Clarifying Lotion Twice A Day Exfoliator

เคยลองในขนาดทดลอง ประทับใจ เช็ดแล้วไม่แพ้ ไม่อักเสบ และไม่เคืองผิวเลย แบรนด์นี้เขาอ่อนโยนต่อผิวเสมอ

CLINIQUE Clarifying Lotion Twice A Day Exfoliator Toner - กลิ่นแอลกอฮอล์ค่อนแรง แต่ทำเช็ดแล้วรู้สึกผิวสะอาดดี

ได้ทดลองใช้แล้วรู้สึกผิวเรียบเนียนนุ่มขึ้น ผิวเราแห้งแพ้ง่ายตัวนี้ไม่มีแอลกอฮอล์ผิวชุ่มชื้นไม่แพ้เลย^^

สามารถทำความสะอาดผิวได้อย่างดี ชุ่มชื้นผิว ไม่มีอาการแพ้ หรือระคายเคืองใดๆ ผิวแพ้ง่ายใช้ได้เลยค่ะ

เป็นโลชั่นเช็ดผิวสูตรอ่อนโยนต่อผิวช่วยขจัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพและขุยจากความแห้งหลุดตัวออก ผิวไม่แห้งตึงเลยค่ะ หน้านุ่มชุ่มชื่นขึ้นด้วย

โลชั่นเช็ดผิวสูตรน้ำ ซื้อมาในราคา 450 บาทขนาด 100 ML ค่ะตัวนี้หลังการใช้รู้สึก เนื้อบางเบา ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน มี Acetyl Glucosamine ซึมเข้าสู่ผิวได้ง่าย ช่วยเติมความชุ่มชื้นและการบำรุงให้เนียนนุ่ม เรียบลื่นและกระจ่างใสขึ้นโดยเสริมกระบวนการผลัดเซลล์ผิว

ราคาค่อนข้างสูง มีแอลกอฮอล์ค่อนข้างเยอะ ใช้แล้วแสบผิว กลิ่นแอลกอฮอล์แรงมาก เหมาะกับคนเป็นสิว

ไม่รู้ซิหน้าเราอาจจะหนา แต่ใช้โทนเนอร์ของ Clinique สูตร 2 มาตั้งแต่ ม.4 ตอนวัยรุ่นเป็นสิวด้วย แต่ก็ใช้ร่วมกับการรักษาของหมอ โตมาสิวหาย เคยเลิกใช้ไปใช้ตัวอื่นรู้สึกหน้าไม่สะอาดเท่า และมักอุดตันกว่าใช้ตัวนี้ เค้ารักของเค้าอ่ะ เค้าใช้แบบผสมแอลฯ ด้วย ต่อให้แต่งหน้าหนาขนาดไหน ถ้าได้ปิดท้ายเช็ดด้วยขวดนี้คือเราไม่กลัวอุดตันเลย รูขุมขนกระชับสุดล่ะ

Clarifying Lotion 1.0 Twice a Day Exfoliator เป็นโลชั่นเนื้อบางเบาใช้เตรียมผิวเพื่อให้พร้อมรับสำหรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป โดยทางเราใช้สูตร 1.0 ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว โลชั่นมีทั้งหมด 5 สูตรตามสภาพผิว โดยเทใส่สำลีใช้เช็ดทุกครั้งหลังล้างหน้าเช้าเย็น เราชอบโลชั่นตัวนี้มาก เพราะอ่อนโยนมาก บางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ เช็ดหน้าได้สะอาดหมดจด

? ?????????? ?????? ?.? : เราตะลึงกับขวดและราคามาก! ขวดใหญ่คุ้มราคามากเพื่อนๆ เพคเกจดีวางประดับโต๊ะสกินแคร์ของเราได้สวยหรูดูมีตระกูลมาก

