สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมารีวิวรองพื้น YVES SAINT LAURENT ALL HOURS FOUNDATION ค่ะ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าเราชอบแบรนด์นี้เป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว ใช้ผลิตภัณฑ์หลายตัวแล้วก็ชอบเกือบทุกตัวเลย น้องจากผลิตภัณฑ์ที่ดีแล้ว แบรนด์นี้พี่ๆ BA น่ารักอีกด้วยค่ะ ไปซื้อทุกครั้งก็ประทับใจทุกครั้งเลย แล้วครั้งนี้ที่ไปรับเทสเตอร์ก็ไม่ผิดหวังเช่นเคยค่ะ พี่ๆบริการดีมาก แนะนำการใช้ต่างๆเสร็จสรรพ ที่สำคัญคือเลือกเบอร์รองพื้นได้ตรงกับสีผิวเรามากๆเลยค่ะ งั้นเรามาเริ่มรีวิวกันเลยนะคะ
เนื้อผลิตภัณฑ์ : เนื้อผลิตภัณฑ์เข้มข้น มีกลิ่นหอมอ่อนๆสไตล์ของ ysl เลยค่ะ เป็นกลิ่นหอมแบบผู้ดี ทาแล้วรู้สึกผ่อนคลาย แล้วก็ฟินมากๆ ส่วนเรื่องการเกลี่ยก็ง่ายมากๆเลยค่ะ ที่สำคัญคือเนื้อรองพื้นไม่แห้งแตกเป็นเค้ก หรือว่าตกร่องเลย ทาแล้วได้ผิวที่ดูธรรมชาติมากๆเหมือนผิวดีตั้งแต่เกิดแบบนี้เลยค่ะ
ความปกปิด : ต้องบอกก่อนว่าเราเป็นคนที่มีรูขุมขนกว้างมากๆค่ะ แต่รองพื้นตัวนี้เอาอยู่ คือพอทาแล้วแทบจะไม่มีรูขุมขนเลย ทำให้ผิวของเราเนียนขึ้นมากๆแต่เป็นความเนียนที่ดูธรรมชาติค่ะ ไม่เหมือนทารองพื้นเลย ส่วนเรื่องรอยสิวถ้าเป็นรอยที่ไม่ชัดมากตัวนี้ก็เอาอยู่เช่นกันค่ะ แต่ถ้าเป็นรอยที่ค่อนข้างเข้มก็ต้องทาคอลซีลเลอร์ทับอีกทีค่ะ
ความติดทน : ครั้งแรกที่ใช้คือเราทึ่งมาก เราเป็นคนที่ไม่ว่าจะลองใช้รองพื้นมากี่ตัวคือไม่เคยอยู่ได้เกินครึ่งวันเลยค่ะ แต่ตัวนี้คืออยู่ได้แบบทั้งวัน ผิวแบบไม่ดรอปเลย กลับมาถึงบ้านแล้วผิวยังดูสวยอยู่เลยค่ะ ทั้งที่เราไม่ได้เติมแป้งแล้วก็ซับหน้าเลย นอกจากนี้รองพื้นตัวนี้ยังไม่ติดแมสอีกด้วย ติดทนแค่ไหนถามใจดู
ความประทับใจและความรู้สึกหลังใช้ : เราอยากบอกว่ารองพื้นตัวนี้เป็นรองพื้นที่ดีที่สุดตั้งแต่เราใช้มาเลยค่ะ คือตอนแรกที่ไม่ลองซื้อมาใช้เพราะเห็นคำโฆษณาว่าติดทนมากๆ เราก็เลยคิดไปเองว่าต้องหนา หนักหน้า แล้วก็ไม่เป็นงานผิวแน่ๆ แต่พอได้ลองใช้จริงๆแล้วรู้สึกเลยว่าฉันไม่อยู่ไหนมา ทำไมไม่ลองใช้ตั้งนานแล้ว ทาแล้วรู้สึกว่าผิวตัวดูเป็นผิวที่มีสุขภาพดี ดูสวยแบบธรรมชาติเป็นงานผิว แถวยังติดทน ดูผิวสวยทั้งวันเลยค่ะ เราเป็นคนที่หน้ามันใช้แล้วก็รู้สึกว่าหน้ามันน้อยลงนิดนึงอีกด้วย ส่วนเรื่องปกปิดเราก็ประทับใจมากๆค่ะ แบบปกปิดรูขุมขนเราจนเนียนกริบเลย แล้วที่สำคัญคือเหมาะกับช่วงนี้เลยค่ะ ที่มีทั้งโรคระบาด และฝุ่น PM2.5 เพราะรองพื้นตัวนี้ติดทนจนไม่ติดแมสเลยค่ะ เราทารองพื้นแล้วใส่แมสทับไปทั้งวัน ถอดแค่ตอนทานข่าว อากาศก็ร้อนเหงือก็ออก แต่พอกลับบ้านมาแล้วถอดแมสคือไม่มีรองพื้นติดเลยค่ะ มีแค่แถวๆขอบแมส แบบเล็กมากๆ ที่สำคัญคือพอมาเช็คหน้าตัวเองก็อึ้งไปอีกที่รองพื้นยังอยู่ แล้วผิวก็ยังเป็นงานผิวค่ะ
เนื้อรองพื้นเหลว มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ สไตล์เค้าแหละ แต่โดยส่วนตัวเราค่อนข้างไม่ชอบ เพราะรู้สึกว่ากลิ่นแบบนี้ไม่ควรมีอยู่ในรองพื้นเลย ;_;
เมื่อทาบนใบหน้า เนื้อเค้าเกลี่ยง่าย ซึมไว แต่เนื้อค่อนข้างบาง เรื่องการปกปิดยังทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ค่ะ อาจจะเน้นไปที่งานผิวสะมากกว่า ใครที่ชอบงานผิวตัวนี้เข้าทางเลยยย~
เรื่องการคุมมัน ไม่ได้คุมมันขนาดนั้น และมีความเป็นคราบบ้างเล็กน้อย อาจเป็นเพราะเราหน้ามันมากแหละ พอเข้าใจได้ ขออนุญาตเก็บไว้ใช้หน้าที่อากาศเย็นกว่านี้นะค้าา คงจะพอดีผิวเลยยแหละ
ถ้าถามว่าจะซื้อต่อรึเปล่าอาจจะต้องขอคิดดูก่อนค่ะ อย่างที่บอกไปติดเรื่องน้ำหอม และราคาค่อนข้างสูงกว่าแบรนด์อื่นอยู่ค่ะ
