เปิดสกินแคร์รูทีน หน้าร้อนนี้ใช้อะไรบ้าง? เลือกสกินแคร์ยังไง?

สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้มิ้ลก็จะมาอัพเดทสกินแคร์รูทีน

เนื่องจากช่วงนี้ร้อนมาก การใช้สกินแคร์ของมิ้ลก็จะเปลี่ยนไปตามสภาพภูมิอากาศ และสภาพผิวในตอนนั้นๆ

โดยหน้าร้อนนี้ ผิวของมิ้ลจะมันมาก ผิวมันแต่ขาดความชุ่มชื้น ผิวบริเวณข้างจมูกมีการลอก

มีอาการระคายเคืองบริเวณผิวข้างแก้ม และเป็นสิวบ่อยขึ้น เนื่องจากต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอด

แล้วเหงื่อก็สะสมบริเวณแมสก์ของเรา ทำให้แมสก์กลายเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียชั้นดีเลยล่ะ

และเพื่อนๆที่มีปัญหาผิวแบบมิ้ล มาดูกันเลยว่าช่วงนี้มิ้ลใช้อะไรบ้าง

ไอเทมในรูทีนของมิ้ลช่วงนี้ ก็มีเท่านี้เลย เพียง 4 ตัวเท่านั้น ด้วยอากาศที่ร้อน มิ้ลจะเลือกสกินแคร์ที่ไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึมไว เบาสบายผิว และเน้นครีมที่ช่วยให้ผิวอิ่มฟู ผิวชุ่มชื้น แต่ละตัวน่าสนใจยังไง มาดูกันทีละตัวได้เลย

เริ่มที่ตัวแรก 

SHISEIDO Eudermine Activating Essence

ตัวนี้เป็นเอสเซ้นส์โลชั่นบำรุงผิวให้นุ่ม ชุ่มชื้น ดูสดใสเปล่งปลั่งจากภายใน ช่วยบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก ยกให้เป็นลูกรักเลย ใช้แล้วชอบมากๆ เนื้อดีเกินคาด ก่อนหน้านี้มิ้ลเคยใช้ตัวขวดเหลี่ยมๆ สูตรเก่าของเค้าอยู่แล้ว พอมีสูตรใหม่ออกมาเลยได้ลอง และก็ไม่ผิดหวังเลย

ตัวนี้มีส่วนผสมชูโรง คือ คีเฟอร์หมักบ่ม (Fermented Kefir Extract) สกัดจากข้าวกล้องญี่ปุ่น ที่ช่วยกระตุ้นให้การฟื้นฟูตัวเองของผิวกลับมาทำงานได้ดีขึ้น และผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ช่วยลดการอุดตันของผิว ทำให้ผิวเนียนนุ่ม และยังมีส่วนผสมของไบโอไฮยาลูรอนิค ที่ช่วยเพิ่มและกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวของเรา และที่น่าสนใจมากๆ อีกอย่าง คือ เทคโนโลยี ActiveRED Technology ที่เป็นการดูแลผิวจากภายใน เสริมให้ผิวแข็งแรงยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นเทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะของ Shiseido ที่เอานวัตกรรมมาเสริมประสิทธิภาพให้กับส่วนผสมเลยค่ะ

ใน Eudermine Activating Essence 1 ขวด มีแบคทีเรียจากคีเฟอร์ ที่ดีต่อการสร้างปราการผิวให้แข็งแรงถึง 1,000,000 ตัว เลยทีเดียว!

หลายคนอาจจะคิดว่าแบคทีเรียต้องไม่ดีต่อผิวสิ สิวจะขึ้นไหม จริงๆแล้วบนผิวหน้าของเรามีแบคทีเรียดี ที่ช่วยปรับสมดุลผิวของเราอยู่ และเมื่อได้รับแบคทีเรียดีเติมเข้าไป ก็จะช่วยให้ผิวของเราแข็งแรง พร้อมรับการบำรุงในแต่ละวัน