หลังทดลอง : เรารู้สึกว่าหน้าเราดูนิ่มขึ้นและรู้สึกว่ารอยแดงบนหน้าเราลดลงจริงๆ สัมผัสแรกที่ลองใช้สำลีเทโทนเนอร์เป็นน้ำใสๆ ใช้แล้วไม่เหนอะหนะ พอปล่อยให้มันแห้งบนผิว คือผิวหน้ารู้สึกไม่แห้ง ใช้ต่อเรื่อยๆจะช่วยผลัดเซลล์ผิว ให้กระจ่างใส เราไม่ได้อวยนะต้องลองซื้อมาลองจริงๆ ! ค่ะ

? before กับ after ? หลังจากเราใช้ทั้งสองด้วยกันใน10วัน ผิวเราจากมีรอยแดง แห้ง และรูขุมขน เรามาสังเกตุเห็นว่า รูขุมขนเราตื้นขึ้นจริงๆ ผิวหน้าเราดูกระจ่างใสขึ้น และผิวดูสดชื่นขึ้นจริงๆ

อยากให้ทุกคนลองน้า.. ทั้งสองตัวเหมือนเขาทำงานด้วยกัน ช่วยกันทำให้คนปัญหาผิวแห้งและรูขุมขนกว้างได้ใจชื้น ^^

ประทับใจโทนเนอร์ตัวนี้มาก เพราะปกติไม่ค่อยถูกกับการใช้โทรเนอร์เท่าไหร่ แต่บอกตรงๆว่า หน้ากระจ่างใส ผิวเรียบขึ้นจริง เหมาะกับผิวแพ้ง่ายแบบเราด้วยค่ะ ถือว่าเป็นไอเท็มกู้ผิวตัวนึงที่เริ่ดมากๆ
ทำให้พร้อมสำหรับการเตรียมผิวในแต่ละวันจริงๆค่ะ

บอตรงว่าเซอร์ไพรส์กับโทนเนอร์ตัวนี้มากก เริ่มต้นด้วยกลิ่นที่แรงมากก!! แอลกอฮอล์ได้ทำร้ายจมูกน้องไปแล้วฮืออ พอเช้ดลงผิวหน้าจะเย็บวาบ ๆ แต่พอโดนสิว ขุ่นพระ! แสบจ้าา เช้ามาสิวเป่งเห่อขึ้นหน้าา

แต่ด้วยความงกเราต้องใช้ต่อให้ได้ ผลลลัพธ์ก็เซอร์ไพรส์อีกแล้วว น้องสิวหายค่ะ! สิวใหม่ไม่ขึ้นแล้ว สิวเด่ายุบตัวลงง เราเลยคิดเองว่าน้องเค้าน่าจะช่วยดันสิ่งสกปรกออกมาในรูแปบบสิว และจัดการรักษาต่อให้สิวหาย อ่าเริ่ดดด คือชอบเลยยขวดใหญ่บิ๊กมากใช้เมื่อไหร่หมดน้าา

ขอติเรื่องนึง รูขวดใหญ่มากก ถ้าเทไม่ดีหรือทำหล่นมีหกหมดขวดแน่ ๆ เลยยฮืออ แต่ผลลัพธ์อื่นๆ ชอบค่ะ ตื่นเต้นดี อิอิ

Clinique Clarifying Lotion Twice A Day Exfoliator ตัวนี้เป็นโลชั่นเช็ดผิวหลังการล้างหน้า วิธีใช้ก็คือเทใส่สำลีแล้วเช็ด จริง ๆ เราว่าเค้าน่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมานานแล้วและเราน่าจะเคยใช้ สมัยที่พวกโลชั่นเช็ดหน้าจะเรียกกันว่าเป็นโทนเนอร์บำรุงผิว แต่ตอนนั้นเช็ดแล้วหน้าจะตึง ๆ ซึ่งเราจะรู้สึก(ไปเอง)ว่ามันสะอาด แต่ความจริงมันทำให้ผิวเราแห้ง เหมือนตัวโทนเนอร์ดึงความชุ่มชื้นไปหมด แต่เจ้า Clarifying Lotion ยุคใหม่ เช็ดเสร็จผิวไม่แห้งตึงเท่าเก่า มีความชุ่มชื้นอยู่บนผิว แต่ก็รู้สึกสะอาดเกลี้ยงเกลา สิ่งที่เหมือนเดิมคือ "กลิ่น" ค่ะ ใครไม่ชอบพวกแอลกอฮอล์เราว่าผ่านขวดนี้ก่อนได้เลย เพราะกลิ่นแอลฯ นางแรงมากก อาจเวียนหัวหรือแพ้ได้ และต้องระวังเวลาเทค่ะ ปากขวดกว้างมาก กะจังหวะไม่ดีคือพรวดพราดเต็มมือเต็มสำลีแน่นอน