เราคิดว่าการมีรองพื้นดีๆสักขวดไว้ติดโต๊ะเครื่องแป้งนี่เป็นอะไรที่น่าลงทุนมากๆ เพราะถึงแม้เราจะไม่ค่อยได้แต่งหน้า แต่เชื่อเถอะว่า หากได้ออกงานหรือวันไหนอยากสวยเป็นพิเศษ รองพื้นที่ดีจะเติมเต็มคอมทพลีทลุควันนั้นได้ดีเลยทีเดียว :)
สำหรับ YSL ENCRE DE PEAU ALL HOURS FOUNDATION
นี่เรียกได้ว่าเป็นรองพื้นตัวท็อปของเขาเลยค่ะ ขายดีมากๆ เพราะชื่อเสียงในการติดทน คุมมันสูงสุด หรือที่เรียกว่า รองพื้นไม่ติดแมสก์ (เข้ากับสถานการณ์บ้านเราในขณะมากๆ ^^) เลยทำให้ลายเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดไปครอง
ใน 1 ขวดนี้มีส่วนประกอบที่ว้าวสมราคาจริงๆ โดยมี
*โพลีเมอร์ชนิดพิเศษที่มอบความติดทนนาน เพอร์ไลต์ (Perlite) จากหินภูเขาไฟ ซึ่งมีคุณสมบัติในการดูดซับเหงื่อได้ดี
*มีนีโอสกินพาวเดอร์ (NEO-Skin Powder) ช่วยให้ผิวดูแมทท์และช่วยควบคุมความมันและดูดซับความมันส่วนเกิน
ผสาน UV PROTECTION SPF 20 - PA +++ ที่ป้องกันผิวจากแสงแดด
*Black tea anti-oxidant ที่ให้การบำรุงผิว ช่วยลดรอยคล้ำ และช่วยปกป้องผิวของคุณจากมลภาวะต่างๆ
*ผสานแอนตีดัลเนสคอมเพล็กซ์ (ANTI-DULLNESS COMPLEX) ที่ทำให้สีผิวของคุณเรียบเนียนและมีสีผิวที่สม่ำเสมอตลอดวัน
เรียกใส่มาเต็มแม็กมากก เพื่อเนรมิตผิวสวยติดทนทั้งวันเลยค่ะ
แพ็คเกจจิ้ง ไซส์เทสเตอร์ มาในกล่องสีทองวิบวับแบบไซส์จริงเลยค่ะ เป็นหลอดสีดำมาในปริมาณ 5 ml มีอักษรสีทองบอกส่วนผสม เหมาะกับพกพาไปต่างจังหวัด ใช้ได้ประมาณ 2-3ครั้งค่ะ
ไซส์จริง มีความเรียบแต่โก้ที่แท้ทรู ตัวขวดเป็นแก้วแบบด้าน YSL คาดด้วยแถบสีดำ ฝาสีดำมีอักษรสีทอง
เนื้อรองพื้นเกลี่ยได้โอเคเลย แต่จะมีความแห้งไวนิดนึงค่ะ หากไม่ชำนาญในการลงรองพื้น แนะนำให้ใช้วิธีแต้มบางๆทีละจุด เพราะสามารถbuildเพิ่มได้ จะทำให้ดูไม่หนาค่ะ
กลิ่นของรองพื้นรุ่นนีจะเป็นกลิ่นหอมดอกไม้แห้งๆ เวลาทาเพลินดีค่ะ ซึ่งถ้าใครไม่ชอบน้ำหอมอาจจะว่ามึนเล็กน้อย แต่เราว่าเขาใส่กลิ่นมาพื่อรรถรสในการทารองพื้นนะ ใส่มานิดหน่อย กำลังดี ^^
เราทดลองการทารองพื้น 2 แบบ โดยใช้แปรงและฟองน้ำ
*ลงด้วยแปรง :: จะให้ฟินิชแบบธรรมชาติ ใครที่ชอบแบบ Everyday Look แนะนำให้ใช้แปรงลงค่ะ (ให้ความรู้สึแบบเอานิ้วลงด้วยค่ะ)
*ลงด้วยฟองน้ำ :: ให้ลุคที่กริบมากก แบบเนี้ยบจริงๆ เหมาะกับไปงานที่สำคัญหรือถ้าต้องการถ่ายรูปออกมาสวย คม ต้องใช้ฟองน้ำ แล้วจะได้ฟินิชที่เนี๊ยบจริงๆ
ความคุมมันนี่เราให้ผ่านจริง ขนาดเราเองผิวมัน มีรูขุมขนกว้าง ALL HOURS FOUNDATION คือคุมมันได้เยี่ยม ปกติเราแต่งหน้านี่ ครึ่งวันซับออกความมันก็เต็มแผ่นแล้ว แต่อันนี้คือออกมาพอประมาณ สำหรับทั้งวัน(ประมาณ 9ชม.) สอบผ่านเลยค่ะ
สรุปผลลัพธ์การใช้ YSL ALL HOURS FOUNDATION
เป็นรองพื้นที่ให้การปกปิดแบบขั้นเทพ เอาอยู่ทุกรอยดำ รอยแดง (ถ้าใครเป็นสิวยังไงก็ต้องใช้คอนซีลเลอร์กลบ) ไม่ต้องลงไพร์เมอร์ก็ไม่ตกร่องรูขุมขนค่ะ ที่สำคัญผิวจะไม่เป็นสังขยา แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการบำรุงผิวของแต่ละคนด้วย สำหรับเราผิวมัน ประทับใจจริงๆค่ะ ถ้าหารองพื้นดีๆ เราก็จะเลือก YSL ALL HOURS FOUNDATION นี่ล่ะ เป็นตัวช่วยผิวสวย เนียนกริบสำหรับเรา :)
*ขอให้คะแนนดังนี้
ความติดทน 5/5
คุมมัน กันน้ำ 4/5
เนื้อรองพื้น 4/5
กลิ่น 5/5
แพ็คเก็จสวย 5/5
ปริมาณ 5/5
ราคา 4/5
ความคุ้มราคา 5/5
สวัสดีค่ะ วันนี้จะมารีวิว รองพื้น Yves Saint Laurent All Hours Foundation ซึ่งจะมีเฉดสี หลากหลายสีผิวให้ได้เลือกจากสีขาวไปจนผิวสีเข้มแต่วันนี้จะมารีวิว สีB30 ซึ่งเป็นสีที่เหมาะกับสีผิวของเรามากที่สุด และการเลือกรองพื้นเป็นสิ่งสำคัญเพราะจะทำให้ผิวนวลเนียนไร้ที่ติ ก่อนจะลงเมคอัพเราจึงต้องเลือกรองพื้นที่พร้อมกันน้ำกันเหงื่อได้ดี และปกปิด ไร้ที่ติ คงอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง
คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ : ด้วยผลการแต่งผิวที่ดูละมุนละไมด้วยประสิทธิภาพของซิลิคอน เรซิน (silicon resin) ทรงกลมสูตรออยล์ฟรีทำให้ผิวไม่มันเงาและคงความแม็ตต์ อำพรางรูขุมขนด้วยโพลีเมอร์ชนิดพิเศษที่มอบความติดทนนาน เพอร์ไลต์ (perlite) จากหินภูเขาไฟ ซึ่งมีคุณสมบัติในการดูดซับได้มากกว่าน้ำหนักตัวในน้ำถึง 3.5 เท่า และแอโรเจล (aerogel) ช่วยให้ผิวดูแม็ตต์และช่วยดูดซับความมันส่วนเกิน ทำให้รองพื้นสูตรนี้ยังคงอยู่กับผิวคุณตลอดการทำกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งวันและทั้งคืน และมีคุณสมบัติแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยปรับปรุงเนื้อผิวและปกป้องผิวจากปัจจัยคุกคามในเมืองใหญ่ (พวกมลภาวะต่าง ๆ) ส่วนผสม กอมบุชกา (Kombuchka) สารสกัดจากชาดำหมักช่วยให้ผิวดูสว่างและเรียบเนียนขึ้นมีค่า SPF 20 ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด
เนื้อผลิตภัณฑ์ : เนื้อรองพื้นเป็นเนื้อแมตต์ชนิดน้ำ มีความเนียนละเอียด เกลี่ยง่ายไม่เหนียวเหนอะหนะ ทำให้สีผิวสม่ำเสมอกันเนื้อรองพื้นมีความชุ่มชื่นปกปิดดีมาก เป็นรองพื้นสูตรกันน้ำที่ไม่ไหลเยิ้มหรือลอกหลุดง่ายค่ะ
กลิ่น : กลิ่นมีคลาสมากหอมอ่อนๆ ให้ความรู้สึกหรูหราบ่งบอกถึงความเป็นรองพื้นเคาเตอร์แบรนด์ได้ดีมากค่ะ เหมาะกับคนที่ชอบกลิ่นลุคเรียบหรูดูแพงสไตล์คุณหนูนิดๆ
ขั้นตอนในการใช้ผลิตภัณฑ์
1. ปั๊มรองพื้น 1-2หยด เกลี่ยรองพื้นด้วยมือให้ทั่วบริเวณใบหน้าหรือเน้นที่ต้องการปกปิดรอยแดงดำจากสิวหรือริ้วรอยต่างๆ
2.ใช้ฟองน้ำชุบน้ำให้หมาดๆ ค่อยๆ กดเนื้อรองพื้นลงบนผิว รองพื้นจะติดผิวในปริมาณที่พอดี แท๊บๆลงบนผิวให้ผิวดูเรียบเนียนสม่ำเสอ
ก่อน - หลัง การใช้ : ก่อนใช้ รองพื้น Yves Saint Laurent All Hours ส่วนตัวเราจะเป็นคนที่ผิวผสมบวกไปทางมันทารองพื้นบางผลิตภัณฑ์จะทำให้หน้าเยิ้มหรือหน้าดรอประหว่างวันและการปกปิดที่น้อยหรือปกปิดปานกลางจะทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียนเห็นรอยดำแดงจากสิวได้ชัดเจนแต่พอได้ลองใช้ Yves Saint Laurent All Hours สีB30 ที่เหมาะกับสีผิวไม่ทำให้ผิวดรอประหว่างวันแล้ว ยังทำให้ผิวคงดูนวลเนียนไร้ที่ติไม่ต่างจากเมื่อตอนเพิ่งลงเสร็จใหม่ในตอนเช้า ไม่จำเป็นต้องแต่งเติมระหว่างวันเพราะเหงื่อไหลแค่ซับหน้าด้วยกระดาษซับมันหรือทิชชู่ก็เอาอยู่เหมาะกับคนที่ผิวผสม+มันมาก ช่วยให้ผิวดูแม็ตต์และช่วยดูดซับความมันส่วนเกิน ทำให้รองพื้นอยู่กับผิวตลอดทั้งวันไม่ว่าจะทำกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งวันและทั้งคืนรองพื้นตัวนี้ก็เอาอยู่ค่ะและยังมีสารสกัดจากชาดำหมักช่วยให้ผิวดูสว่างและเรียบเนียนขึ้นมีค่า SPF 20 ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดสวยครบจบแค่ตัวเดียวจริงๆค่ะ^^
ผลลัพธ์หลังการใช้ : ผลลัพธ์ที่ได้คือ ทางแบรนด์เคลมว่าเป็นรองพื้น “ไนท์พรู๊ฟ” (night-proof) สูตรแรกของแบรนด์ที่ติดทนตลอดวันตลอดคืน อัดแน่นด้วยเม็ดสีอณูละเอียดปกปิดเนียนสนิทและให้ความรู้สึกสดชื่น ไร้ที่ติ คงอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง จากที่เริ่มทารองพื้น Yves Saint Laurent All Hours สีB30 เวลา 14.37นาที เมื่อทาเสร็จแล้วเวลาผ่านไปสักพัก หน้ายังแน่นให้การปกปิดที่ดีไม่มันไม่ต้องคอยเติมแป้งตลอดเวลาผิวหน้ายังดูดีอยู่เมคอัพยังแน่นทนติดนานแต่เมื่อเวลาประมาณ 20.37นาที ซึ่งเวลาผ่านไปราวๆ6ชั่วโมงหน้ายังแน่นขนาดซับด้วยกระดาษซับมันความมันติดออกมาแค่นิดเดียวจริงๆจากปกติเป็นคนที่หน้ามันวาวมากยิ่งช่วงทีโซนจะเยิ้มมากเหงื่อไหลคุมไม่อยู่แต่พอใช้รองพื้นตัวนี้ปัญหาที่เคยมีมาก็น้อยลง เมคอัพยิ่งติดทน หน้าไม่ดรอประหว่างวัน ติดทน ปกปิดดีมากๆปลื้มปริ่มที่สำคัญกันน้ำกันเหงื่อได้ดีทดสอบใช้น้ำลองถูดูไม่หลุดออกง่ายถ้าล้างหน้าต้องใช้คลีนซิ่งเช็ดทำความสะอาดถึงจะออกหมดจดค่ะให้คะแนน 9/10 ไปเลย^^
