กี่ครั้งแล้วที่ชายหนุ่มของเธอตอบคำถามคาดคั้นของเธอแบบโง่ ๆ แล้วเธอก็ดันไปยอมเชื่ออีกครั้งจนได้ ทั้งที่มันก็ชัดเจนมากเลยนะ กับสติ๊กเกอร์ไลน์ตอบกลับแปลก ๆ ที่เขาไม่เคยใช้ หรือการตัดสายที่เธอโทรเข้าบ่อย ๆ แล้วอ้างอะไรโง่ ๆ แบบว่า เข้าห้องน้ำอยู่... แต่คือไม่โทรกลับ แต่เธอก็เชื่อใช่ไหม แล้วรู้ไหมว่าความที่เธอไปเชื่อคำแก้ตัวโง่ ๆ แบบนี้อยู่เสมออย่างน่าขัดใจ นั่นเพราะเขากำลังใช้วิธี Gaslighting กับเธอไง เอาเหอะ จะไปเปิดดิกส์ก็ไม่เจอหรอก มา ๆ จะแปลให้อ่านกัน
Gaslighting คือวิธีการที่ถูกทำให้สับสน ไม่มั่นใจในความคิดความเชื่อของตัวเองว่ามันถูกต้องไหม ไม่มั่นใจจนคิดสงสัยไปได้เลยว่า ฉันบ้ารึเปล่า! ฉันต้องบ้าแน่ ๆ ฉันเป็นพวกคิดมากอย่างที่เขาบอกอยู่เรื่อย ๆ จริง ๆ และเชื่อไหมว่ามันมีอยู่จริงนะ ที่เราอาจเคยเห็นว่ามีผู้หญิงบางคนที่ดีเกินไปสำหรับผู้ชายแสนเลวบางคน ที่นอกจากจะเลวชัดเจนมากแล้วยังหน้าตาคนละเรื่องราวนางฟ้ากับมหาโจร เราก็จะสงสัยว่าผู้หญิงสวยขนาดนี้ไปมีแฟนเลวที่ดูบุคลิกภาพแย่ ๆ แบบนี้ได้ยังไง คือถ้าหน้าตาไม่ได้ดีมากแต่เป็นคนดีมันก็ยังสมเหตุสมผลใช่ไหมล่ะ นั่นเพราะมีผู้หญิงหลายคนบนโลกใบนี้ที่ถูกหลอกให้สับสนว่าตัวเองไม่มีค่าพอสำหรับคนดี ๆ มันเป็นจิตวิทยาที่เล่นกับจิตใจคนอย่างโหดร้าย โดยเฉพาะผู้หญิงเราที่ตกเป็นเหยื่อกันเยอะมาก... คุณเองก็ต้องเคยบ้างแหละน่า ในกรณีที่ไม่รุนแรงมากนักแบบไม่ใช่ใครดีใครเลว แค่ทำให้สับสนในตนเองก็ใช่เหมือนกัน
มาเช็คกันดูหน่อยซิว่าผู้ชายของคุณใช้วิธีนี้กับคุณบ่อยหรือเปล่า?