ในส่วนราคาก็ไม่แรงเกินไป 1550 / 400 ml. ใช้ได้นานอยู่ ค่อนข้างดีงาม เราใช้สูตร 2 สำหรับผิวแห้งและผิวผสมค่ะ ใครชอบผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วให้ความรู้สึกสะอาด ๆ แบรนด์นี้ ขวดนี้แนะนำเลยค่า

รีวิว Clarifying Lotion 2 จ้าาา า

เราเป็นคนผิวผสมค่อนข้างแห้งค่ะ เลยเลือกใช้สูตรนี้ ส่วนตัวไม่ค่อยชอบตรงหัวเท่าไหร่ เพราะเค้าไม่มีจุกมาให้ค่ะ เลยกะปริมาณในการใช้ค่อนข้างยากค่ะ แล้วกลิ่นแอลกอฮอล์ก็แรงไปนิดนึง เราใช้ไปได้สักพักมีสิวขึ้นเม้ดนึง ไม่รู้ว่าเพราะแพ้แอลกอฮอล์หรือโทนเนอร์ช่วยผลักสิวเพื่อให้ผิวใสขึ้น แต่เราใช้คู่กับตัว ID เห็นได้ชัดว่ารูขุมขนกระชับขึ้นค่ะ คิดว่าถ้าใช้ไปเรื่อย ๆ แล้วสิวไม่ขึ้นไปมากกว่า น่าจะเป็นโทนเนอร์ตัวโปรดเลยค่ะ

Clarifying Lotion 2 Twice a Day Exfoliator
เราใช้ (2) เพราะสูตรนี้เหมาะสำหรับผิวผสมค่อนข้างแห้ง

เปิดมาคือกลิ่นแอลกอฮอล์ค่อนข้างแรงเลยนะคะ ถ้าใครแพ้ระวังนะค้าบบ แต่สำหรับเราใ้ช้แล้วไม่แพัค่ะรู้สึกดีด้วยเพราะปกติผิวหน้ามันง่าย พอใช้ตัวนี้ไม่ค่อยมันค่ะ และสิวอุดตันไม่เพิ่มด้วย

ติดอีกอย่างคือขนาดรูที่โทนเนอร์ออกค่ะ แป้งว่ามันกว้างไป เททีรู้สึกเยอะไปจ้า แล้วขวดมันใหญ่ บังคับไม่ค่อยได่555555555 รวมๆคือโอเคสำหรับเราอะ ติดแค่ 2 เรื่องที่พูดไปเท่านั้นจ้า

รีวิวโทนเนอร์ CLINIQUE เราใช้สูตร Clarifying Lotion 3 Twice a Day Exfoliator ตัวนี้เป็นสูตรผิวผสมค่อนข้างมัน ช่วยขจัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพให้หลุดออก(Exfoliation) อย่างอ่อนโยน ขจัดสิ่งอุดตันจากรูขุมขน ควบคุมความมันเงา ทำให้ผิวดูใสขึ้น
เริ่มจากตอนที่เห็นแพคเกจขวดสีชมพูน่ารักมาก เป็นฝาหมุน แต่ติดที่ไม่มีจุกปิด ตอนเทต้องระวัง แอบกลัวโทนเนอร์ออกมาเยอะ

