แต่รู้ไหมว่าการใช้สีและศิลปะการทำเล็บนั้นมีมานานอย่างน้อย 6,000 ปีแล้ว โดยผู้หญิงชาวอียิปต์และจีนใช้สีทาเล็บที่ทำจากด้วงบดย้อมสี จนกระทั่งในทศวรรษที่ 1980 ชาวอเมริกัน-แอฟริกันได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงให้กลายเป็นแฟชั่นที่แท้จริง ทั้งการออกแบบและการใช้สีอย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้
สาวชาวอเมริกัน-แอฟริกัน มักจะสวมกรงเล็บยาวสีสดใสทั้งในแบบพื้นๆและแบบที่ยาวเกินจริง ทำให้เล็บ 3 มิติและประติมากรรมที่ทำด้วยมือได้แพร่กระจายไปทั่วแหล่งแฟชั่นในญี่ปุ่นและประเทศเพื่อนบ้านแถบอาเซียน เมื่อช่วงทศวรรษที่ 1990 ญี่ปุ่น ได้ขับเคลื่อนแฟชั่นการทำเล็บให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น ด้วยการนำตัวการ์ตูน Hello Kitty มาวาดลงบนเล็บ ทำให้เกิดการทำเล็บสไตล์คาวาอี้
ก่อนหน้าศตวรรษที่21 แนวคิดเรื่องเสื้อผ้าและสีเล็บในโลกตะวันตกเคยเป็นศิลปะราคาถูก ไร้ค่า ผู้หญิงใช้แรงงานจะได้รับคำแนะนำให้ทาเล็บด้วยสีนู้ดหรือทำเล็บสไตล์ฝรั่งเศส จนปี 2010 ผู้หญิงที่ทาสีเล็บเด่นชัดได้นำแนวคิดใหม่เข้ามาเพื่อให้เกิดการยอมรับในการทำงาน
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีช่วยให้ศิลปินสามารถสร้างสรรค์ภาพลักษณ์ใหม่ ตั้งแต่ผิวเล็บ น้ำยาเคลือบเงา หรือแม้แต่ขนสัตว์ก็ถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบหนึ่งของแฟชั่นนี้
ช่วงฟื้นฟูการทำเล็บเกิดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 ซึ่งเป็นการลงทุนของบรรดาคนดังอย่างเช่น ริฮานน่า, เคธี่ เพอรี่, บียอนเซ่ และนิคกี้ มินาจ เพื่อแผนการตลาดในการอวดศิลปะปลายนิ้วบนพรมแดง การตกแต่งเล็บอย่างประณีต และสวยงามจะถูกมองว่าเป็นการปรุงแต่งเพื่อแฟชั่นชั้นสูง เหมือนอย่างที่เบ็ตซีย์ จอห์นสัน และนักออกแบบคนอื่นที่ใช้ศิลปะการทำเล็บเพิ่มความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์ให้กับนางแบบของเขา ศิลปินชายบางคน เช่น สนู้ป ด็อก และอดัม แลมเบิร์ท ต่างก็ลงทุนทาสีเล็บด้วย เล็บกลายเป็นเครื่องมือทางแฟชั่นที่ดีที่สุด จึงกลายเป็นที่ต้องการของตลาด นอกจากนี้ยังมีสติกเกอร์ เครื่องขายแสตมป์ติดเล็บวางจำหน่ายอยู่ทั่วโลกเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่บรรดาผู้บริโภคอีกด้วย
มีผู้คนเป็นจำนวนมากที่สนใจและชื่นชอบการตกแต่งเล็บให้สวยงามอยู่เสมอ เพราะเมื่อเล็บเรามีสีสันและลวดลายที่งดงามถูกใจแล้ว จะหยิบจับอะไรก็เพลินตา ส่งผลให้มีความสุขไปตลอดวัน อีกทั้งยังสามารถบ่งบอกรสนิยมของเราได้ด้วย
แต่รู้หรือไม่ว่า…การทำเล็บบ่อยนั้น เสี่ยงทำให้ผิวเล็บถูกทำร้ายจากสารเคมี และหากดูแลเล็บไม่ดีพอ อาจทำให้เล็บเหลือง หรือหัก ฉีกขาดได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นเราจึงควรเลิกมองข้าม และหันมาเริ่มใส่ใจให้ความสำคัญในการดูแลเล็บของเราตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อที่จะป้องกันปัญหาที่อาจลุกลามได้ในวันข้างหน้า และหากใครที่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นดูแลเล็บตัวเองยังไงดี วันนี้เรามี เคล็ดไม่ลับ 6 วิธีง่ายๆ ที่สามารถทำได้ที่บ้าน มาให้ทุกคนได้ลองนำไปปฏิบัติกัน!