เพ็คเกจ : เป็นขนาดทำลอง 5ml. ถ้าขนาดจริงจะเป็นขวดเรียบหรูดูทันสมัยของอีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์ มาในขวดแก้วใส ฝาสีดำ หัวปั๊ม มีอักษรสีทอง YSL ปริมาณสุทธิ 25 ml. ราคา2,500.- หาซื้อตามเคาเตอร์แบรนด์ ออนไลน์ หรือ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ
เราได้รับรองพื้น Yves Saint Laurent รุ่น All Hours Foundation สี B20 IVORY ค่ะ จะขอรีวิวผลการทดลองใช้และทดสอบรองพื้นตามความรู้สึกที่ใช้จริงนะคะ เราทารองพื้นโดยที่ไม่ได้ลงครีมบำรุงใดๆ ไม่ลงไพร์เมอร์ ไม่ลงคอนซีลเลอร์ เพราะรองพื้นตัวนี้สามารถทำเป็นคอนซีลเลอร์ได้ด้วย เราชอบที่เค้ามี SPF 20 / PA+++ ทำให้เราไม่ต้องทาครีมกันแดดก็ได้ ประหยัดขั้นตอนไปอีกค่ะ แต่เราลงแป้งฝุ่นตาม ถึงแม้ว่าจะเป็นรองพื้นเนื้อแมต เพราะเราเป็นคนติดลงแป้งเพื่อความมั่นใจค่ะ
ผลลัพธ์หลังการใช้
เนื้อสัมผัส: เป็นรองพื้นเนื้อน้ำใช้มือเกลี่ยง่าย เมื่อเกลี่ยลงผิวแล้วเหมือนจะเรียบเนียนไปกับผิวเลย แต่เนื้อบางเบา ไม่หนักหน้าและเนื้อไม่หนา ทั้งๆ ที่เป็นรองพื้น Full Coverage ชอบมากเลยค่ะ เพราะตั้งแง่ไว้ว่าเนื้อรองพื้นต้องหนา ทาไปเหมือนฉาบอยู่บนหน้า แต่พอใช้จริงเปลี่ยนความคิดไปเลย
คะแนน 4.5/5
การปกปิด: รองพื้นตัวนี้เป็น Full Coverage ปกปิดดีเยี่ยม เนียนกริบมากเลย ขนาดทาแค่รอบเดียวยังปิดรอยดำจากสิวได้หมดเลย แต่ถ้าใครมีรอยจากสิวเยอะ เราแนะนำให้ใช้รองพื้นแท็บๆ ทับตรงรอยสิวแทนคอนซีลเลอร์ได้เลยค่ะ เพราะเค้าเอาอยู่จริงๆ
คะแนน 4.5/5
งานผิว: พอทารองพื้นหน้าเนียนอยู่นะคะ ผิวแมตไปเลยแบบที่เค้าเคลมไว้แหละ แต่มันไม่ได้แมตแบบหน้าแห้งๆ ผิวมันยังดูมีมิติอยู่ ความเข้าใจของเรา คือ ถ้ารองพื้นแบบ Full Coverage ยังไงก็หนา ไม่มีคำว่างานผิว เพราะมันต้องปกปิดมากๆ แต่รองพื้นตัวนี้กลับแตกต่าง มันไม่ได้ดูหนาเตอะ มันยังมีความธรรมชาติอยู่ แต่งหน้าเสร็จใหม่ๆ นี่ผิวสวยมาก แล้วยิ่งถ้าแบบเหงื่อออก ผิวยิ่งสวยเลยค่ะ เหมาะสำหรับแต่งไปทะเล ไปออกกำลังกายได้เลยนะเนี่ย
คะแนน 4.5/5
การคุมมัน: คุมมันได้ดีมาก ระหว่างวันเรามีซับหน้าไปแค่ครั้งเดียว ซึ่งก็ไม่ได้มันอะไร ไม่ต้องเติมแป้งก็เอาอยู่ แต่ที่ซับเพราะความมั่นใจเวลาจะออกจากที่ทำงาน ถึงแม้จะซับหน้าแต่รองพื้นก็ไม่มีหลุดติดออกมาเลย ขนาดไปกินหมูกะทะหน้ายังไม่มันเยิ้มให้เห็น รักเลยอ่ะรองพื้นตัวนี้ ไม่รู้ว่าเค้าทำได้ไง
คะแนน 5/5
ความติดทน: เค้าเคลมมาว่าอยู่ได้ 24 ชั่วโมง เอาจริงๆ คงไม่มีใครแต่งหน้านานขนาดนั้น สำหรับเราการที่มันติดทนได้ถึง 16 ชั่วโมงแบบไม่หลุดร่อนเลย นี่ก็ถือว่าเซอร์ไพรส์มากแล้วค่ะ ใครจะเชื่อว่าแต่งหน้าไปกินหมูกะทะ แต่กินเสร็จ รองพื้นยังติดแน่น ผิวยังสวยเหมือนเดิม แค่เติมลิปก็ไปต่อได้แล้วอ่ะ ความติดทนนี่ชนะเลิศไปเลยค่ะ
คะแนน 5/5
Yves Saint Laurent All Hours Foundation
เจ้ารองพื้นตัวนี้ทางแบรนด์เค้าเคลมว่าเป็นรองพื้นที่มอบการปกปิดเนียนสนิท full coverage ควบคุมความมัน ติดทนนาน 24 ชั่วโมง ค่ำคืนยาวนานแค่ไหนก็ไม่เป็นไร night-proof และยังเป็น foundation ที่ปกปิดที่สุดที่แบรนด์นี้เคยทำมา >0< โอ้โห !! ถึงกับต้องก็อุทานว่า โอมายก๊อชชช 555+ สาวๆคนไหนชอบแบบแน่นๆ เป๊ะปัง คือห้ามพลาด