เริ่มจากทดลองใช้ : ครั้งแรกที่เทลงสำลีรู่สึกว่ากลิ่นแอลกอฮอล์แรงไปหน่อย ตอนทาไปแล้วก็รู้สึกแสบหน้านิดๆ อาจเพราะแอลกอฮอล์มากไปรึป่าวไม่แน่ใจนะคะ

หลังใช้โทนเนอร์ประมาณ 10 วัน : จากที่เราล้างหน้าเสร็จแล้วทาครีมเลย ไม่ได้ใช้โทนหน้าอาจทำให้หน้าเราไม่สะอาดเท่าที่ควร พอใช้โทนเนอร์ CLINIQUE สูตร Clarifying Lotion 3 Twice a Day Exfoliator รู้สึกว่ารูขุมขนและหน้าสะอาดขึ้น หน้ากระจ่างใสขึ้น ทำความสะอาดได้ล้ำลึกถึงรูขุมขน ช่วยป้องกันการเกิดสิวได้ด้วยค่ะ เพราะรู้สุกว่าสิวลดน้อยลงค่ะ

สรุปข้อดี
- ทำความสะอาดผิวได้ดี ล้ำลึกถึงรูขุมขน
- สดชื่น ไม่เหนียวเหนอะหนะผิว
- ผิวเรียบเนียนขึ้น สิวแห้งไวขึ้น

สรุปข้อเสีย
- กลิ่นฉุนแอลกอฮอล์ไปหน่อย ถ้าเทโทนเนอร์เยอะอาจมีแสบหน้า
- ปากขวดกว้างไป ไม่มีจุกเล็กปิดอีทำให้การเทค่อนข้างลำบาก

รีวิวโทนเนอร์ Clinique 1.0 จ้า เราใช้สูตร Clarifying Lotion 1.0 Twice a Day Exfoliator สูตรนี้ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ไม่มีกลิ่นฉุนนะคะ แต่มีกลิ่นแนวสารเคมีหน่อย ๆ ตัวนี้เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว รวมถึงผิวบอบบางด้วย ใครที่แพ้ง่ายแล้วอยากใช้โทนเนอร์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวให้กระจ่างใส แนะนำตัวนี้ค่ะ
วิธีใช้ : เทลงบนสำลีไม่เยอะมาก ก็ทาได้ทั้งหน้าแล้วค่ะ เราใช้คู่กับ Clinique iD นะคะ
เนื้อสัมผัส : เป็นลักษณะน้ำใส ๆ กลิ่นอ่อน ซึมง่าย
หลังใช้ : ใบหน้านุ่มชุ่มชื้น ซึมซาบเข้าผิวได้ไว
หลังใช้ได้ 10 วัน : หน้ากระจ่างขึ้น ใสขึ้น มีความนุ่มชุ่มชื้นดีค่ะ
ความชอบ : โทนเนอร์กลิ่นอ่อน ๆ ช่วยหน้าใสได้จริง ขวดใหญ่ดีค่ะ ใช้ได้นาน คุ้มเมื่อเทียบกับราคา

จุดเด่น : 1. ผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกที่เสื่อมสภาพ อันนี้เราใช้แล้วหน้าใสขึ้นค่ะ
2. จัดการกับเซลล์ผิวที่ตายแล้วบนผิวชั้นนอก ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับด้านบน คืหน้ากระจ่างเรียบเนียนขึ้น
3. โลชั่นหรือโทนเนอร์ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวเรานุ่มนุ่มเด้งดึ๋ง และชุ่มชื้นยาวนานและการบำรุงด้วยผ
4. หน้าเนียนนุ่มเรียบเนียน สบายผิวไม่เหนียวหน้า ไม่หนักหน้า รู้สึกได้ว่าผิวสะอาดจริง สดชื่นมากเย็นฉ่ำสบายผิวค่ะ ชอบบบบบ