1.หยุดกัดเล็บ
เริ่มต้นด้วยวิธีง่ายๆ จากการห้ามใจตนเองไม่ให้กัดเล็บ หลายท่านติดนิสัยชอบกัดเล็บมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงทำให้เล็บเสียหายเท่านั้น ที่ต้องระวังคือน้ำลายยังสามารถทำให้เล็บข้างในเปื่อยได้ง่าย จนสามารถติดเชื้อโรคได้ไวกว่าปกติอีกด้วย เพราะมนุษย์เราใช้มือหยิบจับสิ่งของตลอดเวลา ทำให้เราสัมผัสใกล้ชิดกับเชื้อโรคบ่อยๆ ดังนั้นคุณควรหมั่นที่จะรักษาความสะอาดอยู่เสมอ และพยายามเลิกกัดเล็บให้ได้อย่างเด็ดขาด
2.หมั่นบำรุงและให้ความชุ่มชื้น
แม้ว่าคุณจะไม่ได้อยู่ในห้องที่มีอากาศเย็นเป็นเวลานานๆ แต่ดันเป็นคนล้างมือบ่อย ก็อาจเป็นไปได้ว่าเล็บและมือของคุณนั้นขาดความชุ่มชื้น เพราะผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่างๆ สามารถส่งผลให้ผิวแห้งได้เช่นกัน ดังนั้นคุณจึงควรขยันบำรุง ทาครีมที่มืออย่างสม่ำเสมอ ลงทุนซื้อแฮนด์ครีมดีๆ สักหลอด เพื่อรักษาผิวบริเวณมือและเล็บให้สวยงามอยู่เสมอ หรือจะใช้ออยล์และบาล์มควบคู่ไปด้วยก็ได้
3.ลดการทาเล็บบ่อยๆ
เข้าใจว่าสมัยนี้แฟชั่นอัปเดตไปอย่างรวดเร็ว จึงทำให้สาวๆ หลายคนอยากมีเล็บมือที่สวยงาม ดึงดูดใจ แต่โปรดพักการทาเล็บไว้เสียบ้าง การทำเล็บบ่อยเปรียบเสมือนการสะสมสารเคมีไว้บนหน้าเล็บ เมื่อหน้าเล็บเริ่มมีปัญหาทำให้ต้องตะไบออก ส่งผลเสียให้เล็บไม่แข็งแรงและบางลงเข้าไปอีก ทำเล็บเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ดูแลให้สวยงามระยะยาวคุ้มกว่ากันเยอะนะคะ…
4.รับประทานอาหารที่ดีและวิตามินเสริม
การรับประทานอาหารที่ดี ถูกสุขอนามัยส่งเสริมให้เล็บแข็งแรงและช่วยลดการฉีกขาด สิ่งที่จำเป็นต่อร่างกายและเล็บของเราเป็นอย่างมากในแต่ละวัน ได้แก่ โปรตีน ธาตุเหล็ก สังกะสี วิตามินซี วิตามินบี3 และบี12 แต่หากคุณกลัวได้รับสารดังกล่าวไม่เพียงพอ สมัยนี้ก็มีวิตามินเสริมคุณภาพดีๆ ให้เลือกสรรมากมาย
5.ขัดเล็บด้วยาสีฟัน
ใช่ค่ะ! ยาสีฟันที่เราใช้กันอยู่ทุกวัน เพียงแค่บีบยาสีฟันลงบนเล็บเล็กน้อย พอกทิ้งเอาไว้สักครู่ จากนั้นจึงเริ่มขัดออก หากนำแปรงสีฟันมาช่วยขัดเบาๆ ประมาณ 2-3นาที จะช่วยทำให้เข้าถึงซอกเล็บได้ง่ายยิ่งขึ้น เสร็จแล้วนำน้ำสะอาดมาล้างออก รับรองว่าคุณจะได้ผลลัพธ์ที่ดี เล็บขาวใสถูกใจแน่นอน
6.หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารเคมีโดยตรง
หากมีความจำเป็นจะต้องใช้น้ำยาทำความสะอาดบ้าน ล้างจาน ขัดห้องน้ำฯ แนะนำให้ใส่ถุงมือยางป้องกันทุกครั้ง เพราะถ้าเล็บมือของเราไปสัมผัสกับสิ่งเหล่านั้นโดยตรงหรือบ่อยเข้า อาจทำให้สารเคมีกัดกร่อนผิวมือและเล็บจนพังได้ แต่ถ้าต้องออกไปทำกิจกรรมดังกล่าวนอกบ้านจริงๆ อย่าลืมล้างมือให้สะอาดและทาครีมบำรุงทันทีเมื่อเสร็จภารกิจ
เคล็ดลับเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ทุกท่านสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างปลอดภัย และนับว่าไม่ต้องเสียเงินลงทุนอะไรมากมายเลย การดูแลเล็บหรือมือไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอย่างที่คิด หากอยากมีมือที่สวยงาม ดูสุขภาพดี อยู่กับเราไปนานๆ ต้องรีบหันมาดูแล ก่อนจะสายเกินแก้นะคะ