แถมเจ้ารองพื้นตัวนี้มาพร้อมกับกันแดด SPF20/PA+++ เป็นสูตร Oil Free ทำให้ผิวไม่มัน คงความแมตต์ ช่วยอำพรางรูขุมขน และยังมีส่วนประกอบของ Black tea anti-oxidant ที่ให้การบำรุงผิว ช่วยลดรอยคล้ำ และช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆ และมีแอนตีดัลเนสคอมเพล็กซ์ (ANTI-DULLNESS COMPLEX) ที่ทำให้สีผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอตลอดวัน
อยากจะบอกว่ารองพื้นรุ่นนี้มีทั้งหมด 32 เฉดสีด้วยกัน คือสีเยอะตาแตกมากแม่ โดยเฉดสีเค้าจะแบ่งเป็น 3 อันเดอร์โทนคือ
1.BR – อันเดอร์โทนชมพู
2. B - เป็นโทนสีกลาง ไม่เหลืองไม่ชมพู
3. BD – อันเดอร์โทนเหลือง
สภาพผิวหน้าของเราตอนนี้นะคะ จะเป็นสาวผิวผสมมีความมันในช่วงทีโซน แต่บางทีช่วงแก้มก็ลอกขุยบ้างนะคะ ช่วงนี้ผิวเรามีสิวขึ้นค่ะ เพราะทั้งฝุ่นควันแถมใส่หน้ากากตลอดเวลา ผิวเลยแอบพังๆนิดหน่อยค่ะ สีผิวเราอันเดอร์โทนออกไปทางกลางๆติดเหลืองนิดหน่อย เลยเลือกสี B30 เพราะใกล้เคียงสุดสว่างกว่าผิวจริงนิดหน่อยค่ะ
ความรู้สึกหลังใช้
>>เนื้อครีม
เนื้อจะกึ่งข้นกึ่งเหลว ใช้มือเกลี่ยได้ โดยส่วนตัวเราชอบใช้กับแปรงค่ะเพราะไม่เลอะเทอะมือ เราว่าเนื้อแอบหนานิดนึงนะคะ ถ้าใครชอบปกปิด แบบจัดเต็มน่าจะชอบมากคือทารอบเดียว แน่น ปึ๊กอยู่เลยค่ะ อาจจะทาซ้ำอีกชั้นตรงบริเวณที่ต้องการปกปิด ไม่ต้องใช้คอนซีลเลอร์เลยค่ะ และก็ตัวนี้เนื้อค่อนข้างแห้งไว อาจจะต้องมีสกิลการเกลี่ยนิดนึงนะคะ แต่ Finish look ที่ได้จะเป็นแบบเมตไปเลย ไม่มีความมันวาวใดๆ กลบรอยแดง รอยดำ ได้อยู่เลยค่ะ แต่เรายังคงใช้แป้งฝุ่นกับแปรงเซตบางๆนะคะเพราะว่าไทยแลนด์ร้อนมาก
>> ความติดทน
เรื่องความติดทนมงลงไปเลยจ้า คุมมันดีพอสมควรเลย ติดทนจริงอะไรจริง ระหว่างวันหน้ามันนิดหน่อยค่ะ เพราะอากาศช่วงนี้ร้อนสุดๆ แต่รองพื้นไม่ไหลยังเป๊ะปังติดทนอยู่จ้า
สรุปคะแนน
- การเกลี่ยง่าย 4/5 (แห้งไวไปนิดนึง ต้องมีสกิลนิดนึงนะคะ)
- ปกปิด 5/5 (คือเราไม่ต้องพึ่งคอนซีลเลอร์เลยจ้า)
- การคุมมัน 5/5 (ด้วยความที่เนื้อแมทเรื่องคุมมันเอาอยู่เลยจ้า)
- ติดทน 5/5 (แน่นมากไม่ไหลไม่เยิ้ม อยู่ทั้งวันจริงๆ)
-ความคุ้มค่า 5/5
-ไม่แพ้ระคายเคืองหรืออุดตันรูขุมขน 5/5
สรุป 5/5 ใครชอบแน่น ติดทน ต้องลองจ้า ไม่ผิดหวัง
#Review
Yves Saint Laurent All Hours Foundation
เชื่อว่ารองพื้นคือไอเทมที่สำคัญสำหรับทุกคนเลยก็ว่าได้ เพราะว่ารองพื้นเป็นตัวที่ใช้ปกปิดรอยสิว รอยแดง รูขุมขน และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ทำให้ผิวหน้าดูสวยเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น ส่วนตัวจะชอบรองพื้นที่ไม่เป็นคราบ ตกร่อง และหนาโบ๊ะ จนทำให้หน้าดูไม่สวยและแก่กว่าอายุของตัวเอง
สำหรับวันนี้ก็ดีใจมากๆ ที่ได้ลองรองพื้นตัวดังที่หลายๆ คนพูดถึงกัน ซึ่งเป็นขนาดทดลอง 5 ml. ของ YSL All Hours Foundation ส่วนเฉดสีที่ได้คือ B30 ซึ่งเป็นเฉดสีที่เหมาะกับตัวเองมากๆ เรามาดูประสิทธิภาพของรองพื้นตัวนี้กันดีกว่าว่าจะปกปิดและคุมมันได้ดีแค่ไหน
YSL รองพื้นสูตรน้ำเนื้อแมตต์ (คุณสมบัติเด่น)
- เป็นรองพื้นสูตรกันน้ำ กันเหงื่อ ที่ไม่ทำให้ไหลเยิ้ม
- ติดทนนานตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งกลางวันและกลางคืน ทำให้ผิวไม่มันเงาและคงความแม็ตต์
- ปกปิดได้เนียนสนิท ทำให้ผิวสว่างและเรียบเนียนขึ้น
- มี SPF 20 ปกป้องผิวจากแสงแดดได้อีกด้วย
รองพื้นขนาดจริงของตัวนี้จะเป็นขวดแก้ว หัวปั้ม ดูหรูหรา ขนาด 25 ml. ราคา 2,500 บาท เป็นสูตรน้ำเนื้อแมตต์และมีกลิ่นที่ค่อนข้างหอมอ่อนๆ คือบอกไม่ถูกว่าหอมเหมือนกลิ่นอะไรกันแน่