สวัสดีค่าา วันนี้จะมาแชร์ผลลัพธ์หลังจากทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ Toner จาก Clinique นะคะ
ขอบคุณทาง Cosmenet ด้วยนะคะที่ให้โอกาสในการทดลองผลิตภัณฑ์นี้ค่ะ

ที่ได้รับมาเป็น Clinique Clarifying Lotion 2 Twice a day exfoliator สูตร 2 นี้ เหมาะสำหรับผิวผสมค่อนข้างแห้ง ซึ่งสภาพค่อนข้างเหมาะกับสภาพผิวเราเลยค่ะ เพราะก่อนหน้านี้มีปัญหาผิวหน้าแห้งลอกเนื่องจากเจออากาศหนาวที่ตจว. บวกกับอาบน้ำอุ่น รวมทั้งมีปัญหาผิวมันเอย สิวอุดตันหัวขาว หัวดำบ้างเอย ลูบผิวไปนี่รู้สึกได้ถึงความสะดุดหัวสิว แถมรูขุมขนกว้างด้วย (ปัญหาเยอะอะไรเยี่ยงนี้!)

เอาจริง ๆ ใครว่า Toner ไม่สำคัญสำหรับการบำรุงผิว จะตีให้! นี่เป็นไอเทมสำคัญเลยในขั้นตอนการบำรุงผิวให้ดียิ่งขึ้น เพราะอะไร? เพราะว่าการเช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์ก่อนบำรุงผิว เปรียบเสมือนการเตรียมพร้อมให้ผิว และทำความสะอาดผิวอีกครั้ง ก่อนเปิดรับการบำรุงอย่างเต็มที่ในขั้นตอนต่อไป ซึ่งโทนเนอร์ตัวนี้ มีส่วนผสมสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานร่วมกันกับตัว Clinique iD ในการบำรุงผิว อาทิเช่น

- Acetyl Glucosamine เสริมการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกที่เสื่อมสภาพ และจัดการเซลล์ผิวที่ตายแล้วบนผิวชั้นนอก
- Sodium Hyaluronate, Glycerin และ Trehalose ช่วยปรับผิวให้เนียนนุ่ม เรียบลื่นและกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ ให้ความรู้สึกสบายผิวระหว่างใช้
- Witch Hazel ให้ผิวรู้สึกสะอาด และสดชื่น

เพราะบางทีการล้างหน้าที่เราคิดว่าสะอาดแล้ว อาจจะยังมีสิ่งตกค้างคงเหลือบนใบหน้า การใช้โทนเนอร์เช็ดอีกครั้ง จึงเป็นเหมือนการสครับผิว และทำความสะอาดในขั้นตอนสุดท้ายก่อนการบำรุงถัดไปนั่นเอง

สภาพผิวก่อนใช้ก็นี่เลยค่ะ มีสิวขึ้นประปราย หัวขาวบ้าง อุดตันหัวดำบ้าง แถมรอยสิวค่อนข้างเยอะ และหายช้าด้วย

Packaging : Toner ตัวนี้ตอนเปิดกล่องมา แอบตกใจเพราะขวดใหญ่มาก ไม่คิดว่าจะได้ไซส์ใหญ่สุดมาเลย ขนาด 400 ml. มาในขวดพลาสติกค่อนข้างแข็งแรงในระดับนึง มีรายละเอียดสกรีนบนขวดชัดเจน ตรงใต้ขวดสามารถลอกสติ๊กเกอร์เพื่อดูส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ได้ค่ะ เป็นฝาหมุนเปิดง่าย แต่ปากขวดค่อนข้างใหญ่มาก เวลาเทใช้ทีต้องระวัง ไม่งั้นอาจหกหมดได้ เราใช้วิธีเทแนบสำลี ทีละจุด ๆ ไปจนพอดีกับการใช้ค่ะ

เนื้อสัมผัส : เนื้อโลชั่นจะเป็นสีม่วงอ่อนใส ๆ ปราศจากน้ำมัน เบาสบาย ไม่เหนอะหนะผิว