มาดูในส่วนของเนื้อสัมผัสกันเลย ว่าแต่ละตัวน่าสนใจยังไงกันบ้าง

เนื้อสัมผัส เนื้อเอสเซ้นส์โลชั่นเป็นน้ำสีขาวใสๆ เนื้อเข้มข้น จะมีความหนืดหน่อยๆ ไม่เหลวเหมือนน้ำเปล่า มีความชุ่มชื้นสุดๆ มิ้ลชอบมาก เมื่อตบลงบนผิวเบาๆ จะซึมเข้าสู่ผิวได้ไวมากๆ

วิธีใช้ : หยดลงบนฝ่ามือ 3-4 หยด แล้วตบเบาๆลงบนใบหน้า ใช้เป็นประจำเช้า - ก่อนนอน

ขนาด 145 มล. ราคา 3550 บาท

พิกัด เคาน์เตอร์ Shiseido ทุกสาขา 

มาที่ตัวต่อมา

DR.BARBARA STURM The Better B Niacinamide Serum

Niche Skincare ในคลังแสงของมิ้ลเลย เนื้อเซรั่มเข้มข้น แต่ว่าไม่เหนียวเหนอะหนะ เน้นช่วยในเรื่องของรูขุมขนกว้าง ช่วยให้ผิวอิ่มฟู เรียบเนียน และกระจ่างใส

ส่วนผสมที่น่าสนใจได้แก่

Niacinamide และ Ectoin ที่ช่วยควบคุมความมันบนผิว ช่วยให้รูขุมขนกระชับ ทำให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใสยิ่งขึ้น Plankton ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว เพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว Penthenol ช่วยเสริมความชุ่มชื้นให้กับผิว ใช้แล้วผิวไม่แห้งตึง ปลอบประโลมผิวได้ดี

ไอเทมนี้มิ้ลว่าเหมาะกับเพื่อนๆที่มีผิวผสม หรือผิวมันมากๆ ตอบโจทย์ผิว 2ประเภทนี้สุดๆ

เนื้อสัมผัส เป็นเนื้อเซรั่มสีขาวเข้มข้น เนื้อไม่เหนอะหนะ ไม่มีกลิ่น

วิธีใช้ :ใช้ครั้งละ 2-3 หยด วอร์มลงบนฝ่ามือ แล้วค่อยๆกดลงบนใบหน้า เนื้อเซรั่มซึมเข้าสู่ผิวได้ดี ไม่กี่วินาทีก็ซึมเข้าสู่ผิวได้หมดจด ไม่ทิ้งคราบ

ขนาด 30 มล. ราคา 5950 บาท

พิกัด ร้าน Avenue Beauty

และมาที่ตัวต่อมา

FRESH Rose Deep Hydration Face Cream Moisturizer

ตัวนี้เป็นครีมกุหลาบลูกรัก กระปุกที่2แล้ว การบำรุงเพิ่มความชุ่มชื้นคือสำคัญมาก มิ้ลเป็นคนผิวผสม ผิวบริเวณข้างจมูกคือลอก แห้งบ่อยมาก เลยเลือกหยิบตัวนี้มาใช้ ซึ่งก็ตอบโจทย์ผิวได้ดีมากๆ และกลิ่นของกุหลาบที่ผ่อนคลาย ทาแล้วสบายผิวสุดๆ เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวดีมากๆ ตอนกลางคืนมิ้ลทาหนามาก โบกไปเลยค่ะ บำรุงผิวได้ดีสุดๆ เนื้อครีมจะค่อนข้างหนักหน่อยๆ ใช้เวลาในการซึมเข้าสู่ผิวประมาณ 1-2 นาที แต่ซึมได้หมดเลยไม่ทำให้เหนอะหนะเลย

ตัวนี้จะมี สารสกัดจากกุหลาบพันธุ์ดามัสก์ ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง และเสริมเกราะป้องกันผิว ไฮยาลูโรนิค 2โมเลกุล ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ใครที่ผิวขาดความชุ่มชื้นหนักๆ มิ้ลว่าตัวนี้เวิร์คเลย

เนื้อสัมผัส เป็นเนื้อครีมเข้มข้นสีขาว เนื้อครีมมีกลิ่นกุหลาบหอมอ่อนๆ ช่วยให้ผ่อนคลายขณะทาได้ดีเลยทีเดียว