ลักษณะผิวหน้าของตัวเองจะมีรูขุมขนที่กว้าง มีรอยกระที่เข้ม รวมถึงจุดด่างดำนิดหน่อย และใต้ตาค่อนข้างคล้ำ
วิธีการใช้ คือบีบรองพื้นจากหลอด 3-4 หยด ทาให้ทั่วบริเวณใบหน้าและลำคอ จะเน้นส่วนที่มีปัญหาหลักๆ เฉพาะส่วนตั้งแต่หน้าผาก ใต้ตา จมูก และบริเวณคาง ที่ดูคล้ำกว่าบริเวณอื่น และเน้นที่มีรอยกระและจุดด่างดำ
ผลลัพธ์หลังการใช้ คือรองพื้นจะเป็นเนื้อแมตต์เมื่อทาแล้วรู้สึกว่าเกลี่ยค่อนข้างยากนิดนึงเพราะด้วยความที่เป็นเนื้อแมตต์ แต่เมื่อเกลี่ยเสร็จแล้วจะพบว่าเนื้อรองพื้นละเอียดคือกลืนไปกับผิวมาก และด้วยความที่ใช้รองพื้นมาหลายยี่ห้อส่วนมากทาเสร็จแล้วจะเป็นคราบเลย แต่ตัวนี้คือไม่เป็นเลย เนื้อสัมผัสของรองพื้นไม่หนักจนเกินไปกำลังดี และด้วยเฉดสี B30 คือเข้ากับสีผิวมาก ดูเนียนกริบชอบมากๆๆ
ส่วนการปกปิดดีในระดับนึงเลย ทั้งใต้ตาหน้าผาก จมูก คาง ก็ปกปิดได้ค่อนข้างดี จะมีก็แต่รอยกระจุดด่างดำที่ชัดมากๆ จะยังเห็นอยู่
จากที่ได้ทดสอบลงรองพื้นตั้งแต่สิบโมงและออกไปทำธุระข้างนอก จนถึงสองทุ่มเป็นเวลาถึงสิบชั่วโมงเลย กลับมาคือรองพื้นไม่หลุด แค่ดูเงาๆ เยิ้มๆ นิดหน่อย ในระหว่างวันไม่ได้ซับหน้าด้วย จะบอกว่ารองพื้นยี่ห้อนี้ติดทนมาก เริ่ดจริงๆ
มาให้คะแนนกัน ***
1. ปกปิด (2/3)
2. คุมมัน (3/3)
3. กันน้ำ กันเหงื่อ (3/3)
4. ติดทน (3/3)
ขอหักนิดนึงนะ ตรงที่รอยกระจุดด่างดำที่ชัดมากๆ มันยังเห็นอยู่ คิดว่าถ้าปกปิดได้เนียนสนิทกว่านี้คือที่สุดเลย
เอาจริงๆ ใช้ขนาดทดลองแล้ว คิดว่าเป็นรองพื้นที่ต้องเสียเงินซื้อไซส์จริงแล้วละ เพราะตัวนี้ติดทน คุมมัน ใช้แล้วหน้าเนียนอยู่ได้ทั้งวันจริงๆ ค่ะ ถึงราคาจะแรงเอาเรื่องอยู่ แต่คิดว่าคุ้มค่าแน่นอน ^^
สวัสดีค่า สาวๆชาว cosmenet ทุกคน วันนี้เรามีรีวิวรองพื้นตัวเด็ด ตัวดัง ที่คิดว่าเป็น wish list ของสาวๆหลายคนมาฝากกันค่ะ พูดถึงคุณสมบัติของรองพื้นตัวนี้กันก่อน เจ้าตัวนี้ เป็นรองพื้น ของแบรนด์ YSL (Yves -Saint-Laurent) นั่นเอง รุ่น YSL All Hours Foundation ค่ะ แบรนด์เคลมมาว่า ตัวรองพื้นเป็น soft matte คือมีความบางเบาแต่ก็ยังช่วยปกปิดได้ดีถึง 24 ชั่วโมง เหมาะกับทุกสภาพผิว และมีให้เลือกกันถึง 22 เฉดสี คลอบคลุมได้ตั้งแต่สาวผิวขาว ถึงสาวผิวเข้มเลยล่ะค่ะ
สำหรับตัวเทสเตอร์ที่เราได้รับมาทดลองนั้น คือ สี B30 Almond ซึ่งถือว่าเลือกมาได้ใกล้เคียงเฉดสีผิวของเรามากที่สุด ปลื้มปริ่มค่ะ เป็นครั้งแรกที่เลือกสีรองพื้นทางออนไลน์แล้วได้สีที่ประทับใจ
สำหรับการใช้งาน เราเลือกลงรองพื้นด้วยฟองน้ำ และใช้นิ้วช่วยแทปๆเอา ก็รู้สึกได้ว่า ปกปิดได้พอสมควร รอยดำรอยแดงก็กลบได้ดี ส่วนรอยคล้ำใต้ตาก็ใช้คอนซีลเลอร์ช่วยกลบเอา รองพื้นตัวนี้ให้ความรู้สึกเบาบาง ไม่หนามากเซ็ตตัวเร็ว ใช้ใน everyday look ได้ค่ะ
หลังการใช้งาน เราเป็นคนผิวผสม ระหว่างวันก็จะมีน้ำมันออกมาจากผิวพอสมควร ทำให้ได้ลุคผิวแบบดิวอี้ สวยกำลังดี โดยปกติเราจะเริ่มทาตั้งแต่ประมาณ 8 โมง จนถึงเลิกงานก็ 5-6 โมงเย็น ก็มีเติมแป้งบ้างนิดหน่อย แต่ตัวรองพื้นเอาอยู่ค่ะ ไม่หลุด ไม่ดรอปลงซักเท่าไหร่ โดยรวมคือยังแน่น คิดว่าอยู่ได้เรื่อยๆ แต่น่าจะไม่ถึง 24 ชั่วโมงตามคำเคลม
สำหรับเราถือว่าประทับใจในเรื่องคุณภาพ เป็นรองพื้นเคาน์เตอร์แบรนด์ที่ดีมากตัวนึง ขนาดไซส์จริง ปริมาณ 25 ml ราคา 2,500 บาท ถือว่าราคาค่อนข้างสูง แนะนำให้ลองตัวเทสเตอร์ ประกอบการตัดสินใจก่อนค่ะ ถ้าไม่ประทับใจจะได้ไม่เสียดายเงิน สำหรับเราคิดว่า คุณภาพคุ้มราคา เราใช้แล้ว ไม่มีอาการแพ้ใดๆ สิวไม่ขึ้น ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับการทำความสะอาดด้วยนะคะ ควรใช้คลีนซิ่งเช็ดทำความสะอาดด้วย เพราะตัวรองพื้นเป็น water proof ทำความสะอาดไม่ดีอาจจะให้ผิวหน้าอุดตัน เกิดสิวได้ค่า