1. โกหกเสียงดังโวยวายกับคำแก้ตัวอ้างเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ
คือมันไม่น่าใช่ แต่เราจะตัดสินใจไม่ได้ว่า มันไม่น่าใช่ เอ๊ะ! รึว่ามันใช่ แล้วเขาก็ทำให้มันเกิดขึ้นบ่อยจนเราชักเริ่มจะสับสนว่ามันอาจจะใช่นะ เช่น “ถ้าตัวเองไม่เชื่อ โทรไปถามน้องคนนั้นได้เลย” เอ๊ะ รึเราจะคิดมากไปจริง ๆ เพราะไม่งั้น เขาคงไม่กล้าท้าแบบนี้
2. ปฏิเสธว่าไม่เคยพูดแบบนั้น
ทั้งที่คุณจะยืนยันหนักแน่น จำได้จริง ๆ มีหลักฐานยืนยัน เขาก็จะแก้ตัวให้ผ่านพ้นไปได้ในที่สุด
3. เขาจะโจมตีจุดอ่อนของคุณ
ไม่ว่าจะเป็นลูก หลาน ครอบครัว ตำแหน่งหน้าที่การงาน การศึกษา หรือแม้กระทั่งน้ำหนักตัว เขาจะหาวิธีพูดที่ไปลดคุณค่าของคุณ ให้คุณรู้สึกว่าเขาดีกว่า แล้วเขาจะควบคุมคุณได้ เหมือนไม่น่าเป็นไปได้เนอะ แต่ก็บอกแล้วว่ามันคือจิตวิทยาที่เล่นกับจิตใจคนเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ เช่น “ถ้าไม่ใช่เค้า ก็ไม่มีใครเอาตัวเองแล้วววววว”
4. หาพวก
โดยพยายามพูดกับคนรอบข้างเพื่อให้ตัวเขาถูกต้องดูดีกว่า อยู่เหนือกว่าคุณ บางทีคุณต้องคุยกับเพื่อน ๆ บ้างถึงพฤติกรรมพวกนี้ เพราะเพื่อน ๆ มักไม่อยากเป็นหมา ไม่อยากมานินทาแฟนของคุณให้คุณฟังหรอก อาจไม่พอใจอยู่แต่ก็ไม่อยากจะยุ่งเรื่องของคนสองคน เปิดใจแล้วลองถามเพื่อน ๆ คนรอบข้างดูนะ เพื่อนน่ะ เป็นแค่หมา แต่เราน่ะ เป็นควายเลยนะ 555
5. เขาจะอ้างว่าคนอื่นโกหกหมด และคำอ้างก็ดูโง่ ๆ แต่คุณก็เชื่อด้วยนะ
บางทีคนรอบข้างที่ตกเป็นเหยื่อแล้วคุณมองว่าทำไมถึงติดอยู่ตรงนั้น ยอมเชื่อคำโกหกโง่ ๆ ตอนนี้เข้าใจแล้วใช่ไหมว่า เธอคนนั้นกำลังถูก Gaslighting อยู่
6. ชอบเปลี่ยนเรื่อง
เถียงกันอยู่ดี ๆ ก็เปลี่ยนเรื่องไปแบบเนียน ๆ ชนิดที่คุณกลับเข้าสู่หัวข้อเดิมไม่ได้ แล้วก็มักเป็นแบบนี้บ่อย ๆ
7. นักจิตวิทยาบอกว่า คนที่ชอบใช้วิธีนี้จะเป็นพวกหลงตัวเอง
8. เคยไหมที่เรามั่นใจมาก ๆ ว่าเราไม่เคยพูดเคยทำสิ่งนี้
แต่อีกฝ่ายยืนยันว่าเราเคยทำ แล้วหาว่าเราเป็นคนขี้ลืม จนเราชักจะสับสนแล้วว่า รึว่าเราเคยจริง ๆ
9. บางทีผู้ที่ใช้วิธี Gaslighting กับคุณก็ไม่ใช่แค่เขาหรอก
แต่อาจเป็นคนในชีวิตของคุณคนอื่น ๆ เคยไหมที่มีปัญหากับคนในบ้าน หรือในกลุ่มเพื่อน แล้วเรามั่นใจว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา แต่ทำไมไม่มีใครเข้าใจ ไม่มีใครมาช่วยยืนยันว่าคุณเป็นฝ่ายถูก จนมาถึงจุดที่เราชักไม่มั่นใจแล้วว่า เราอาจมีอะไรไม่ดีก็ได้ เราอาจเป็นคนผิดจริง ๆ ว่ะ..เฮ้ย