กลิ่น : เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าผลิตภัณฑ์ของ Clinique ทุกตัวเป็น Fragrance-Free ไม่มีน้ำหอม แต่!!!! เปิดฝามากลิ่นแรกที่ออกมาคือ แอลกอฮอล์จ้ะแม่!! เคยใช้ตัวทดลองมาก่อนก็เลยรู้ดีว่ามันมีแอลกอฮอล์ แอบตัดคะแนนตรงนี้นิดนึว คือถ้ากลิ่นไม่แรงมากนี่จะเลิฟเลยล่ะ แต่จริง ๆ ส่วนตัวไม่ได้เป็นคนมีปัญหากับแอลกอฮอล์เท่าไหร่

ผลลัพธ์หลังการใช้ : เจอกลิ่นแอลกอฮอล์แรง ๆ ก็แอบกังวลใจนิดนึงว่าจะทำให้หน้าลอกกว่าเดิมไหม แต่พอได้ใช้จริงๆ ก็ไม่เกิดอาการแพ้ใด ๆ ไม่ทำให้หน้าลอก หรือแห้งกว่าเดิม ตอนเช็ดก็รู้สึกว่าผิวสดชื่น สบายผิวมากขึ้น แม้กลิ่นจะฉุนจนแสบจมูกมากก็ตาม

หลังใช้ 5 วัน สิวฮอร์โมนอักเสบที่ขึ้นบริเวณใต้คางดูยุบลง และแห้งขึ้น รวมถึงสิวประปรายบริเวณหน้าผาก และคาง ก็แห้งลงอย่างเห็นได้ชัด ปริมาณสิวหัวขาวก็ลดลง รู้สึกหน้าดูสะอาดขึ้น

หลังใช้ครบ 11 วัน รอยสิวต่างๆ แห้งลงมาก ลองลูบผิวหน้าดู สัมผัสได้ว่าเรียบขึ้นอย่างชัดเจน ไม่ค่อยสะดุดผิวแล้ว รูขุมขนสะอาดขึ้น การอุดตันน้อยลง ปริมาณรอยดำของสิวบนใบหน้าก็ดูน้อยลงแบบเห็นได้ชัดยิ่งขึ้น ผิวหน้าดูใสขึ้น เหมือนช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพออก รูขุมขนดูกระชับขึ้นเล็กน้อย .. คือถูกใจมากค่ะ <3 เพราะใบหน้าดูไบร์ท และเกลี้ยงขึ้นจริง ค่อนข้างพอใจมาก ๆ ในผลลัพธ์ที่ได้กับโทนเนอร์ตัวนี้ แถมหน้ามันน้อยลงด้วย

ความคุ้มค่า : ค่อนข้างคุ้มค่าเมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้ กับปริมาณ 400 ml. ในราคา 1,550 บาท (เฉลี่ย 3.875 บาท/ml.) เราว่าใช้ได้นานหลายเดือนอยู่นะคะ เวิร์คมากๆ กับการซื้อขวดใหญ่!

พิกัด : สามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ได้ตาม Counter Clinique ในห้างสรรพสินค้า โซน Beauty หรือถ้าช่วงนี้อยากห่างไกลโควิด แนะนำซื้อ Online ได้ที่เว็บไซต์โดยตรงเลยค่ะ

มีให้เลือกถึง 3 ไซส์ ขนาด 100 ml. 450 บาท / 200 ml. 1,000 บาท และ 400 ml. 1,550 บาท

ข้อดี
- ทำความสะอาดผิวได้ดี ช่วยในเรื่องการผลัดเซลล์ผิวที่ตาย หรือเสื่อมสภาพ
- อ่อนโยน ไม่เหนียวเหนอะหนะผิว ให้ความสบายผิวในการเช็ด ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน
- ให้รูขุมขนดูสะอาดขึ้น ผิวเรียบเนียนขึ้น สิวแห้งไวขึ้น