คนชอบเที่ยวอย่างมินการเลือกรองพื้นเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะมินต้องออกเที่ยวตั้งแต่เช้าจรดดึก รองพื้นที่ใช้ต้องอยู่ทนทั้งวันทั้งคืนถึงจะเหมาะ มินถึงเลือกที่จะใช้ Yves Saint Laurent All Hours Foundation
ทำไมต้องเป็น All Hours Foundation
1. รองพื้นสูตรกันน้ำ ปกปิดเนียนสนิทและให้ความรู้สึกสดชื่น ไร้ที่ติ คงอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง
2. นีโอสกินพาวเดอร์ (NEO-Skin Powder) ทำให้ผิวไม่มันเงาและคงความแม็ตต์ อำพรางรูขุมขน
3· มีโพลีเมอร์ชนิดพิเศษที่มอบความติดทนนาน เพอร์ไลต์(Perlite) จากหินภูเขาไฟ ซึ่งมีคุณสมบัติในการดูดซับเหงื่อได้ดี และแอโรเจล (aerogel) ช่วยให้ผิวดูแม็ตต์และช่วยดูดซับความมันส่วนเกิน ทำให้รองพื้นอยู่กับผิวตลอดการทำกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งวันและทั้งคืน
4. มีแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยปรับปรุงเนื้อผิวและปกป้องผิวจากมลภาวะต่าง ๆ
5. มีสารสกัดจากชาดำหมักช่วยให้ผิวดูสว่างและเรียบเนียนขึ้น
6. มี SPF 20 ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด
7. ให้เลือกถึง 32 เฉดสี
ดังนั้นมินจะทำ Wear Test พิสูจน์ว่าทำไมมินถึงชอบ All Hours Foundation พี่ BA เลือกสี BD 40 warm sand สว่างกว่าผิวหน้า 1 เฉดสี โดยมินไปอยู่วัดทั้งวันตั้งแต่เช้ายันดึก ซึ่งไม่มีแอร์และอากาศร้อนมาก เป็นเวลา 15 ชั่วโมงโดยไม่เติมหน้า รอดไม่รอดไปดูกัน
ลักษะผิว ผิวผสมมันทีโซน และรองพื้นชอบหลุดทีโซนเป็นประจำ ผิวไม่เรียบเนียน สีผิวไม่สม่ำเสมอ มีจุดด่างดำกรามและคาง มีรูขุมขนกว้างที่แก้มทั้ง 2 ข้าง
แพ็คเก็จ
มาในขวดแก้วใส หนาฝาสีดำตัด ขวดเรียบหรูดูทันพร้อมหัวปั๊ม กดง่ายและแข็งแรง มีอักษรสีทอง YSL ให้ความเรียบหรูดูสง่า
บีบเพียง 2-3 ปั๊มก็ได้เนื้อรองพื้นออกมาในปริมาณที่พอเหมาะด้วยนะค่ะ
เนื้อสัมผัส
เนื้อรองพื้นเป็นเนื้อแมตต์ชนิดน้ำ มีความเนียนละเอียด เกลี่ยง่าย ชุ่มชื้นค่ะ มินเกลี่ยรองพื้นด้วยมือก่อน แค่ใช้มือเกลี่ยผิวที่ได้ก็ออกมาสวยแล้ว หลังจากนั้นมินเลือกใช้ฟองน้ำชุดน้ำให้หมาดๆ ค่อยๆ กดเนื้อรองพื้นลงบนผิว รองพื้นจะติดผิวในปริมาณที่พอเหมาะ ทำให้ผิวดูกริบ เนียน ไม่ตกร่องและติดทนขึ้น ที่สำคัญไม่จำเป็นต้องวอร์มเนื้อรองพื้น ประหยัดเวลาไปอี๊ก
BEFORE / AFTER
เห็นได้ชัดเลยว่า หลังจากลงรองพื้นแล้วยังคงเผยงานผิวมากกกกกก ผิวยังดูชุ่มชื้นมีสุขภาพดี รู้สึกว่าอยากมีผิวแบบนี้ไปตลอดเลย การปกปิดทำได้ค่อนข้างดี และบางเบา กลบรอยแดงจากสิว และใต้ตาคล้ำของมินได้ดีพอสมควร เบลอรูขุมขนได้ดีและสีผิวดูสม่ำเสมอ ไม่รู้สึกหนักหน้าและไม่ทำให้รองพื้นตกร่อง
ขนาด 25 ml ราคา 2500 บาท (ราคาแอบแรงอยู่ แต่มีโปรลด 10 % บ่อยมาก) 3/5
ผ่านไป 4 ชั่วโมง ยังให้ลุคที่แมตต์ ให้การปกปิดได้ดี เวลาผ่านไปผิวหน้ายังดูสวย ทุกๆอย่างยังดูดี เครื่องสำอางบนใบหน้ายังอยู่ครบ
ผ่านไป 8 ชั่วโมง สีรองพื้นไม่ดรอป มีความมันวาว แต่ทำให้หน้าผ่องขึ้น เจอแดดแล้วผิวยังสวยอยู่เลย อากาศร้อน ไม่มีแอร์แค่ไหนก็ทนอยู่
ผ่านไป 10 ชั่วโมง หน้าเริ่มมัน เริ่มเอาทิสชู่มาซับหน้า เมคอัพทุกๆอย่างหลุด ยกเว้นรองพื้นยังอยู่จ้า รอยสิวชัดขึ้น
ผ่านไป 15 ชั่วโมง สีรองพื้นไม่ดรอป เจอแสงไฟหน้ายิ่งดี หน้าแอบมันมินยังใช้ทิสชู่ซับรอบนี้รอบที่ 2 พอซับหน้าไปแล้วรองพื้นยังอยู่เหมือนเดิม แต่มีหลุดไปบ้าง กลับมาถึงบ้านมีบริเวณข้างจมูกและช่วงกราม รองพื้นหายไปนิสเดียว ซึ่ง 15 ชั่วโมง และอยู่ในที่อากาศร้อน น้องค่อนข้างทำได้ดี ยอมรับเลยว่าคิดไม่ผิดที่เสียตังซื้อน้องมา
ผลลัพธ์ของมิน!!!
