ตัวนี้ทางแบรนด์แนะนำให้ลงเป็นขั้นตอนสุดท้ายหลังทาครีม พอใช้กลางวันเลยรู้สึกว่าต้องเผื่อเวลาประคบผิวรอมันซึมหน่อย (เพราะความเข้มข้นของครีมที่ลงก่อนหน้า) แต่พอเป็นกลางคืนนี่สบายเลยค่ะ ด้วยวิธีการลงที่เหมือนให้รางวัลกับผิวแล้วเนื้อผิวที่ได้จากการลงตัวนี้ก็ดีมากด้วย นุ่มหยุ่นแบบผิวที่ได้รับการบำรุงเต็มที่เลยค่ะ
เป็นมิลค์โลชั่นลงเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการบำรุง ตอนแรกก็จะรู้สึกงงๆหน่อยเพราะเนื้อบางเบามาก เหลวๆแบบน้ำนมเลยแต่ลงขั้นตอนสุดท้าย ด้วยความที่เนื้อบางเบา ลงตอนกลางวันก็โอเคนะ ไม่รู้สึกเหนอะหนะ แต่หน้าก็จะแอบมันขึ้นนิดหน่อย หลังใช้รู้สึกได้เลยว่าผิวหน้านุ่มขึ้น สัมผัสเนียนขึ้น เหมือนช่วยให้ความชุ่มชื้นยังคงอยู่ในผิวเรายาวนาน เป็นอีกตัวที่ชอบค่ะ
โลชั่นน้ำนมเนื้อบางเบา ซึมเข้าสู่ผิวได้ดี ผิวชุ่มชื้น นุ่มนิ่ม น่าจะเหมาะกับทุกสภาพผิว เพราะอ่อนโยนมาก
เพื่อน ๆ หลายคนคงเคยไปลงทะเบียนรับผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ Domohorn Wrinkle กันมา ส่วนใหญ่เราก็จะได้ยินกิตติศัพท์ของตัว CREAM 20 ซึ่งถือว่าเป็น Signature ของแบรนด์เนอะ แต่สำหรับเรา ขวดนี้เราว่าก็เป็นไอเท็มนึงที่น่าลองของแบรนด์เหมือนกัน
ขวดนี้คืออันใด? Milky Veil Lotion ก็คือโลชั่นบำรุงผิวหน้าเนื้อน้ำนมนั่นเองค่ะ ในส่วนของแพคเกจจิ้งก็อย่างที่เห็น มาในซองซีลเรียบร้อย ดูมีสุขอนามัยที่ดี ขวดสีขาวดูสะอาด
พอเปิดฝาปุ๊บก็จะเห็นเป็นหัวปั๊มแบบนี้ค่ะ พลิกด้านหลังขวดมีปริมาณให้เราเห็นด้วยว่าใช้ไปเท่าไหร่แล้ว เป็นความใส่ใจสไตล์ญี่ปุ่นจริง ๆ ^^
บอกก่อนว่าปกติเราจะไม่ชอบครีมเนื้อน้ำนมใด ๆ เลยเพราะเป็นคนผิวมัน มีความเชื่อว่าน่าจะมันและเหนอะ แต่ตัวนี้กลับไม่เป็นแบบนั้นค่ะ พอกดปุ๊บไหลออกมาค่อนข้างเยอะเลยล่ะค่ะ (เสียดาย) เลยพยามโกย ๆ แล้วเกลี่ย อย่างที่เห็นคือเนื้อน้ำนมของตัวนี้ค่อนข้างเหลว การซึมซาบไม่ได้ซึมแบบหายไป จะคงความหนืดเล็กน้อยไว้บนผิวสไตล์น้ำนม แต่ไม่ได้ทำให้เหนอะหนะค่ะ
ที่เราชอบอย่างนึงคือกลิ่นเค้า อธิบายไม่ถูก จะเป็นกลิ่นแบบโลชั่นน้ำนมสะอาด ๆ ค่อนข้างธรรมชาติ ไม่ใช่แบบน้ำหอมฉุน ๆ นะคะ กลิ่นโอเคเลยแหละ
วิธีใช้ที่แบรนด์แนะนำคือ ให้วอร์มเนื้อโลชั่นบนมือแล้วนวดวนเบา ๆ เราก็ทำตามนั้น ซึ่งข้อดีคือตัวเนื้อผลิตภัณฑ์จะค่อย ๆ ซึมซาบลงไปในผิวอย่างช้า ๆ พอเราใจเย็น มันก็ซึมทั่วใบหน้าพอดีค่ะ รู้สึกเลยว่าหน้าเราจะหยุ่น ๆ หน่อย ทาเซรั่มตัวอื่นตามก็ซึมซาบดี เหมือนเค้าช่วยล๊อกครีมที่ทาเอาไว้ทั้งก่อนและหลัง ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่านะคะ
ในเรื่องของสรรพคุณอื่น ๆ ยังไม่ค่อยเห็นผลเท่าไหร่ แต่ใช้มาสองสามวันยังไม่มีอาการแพ้ ระคายเคือง อาจต้องดูผลสักระยะค่ะ
ข้อดีคือตัวนี้ราคาไม่สูงมาก ถ้าเทียบกับตัวอื่นของแบรนด์ หากสนใจอยากเริ่มต้นกับ Domohorn ตัวนี้ก็ไม่เลวค่ะ
ข้อที่เราติดอย่างเดียวคือต้องใช้เวลาตอนทาโลชั่นตัวนี้ค่อนข้างนานค่ะ อาจไม่เหมาะกับการใช้ตอนเช้าที่เราจะต้องรีบ ๆ ทำอะไรต่ออะไร ไว้ใช้กลางคืน บำรุงแบบใจเย็นๆ น่าจะดีกว่า
ความรู้สึกต่อรูปลักษณ์ภายนอก/ความรู้สึกก่อนใช้ ได้รับตัวอย่างทดลองใช้
ความรู้สึกภายหลังใช้
ข้อดี กลิ่นหอมดี เค้าว่าให้ทาตัวนี้เป็นตัวสุดท้าย เพื่อให้ตัวอื่นๆทำงานได้ดี และล็อคความชุ่มชื่น เราก็ว่าจริง เพราะตื่นมาผิวนุ่มฟูดีมากจริงๆ
ข้อด้อย ราคาแพง
ซื้อซ้ำไหม -