนหน้านี้เราได้ลองใช้ไปหลายแบรนด์มากๆ แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น (บางแบรนด์ใช้แล้วแย่กว่าเดิมก็มี) ที่ตัดสินใจเลือกใช้ชาเม่ก็เพราะเราเคยใช้ผลิตภัณฑ์ตัวอื่นของแบรนด์นี้แล้วรู้สึกโอเค เลยคิดว่าเสียหายถ้าจะมาลองเจ้าสบู่นี่ดู ซึ่งก็ตรงกับความต้องการในตอนนี้พอดี แล้วที่ต้องเป็นสบู่ก็เพราะเราอยากเน้นไปที่ขั้นตอนการล้างหน้าเป็นหลัก แล้วใช้ครีมบำรุงที่อ่อนโยนพอ (กลัวแพ้)
ในรีวิวนี้เราจะมาพูดถึงสบู่ทั้ง 2 ตัว นั้นก็คือ Ceena Mintea Soap และ Ceena Rose Placenta Soap ที่ต้องการรีวิวทั้งสองตัวนั้นก็เพราะ เราได้ลองใช้จริงทั้งสองสูตรนี้ตามช่วงเวลาและปัญหาที่พบเจอ โดยเราจะแนะนำแต่ละสูตรก่อนว่ามีคุณสมบัติเด่นในด้านไหน ละค่อยพูดถึงผลลัพธ์จากการใช้เป็นลำดับๆ
มาที่ตัวแรกกันก่อน. “Ceena Mintea Soap” นี่คือสูตรแรกตั้งแต่เราตัดสินใจลองใช้สบู่ของชาเม่ ซึ่งตั้งแต่แรกเลยก็ไม่รู้จะเริ่มจากสูตรไหนก่อนดี เพราะแต่ละสูตรก็เด่นในแต่ละเรื่อง ซึ่งเรามีทั้งสองเรื่อง แต่เนื่องจากตั้งแต่แรกเลยอย่างที่บอก เรามีปัญหาเรื่องผิวมันและรูขุมขนกว้างมากๆ เลยมีความรู้สึกว่าอยากจะแก้ปัญหาตรงจุดนี้มากที่สุด และคิดว่าพอหมดก็ค่อยเปลี่ยนสูตรใหม่
ซึ่งสูตรแรกนี้จะช่วยในเรื่องปรับสมดุลผิว ลดความมันส่วนเกินบนใบหน้า ให้ผิวหน้าชุ่มชื้น และปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆที่เจอในแต่ละวัน ซึ่งที่เด่นๆเลยคือตัวนี้จะเป็นการดีท็อกซ์ผิวไปในตัวขณะล้างหน้า
**มีส่วนประกอบหลักที่สำคัญ ได้แก่ สารโพลีแซคคาไรด์ จากสาหร่ายสีน้ำตาล และสีแดง Tea Tree oil ว่านหางจระเข้ และหัวหอม
เนื้อฟองสบู่จะเป็นฟองโฟมนุ่มๆออกแนววิปมาส์ก กลิ่นจะเป็นกลิ่นสดขื่นแนวมินต์ๆเลย
หลังจากตีฟองด้วยถุงตะข่ายที่แถมมาให้ ก็ฟอกลงไปบนใบหน้า เรานวดเบาๆเพื่อให้ผิวหน้ารู้สึกผ่อนคลาย ทิ้งไว้สัก 2-3 นาทีแล้วค่อยล้างออก สำหรับสูตรนี้บอกเลยว่าเราชอบใช้มากหลังจากที่ทำกิจกรรมหนักๆมาจากโรงเรียน หรือวันไหนก็ตามที่รู้สึกว่าโดนมลพิษตามท้องถนนมาเยอะๆ เราจะชอบมาส์กหน้าด้วยสูตรนี้ โดยตัวนี้เราจะใช้ทั้ง เช้า และ เย็น แต่ช่วงเช้าก็จะใช้ล้างหน้าปกติ มีแค่ตอนเย็นที่จะใช้เป็นมาส์ก
2. Ceena Rose Placeta Soap
สำหรับตัวที่สอง “Ceena Rose Placenta Soap” เราใช้เป็นตัวที่สองหลังจากหมดสูตรแรก ซึ่งพอความมันบนใบหน้าเริ่มลดลงก็ที่ความขาวกระจ่างใสกันบ้าง โดยตัวนี้ช่วยในเรื่องของการลดฝ้า กระ จุดด่างดำ และรอยสิว ช่วยปรับสภาพผิวให้ดูสว่างกระจ่างใส ร่วมทั้งทำให้ผิวเนียนนุ่มตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้
**ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติที่สำคัญ ได้แก่ สารสกัดพลาเซนต้า กุหลาบ, ดอกซากุระ, สารสกัดจากกีวี่, กลูต้าไธโอน, อัลฟ่าอาบูติน และ วิตามินซี
สำหรับตัวนี้เขาจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆเหมือนดอกไม้ ขั้นตอนในการใช้ก็ไม่ได้แตกต่างกัน เนื้อโฟมเป็นวิปมาส์กเหมือนกับตัวแรก เราใช้ทัเงเช้าและเย็นเหมือนตัวแรกเลย แต่ตัวนี้ถ้าช่วงเช้ามีเวลาก็จะพยามมาส์กทิ้งไว้ระหว่างอาบน้ำไปด้วย เพราะอยากให้หน้าขาวกระจ่างใส รวมทั้งรอยสิวต่างๆหายไปไวๆ