ข้อเสีย
- กลิ่นฉุนแอลกอฮอล์แรงมาก ใครที่แพ้แอลกอฮอล์ควรเลี่ยง
- ปากขวดกว้างไป ไม่มีจุกเล็กปิดอีกชั้นเพื่อเทในปริมาณเหมาะสม ต้องค่อย ๆ เท

รีวิวโทนเนอร์ CLINIQUE Clarifying Lotion เราได้รับสูตร 1.0 เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ผิวบอบบางใช้ได้เพราะว่า ตัวนี้เค้าไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ค่ะ

จริง ๆ แล้วเราเป็นคนผิวออกไปทางแห้งนะคะ แต่ด้วยช่วงนี้อากาศเปลี่ยน แถมหน้าเราก็เป็นอะไรง่ายก็ไม่รู้แพ้โน้นนี่นั่นไปหมดเลย ดีใจที่ได้มีโอกาสทดลองใช้โทนเนอร์สูตรนี้มากเลยค่า ^^ พูดถึงเรื่องแพคเกจก่อนเลย ขวดใหญ่จุใจมาก แต่เราไม่ค่อยชอบหัวด้านในเลย คือเปิดมาแล้วตกใจมาก แบบรูใหญ่เวอร์ เกือบเทพรวดออกมาแหนะ ตอนแรกแอบคิดว่าจะเป็นจุกแบบให้เหยาะได้สะอีก

เนื้อโทนเนอร์ เป็นน้ำเหลวใส บางเบา ไม่มีกลิ่น ไม่ฉุน สำหรับเรากลิ่นจะแปลก ๆ นิดนึง อาจจะเพราะเค้าไม่มีส่วนผสมของแอลด้วยแหละ เน้นอ่อนโยน แต่ตอนเช็ดที่หน้าก็ไม่ได้แย่นะ โอเคเลย ใช้คู่กับสำลีโทนเนอร์ ซึมไว ไม่เหนอะหนะ

ตัวนี้เด่นเรื่องช่วยผลัดเซลล์ แต่จะบอกว่าตอน 2-3 วันแรก มันดันสิวออกมาด้วยอ่ะ ตกใจมาก แบบเราจะแพ้อะไรที่อ่อนโยนแบบนี้ไม่ได้นะ 55555 แต่พอหลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ดีขึ้นค่ะ ยิ่งใช้คู่กับ iD ด้วยแล้วโอเคเลย

สรุปคือ หลังจากใช้ 10 วัน ก็รู้สึกว่าหน้าค่อย ๆ ดีขึ้น อาจจะไม่ได้เห็นผลเร็วมาก บวกกับช่วงแรกที่สิวขึ้น ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไร ต้องลองใช้ไปสักพักก็รู้สึกว่าไม่แย่นะคะ คิดว่าใช้ต่ออีกยาว ๆ ไปน่าจะเวิร์คมาก ๆ แต่ขอตัดคะแนนเรื่องแพคเกจนิดหน่อยละกันนะคะ ^^

เราใช้แล้วรู้สึกว่าผิวดูสะอาดขึ้นกว่าเดิม พอเช็ดแล้วเหมือนได้เช็คความสะอาดของผิวค่ะ และที่ชอบคือเช็คแล้วผิวไม่แห้งตึงค่ะ แต่ตัวนี้จะใส่แอลกอฮอล์แต่ผิวแพ้ง่ายแบบเราก็ไม่ได้แพ้ แม้ช่วงแรกที่ใช้จะค่อนข้างเป็นกังวลมาก และด้วยความที่ใส่แอลกอฮอล์เวลาใส่กลิ่นแน่นมากเราจึงใช้วิธีกั้นหายใจเวลาใช้ค่ะ (วิธีนี้ทำให้กลิ่นไม่ชึ้นจมูก ที่ทำแบบนี้เพราะส่วนใหญ่เราไม่ค่อยใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นเลยไม่ชินค่ะ)