10. พวกเขาไม่รู้ตัวหรอกนะว่ากำลังใช้วิธี Gaslighting
และคุณเองก็ไม่ได้รู้ตัวด้วยว่ากำลังตกเป็นเหยื่อ ดังนั้นหาทางเอาตัวรอดเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะดี
วิธีรับมือกับพวก Gaslighting
- ตั้งสติว่าตอนนี้กำลังคุยเรื่องอะไร คิดถึงประเด็นที่ชัดเจนแล้วมุ่งหาคำตอบกับเขาแบบไม่ออกนอกเรื่อง
- สังเกตอย่างมีสติว่าเขากำลังพยายาม Gaslighting คุณอยู่ใช่ไหม
- มองหาจุดที่คุณต้องเชื่อมั่นในตัวเองเอาไว้
- คุยกับคนที่เชื่อใจได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ต้องหาคนอื่นมาช่วยสนับสนุนความคิด ความเชื่อ ความมั่นใจในตัวเองของคุณด้วย
- ทำความเข้าใจถึงจุดอ่อนของตัวคุณเอง ว่าทุกคนต้องมีจุดเปราะบางกันทั้งนั้น มันเรื่องธรรมดา ไม่ได้ไร้ค่าอะไร
- อย่าลืมว่าในกรณีเล็ก ๆ น้อย ๆ ผู้ชายของคุณก็ไม่ได้มีเจตนาจะ Gaslighting คุณหรอก แค่อยากทำให้คุณสับสนเพื่อให้ตัวเองรอดจากเรื่องที่ทำผิดอยู่เป็นประจำนั้น ดังนั้นนอกจากอย่ายอมโดนหลอกแล้วก็ต้องหาทางแก้ไขให้ได้
สำหรับคุณที่กำลังโดน Gaslighting อยู่ คุณจะรู้สึกสูญเสียความมั่นใจ สับสน จนอาจถึงกับรู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดจนต้องพูดขอโทษอยู่เสมอ มันอาจเป็นมากถึงขั้นที่ขาดความเชื่อมั่นในตนเองโดยสิ้นเชิง จนในที่สุดก็ขาดความสุข ขาดความเคารพตนเอง
โดยทั่วไปแล้ว หลายคนคงเจอแค่โดนสับขาหลอกให้สับสน โกหกวกวนให้เราขาดความมั่นใจ หรืออาจมีบ้างที่ไปเที่ยวพูดกับคนอื่นเหมือนเราเป็นฝ่ายผิด แล้วก็ชอบหาว่าคนรอบข้างที่เอาความจริงมาพูดเป็นคนโกหก...กลายเป็น เธอไปฟังคนอื่นมากกว่าฉัน...ไปซะงั้น
แต่หากว่าคุณกำลังมองเห็นชีวิตของใครที่กำลังโดน Gaslighting หนัก ๆ อย่างชัดเจน ลองหาทางเรียกความมั่นใจคืนกลับมาให้เขาก่อนที่จะกลายไปเป็นเหยื่อที่น่าสงสารตลอดชีวิตของเหล่านัก Gaslighting ตัวแสบผู้หลงตัวเองแต่กลับขาดความมั่นใจจนต้องใช้เหยื่อมาสร้างความมั่นใจให้กับตนเอง เพราะเชื่อสิว่ามีผู้หญิงหลายคนกำลังตกเป็นเหยื่อของผู้ชายพวกนี้อยู่จึงต้องถูกปั่นหัวไปจนถึงขั้นโดนล้างสมองว่าเป็นคนบ้าที่มโนไปเอง
สรุป มันก็คือถูกปั่นหัวบ่อย ๆ จนสับสนว่าเราเป็นแบบนั้นจริงๆ เราเยอะไป เราจับผิดเขา เราจำผิดไปเอง เราพูดแบบนี้บ่อยโดยไม่รู้ตัวจริง ๆ... ทั้งที่อาจเคยพูดเพียงครั้งสองครั้งด้วยซ้ำ ดังนั้น จงมีสติกันเถอะค่ะ แล้วอย่ายอมโดนปั่นจากคนที่ทำผิดแล้วพยายามเอาตัวรอดแบบทำร้ายจิตใจกันแบบนี้อีกเลย
“สุดท้ายนี้.... ขอพลังจงสถิตอยู่กับท่าน”
เรียบเรียงข้อมูลโดย : cosmenet.in.th