วิธีใช้ :ทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ตัวนี้ถ้าเพื่อนๆที่ผิวมันมากอาจจะเน้นทาบางๆในตอนเช้า และค่อยหนักตอนก่อนนอนก็ได้ค่ะ เพราะใช้เวลาในการซึมสู่ผิวค่อนข้างมากอยู่

ขนาด 50 มล. ราคา 1990 บาท

พิกัด Sephora ทุกสาขา หรือเคาท์เตอร์ Fresh ในห้างเซนทรัลเลย

และตัวสุดท้าย ขาดไม่ได้เลย

นั่นก็คือกันแดด ไอเทมที่ห้ามขาดเลยเด็ดขาด

ACSEINE Super Sunshield BRIGHT FIT SPF50 + PA ++++

ตัวนี้เป็นกันแดดเนื้อน้ำนม สบายผิวมาก ช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นทันทีหลังทา ตัวนี้เนื้อจะแตกตัวคล้ายกับน้ำเวลาที่ทาลงบนผิว ซึมลงผิวได้ไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ทาแล้วผิวดูฉ่ำโกล์วด้วยนะ ลองใช้มาสักระยะ ค่อนข้างที่จะปกป้องผิวจากแดดได้ดีเลยทีเดียว ตัวนี้กันน้ำ กันเหงื่อด้วย เหมาะกับทาทั้งในชีวิตประจำวัน และสามารถทาไปออกกำลังกายได้ ช่วยปกป้องผิวจาก UVA และ UVB และมาพร้อมกับ SPF50+ ซึ่งเป็นค่าที่ค่อนข้างสูง ตอบโจทย์เมืองไทยเมืองร้อนมากจริงๆ

เนื้อสัมผัส เนื้อกันแดดเนื้อน้ำนม เกลี่ยง่าย ซึมเข้าสู่ผิวได้ไว ไม่เป็นคราบหลังทา ไม่มีกลิ่น

วิธีใช้ :มิ้ลจะใช้กันแดดปริมาณ 2 ข้อนิ้ว ทาทุกเช้า อยู่บ้านก็ทา ไม่ออกแดดก็ทา หรือทาเพิ่มในวันที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานาน ซึ่งบอกได้เลยว่าไม่เหนียวเหนอะหนะเลย

ขนาด 40 กรัม ราคา 1100 บาท

พิกัด acseine.in.th ได้เลย

หรือเสิร์ชว่า Acseine มีใน Shopee และ Lazada

ผลลัพธ์ที่ได้ : มิ้ลใช้สกินแคร์รูทีนนี้มาประมาณ 1เดือน ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวชุ่มชื้นขึ้น รอยดำ รอยแดงจางลงเร็วขึ้นมาก และผิวอิ่มฟูขึ้นมากๆค่ะ ผิวกักเก็บน้ำได้ดีขึ้น และความมันบนใบหน้าลดลงด้วยค่ะ เพราะผิวของมิ้ลเป็นผิวมันขาดน้ำ การที่ผิวขาดน้ำเลยทำให้ผิวผลิตน้ำมันออกมานั่นเอง เนื้อสกินแคร์แต่ละตัวจะเน้นซึมซาบไว มิ้ลแทบไม่เจอปัญหาสิวในรูทีนนี้เลย อาจจะด้วยตัวเอสเซ้นส์ชิเซโด้ที่ใช้ช่วยลดการอุดตันของผิวได้ดีด้วย และช่วยผลัดเซลล์อย่างอ่อนโยนเลยไม่เกิดการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และในรูทีนสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือกันแดด กันแดดเป็นสิ่งสำคัญ แสงแดดคือมลภาวะประเภทนึงที่ทำลายผิวของเราเป็นอย่างมาก ต้นเหตุของผิวหมองคล้ำ ริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำต่างๆ ส่วนมากมาจากแดด มิ้ลเลือกใช้กันแดดเนื้อน้ำนมเพราะซึมเข้าสู่ผิวได้ดี ไม่ทิ้งคราบขาวไว้บนผิว

เพื่อนๆคนไหนที่ผิวคล้ายมิ้ล ก็สามารถซื้อไอเทมต่างๆตามพิกัดที่มิ้ลให้ไว้ได้เลย

รับรองไม่ผิดหวัง ดีงามทุกตัวจริงๆค่ะ

แล้วพบกันใหม่ในกระทู้หน้านะคะ