น้องติดทนมาก สภาพอากาศ 35 องศาเซลเซียส ที่ไม่ได้อยู่ในห้องแอร์ ปกปิดรอยสิว รอยช้ำได้ตาได้โดยไม่ต้องใช้คอนซีลเลอร์ ทำได้ตามคำเคลมจริงๆ ช่วยให้สีผิวโดยรวมดูสม่ำเสมอ เบลอรูขุมขนและคุมมันทำได้ค่อนข้างดี สามารถคุมมันได้ยาวนาน 10 ชั่วโมง การติดทนของรองพื้นดีสามารถติดทนได้เช้าถึงดึกตลอด 15 ชั่วโมง ชอบมากที่สุดคือ ผิวไม่ดรอป ถึงแม้อากาศจะร้อน อบอ้าว และมีเหงื่อออกก็ตาม
มินเชื่อแล้วว่าทำไมพี่ๆ ช่างแต่งหน้าถึงมี Yves Saint Laurent All Hours Foundation อยู่ในคลังแสงในการแต่งหน้าเจ้าสาว เพราะน้องอยู่ทนอยู่นาน ยิ่งอยู่ยิ่งสวย ถ้าเพื่อนๆได้ลองใช้จะตกหลุมรักน้องแบบมิน
คะแนน
- แพกเกจ 5/5
- การปกปิด 4/5
- บางเบา
- คุมความมัน 4/5
- ติดทน 5/5
- งานผิว 5/5
- ผลลัพธ์ 5/5
ก่อนจะมาดูรีวิวของเรา ขอบอกสภาพผิวของเราก่อนเลยนะคะ เพื่อนๆคนไหนที่มีผิวตรงกั บเราจะได้เห็นภาพชัดขึ้น
เราเป็นคนที่มีผิวผสมค่ะ คือหน้ามันง่าย แต่ก็มีส่วนที่แห้งและลอกบ้างถ้าบำรุงไม่ดี
ส่วนที่มันจะเป็นช่วงทีโซนค่ะ คือหน้าผาก จมูกเลยไปถึงหน้าแก้มเล็กน้อย แล้วก็ในส่วนของคาง
ส่วนที่แห้งจะเป็นช่วงกรอบหน้าค่ะ
ปัญหาผิวของเราในตอนนี้คือ ผิวที่มัน รูขุมขนกว้างบริเวณหน้าแก้มค่ะ
มีสิวและรอยสิวประปราย แล้วก็สีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ
เดี๋ยวเรามาดูกันค่ะว่ารองพื้น YSL ตัวนี้หน้ามันจะเอาอยู่ไหม แล้วส่วนที่แห้งจะไหวหรือเปล่า
พูดถึงแพ็กเกจก่อนเลยละกัน ขนาดเทสเตอร์หลอดจิ๋วยังดูดี ขนาดนี้ แล้วขวดแก้วไซซ์จริงจะดูดี ขนาดไหน
ที่เราได้มาเป็นไซซ์เล็ก 5 มล.นะคะ เล็กๆแบบนี้อย่าว่าไปเด้อ ใช้ได้หลายหน้าเลยค่ะ
เป็นหลอดบีบ ใช้ง่าย
ต่อมาพูดถึงโทนสีของรองพื้นค่ะ รองพื้นรุ่นนี้ออกมาตอบโขทย์ สาวทุกสีผิวเลย
BR > โทนชมพู B > โทนกลาง และ BD > โทนเหลือง
ผิวเราโทนเหลือง และแน่นอนค่ะว่าสีที่เลือกมาเป็ น BD
สำหรับผิวเราอยู่ในช่วงประมาณ NC30-35 เราเลยเลือก BD35 มาลองค่ะ
เนื้อรองพื้นมีความเหลว ลื่น ไม่หนืดเท่าไหร่ ปิดฝามาระวังไหลเด้ออออ
ทาง่ายพอสมควรเลยแหละ
เราลองใช้รองพื้นตัวนี้พรอมกั บแอพลิเคเตอร์ 3 ตัว เบสิกสุดก็มือเรานี่หล่ะ ต่อมาก็แปรง และฟองน้ำ
เราว่ารองพื้นเค้าใช้ได้กับทั้ งสามนี้เลยนะ อันนี้ขึ้นอยู่กับความถนั ดของแต่ละคนมากกว่า
ส่วนเรา ชอบฟองน้ำ อิอิ เพราะรู้สึกว่าเนียบ แนบแน่น ทนทั้งวัน
รองพื้นตัวนี้ขึ้นชื่อเรื่อง 'ออกซิไดซ์' ซะด้วยสิ เราเลยลองทาทิ้งไว้ให้ดูค่ะ ว่าสีเค้าดรอปลงจริงรึเปล่า
>> ปรากฎว่าดรอปลงจริงค่ะ สเต็ปนึง ยังพอไหวนะ ไม่ดูหมอง แต่ถ้าใครชอบแบบสว่างๆก็อาจจะต้องเลือกขาวๆไว้ก่อน
เพราะฉะนั้น เพื่อนต้องเลือกสีกันดีๆนะคะ อาจจะให้บีเอช่วยลงให้ แล้วเดินวนในห้างสักแปบ ดูอีกทีว่าโอเคไหม แล้วค่อยวนไปซื้อสีที่ถูกใจค่ะ
มาดูกันค่ะ ว่าทาแล้วเป็นยังไง
การปกปิด: เรื่องกลบ เราที่ใช้ฟองน้ำเนี่ย มันไม่ได้กลบมิดไปซะทุกอย่าง แต่ถือว่าปกปิดในระดับที่ โอเคเลย
ต้องการการปกปิดเพิ่ม ก็แท็บๆเพิ่มชั้นได้ ไม่คราบนะ
สัมผัส: ไม่ได้รู้สึกหนักหน้าเลยเอาจริง ไม่ได้หนัก จะบอกว่าเหมือนไม่ทาก็ไม่ใช่ แต่เบากว่าที่คิดแฮะ
งานผิว: ไม่ได้ผิวมากเหมือนไม่ได้ทา แต่งไม่ได้แต่งงี้ก็ไม่ขนาดนั้น แต่ก็ไม่หนาจนดูโบก เราว่าได้ความรู้สึกกลางๆ
ควบคุมความมัน: ในส่วนของทีโซนมันกว่าเพื่อน เป็นจุดที่มันที่สุดละ ห้าชั่วโมงผ่านไป มีความวาว ก็โอเคนะเราว่า อยู่ไปได้ตั้ง 5 ชม. กับอากาศร้อนๆบ้านเรา
ซับเสร็จก็ดีเหมือนเดิม
บริเวณที่แห้งอย่างข้างแก้ม แนวกรามก็ยังอยู่ค่ะ ไม่ดูแคร็ก
ความติดทน: อยู่ทนทั้งวันนะ แต่ด้วยความที่จมูกเรามันมาก มันเลยหลุดตอนที่ซับไปบ้าง แต่ไม่น่าเกลียดค่ะ ไม่ได้หลุดจนเป็นคราบเห็นชัด ส่วนบริเวณอื่นยังอยู่ดี
ไปตีแบตมา เหงื่อซก ซับๆออก หน้าก็ยังพอไหว ทัชอีกหน่อย ไปต่อได้แล้วค่ะ อิอิ
ระหว่างวันที่หน้าเรามันๆ เราว่ารูขุมขนชัดขึ้นนะคะ รองพื้นไม่ช่วยเบลอเลย แง 555 แต่พอซับมันออก เออ ผิวกลับมาดีอยู่นาาา
แถมอีกนิด ใส่หน้ากาก มีเลอะติดบ้าง แต่ไม่น่าเกลียด อาจจะด้วยเพราะวันนั้นเราใส่ไม่นานและเหงื่อไม่ออกด้วยค่ะ
ก็เก็บเป็นอีกทางเลือกนึงสำหรับสาวๆที่ใส่หน้ากากช่วงนี้นะคะ
คุ้มค่าคุ้มราคาไหม?
มันอาจจะดูแพงไปนะกับราคาตั้งสองพันกว่าแน่ะ
แต่เราว่าขวดนึงใช้ได้นานเลย ถ้ามีงบ เราว่าของดีๆแบบนี้ก็น่าลงทุนอยู่น้า