ผลลัพธ์จากการใช้
จากการทดลองใช้สบู่ CEENA สูตร Mintea สำหรับตัวนี้เราก็ใช้ไปเรื่อยๆ ไม่ได้สังเกตผลลัพธ์จริงจังตั้งแต่ครั้งแรก แต่ก่อนอื่นต้องขอบอกถึงความรู้สึกคร่าวๆระหว่างใช้ คือล้างออกแล้วหน้าไม่รู้สึกแห้งตึง แต่รู้เลยว่าผิวหน้าสะอาดหมดจด เมื่อใช้ไปเรื่อยๆสัก 2 สัปดาห์ เริ่มสังเกตุได้ว่าความมันบนใบหน้าลดลง รูขุมขนกระชับขึ้น ปัญเรื่องสิวผดผื่น สิวอุดตันก็ลดลงไปมากจนเรารู้สึกได้
อย่างในรูปคือลองเทสกับกระดาษซับหน้ามัน ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนบ่าย โดยที่ไม่ซับหน้าหรือลงแป้งทับ พบว่ามีความมั่นส่วนเกินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จากเมื่อก่อน อย่างที่บอกว่าเราเป็นคนหน้ามันมาก ซึ่งนอกจากสบู่ตัวนี้แล้ว เรายังคงใข้ทุกอย่างตามปกติ ปรากฎว่าไม่มีหน้าเยิ้มเป็นกระทะทอดไข่อีกต่อไป อันนี้คือเลิศ!! ที่สำคัญคือเรารู้สึกว่าตัวนี้จะช่วยเรื่องฟื้นฟูผิวจากมลภาวะได้ดีระดับหนึ่งด้วย ซึ่งหลังจากการใช้จะรู้สึกว่าผิวหน้าดูสดชื่นขึ้นมากๆ
สำหรับสูตรที่ 2 CEENA สูตร Rose Placenta สูตรนี่จะบอกว่าเนียนนุ่มตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้จริงๆ ล้างหน้าปุ๊ปสำผัสได้ถึงผิวนุ่มชุ่มชื่นเลย หลักๆเลยเราว่านอกจากจะช่วยเรื่องความขาวกระจ่างใสอย่างที่ทางแบรนด์เคลม ยังช่วยในเรื่องของปัญหาสิวอีกด้วย ซึ่งหลังจากที่ได้ลองใช้ตอนเป็นสิว สิวบนใบหน้ากลับแห้งไวขึ้น
เมื่อใช้ต่อเนื่องมาเรื่อยๆรอยสิวต่างๆค่อยๆจางหายไป นอกจากรอยสิวใหม่ที่เพิ่งขึ้น รอยเก่าๆอย่างรอยแผลเป็น หรือรอยดำรอยแดงที่เกิดจากการบีบสิวก็ค่อยๆจางลงอีกด้วย ส่วนเรื่องความขาวกระจ่างใสเรารู้สึกประทับใจแค่ในระดับนึง (โดยปกติเราเป็นคนผิวขาวอยู่แล้ว เลยไม่ค่อยซีเรียสกับตรงนี้) หลักๆแล้วยกให้เลยกับเรื่องลบเลือนรอยสิวอะไรเหล่านี้
สรุป ผลจากการที่ได้ลองใช้ทั้งสองสูตร บอกเลยว่ารักทั้งคู่ ผลลัพธ์ที่ได้ล้วนขึ้นอยู่กับสภาพผิวหน้าของแต่ละคน รวมทั้งปัญหาที่เจอ ว่าใครมีสภาพผิวอย่างไร ต้องการกูแลรักษาแบบไหน ซึ่งโดยส่วนตัวเราว่าทั้งสองสูตรต่างมีดีในแบบของตัวเอง แต่ถ้าเอาที่ชอบ เราอาจจะเทใจไปทางสูตร Mintea นิดๆ เนื่องจากเราชอบกลิ่นของนาง คือได้กลิ่นแล้วทันทำให้รู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย ยิ่งไปข้างนอกเจอแดดร้อนๆ เจอฝุ่นควันแล้วเอาตัวนี้มามาส์กหน้านะ ฟิน! แต่ยังไงก็ขอแนะนำไปทั้งสองสูตรเลยแหละ เพราะคิดว่าเราก็คงจะใช้สลับกันไป สูตรไหนหมดก็เปลี่ยน ด้วยที่ว่านอกจากผลลัพธ์ที่ค่อนข้างออกมาดี นางยังช่วยประหยัดเวลา และลดขั้นตอนการกูแลผิวหน้า โดยเป็นทั้งสบู่ล้างหน้า และมาส์กบำรุงไปในตัว เรียกได้ว่าคุ้มสุดๆ