Profile

ก่อนอื่นต้องขอบคุณ coemenet* มาก ๆ ที่มีอะไรดี ๆ งาม ๆ มาให้เราได้ทดลองใช้ตลอด สำหรับ CeraVe Facial Moisturizing Lotion PM ก็เช่นกัน เราถือว่าเป็นโลชั่นสำหรับผิวหน้าที่ดีงาม ราคาน่ารัก เหมาะกับทุกสภาพผิวจริง ๆ ยิ่งใครผิวแพ้ง่าย บอบบาง ตัวนี้เหมาะมาก ๆ

 

ส่วนตัวชอบตั้งแต่แพคเกจจิ้งที่มาในรูปแบบหลอดมีฝา พกพาง่าย ไม่หกเลอะเทอะ

 

ตัวหลอดเป็นฝาปั๊มแบบนี้ ซึ่งทำให้เราเห็นปริมาณที่เราจะใช้ต่อครั้งได้ชัดเจน เค้าแนะนำว่าแค่นี้ก็ทาหน้าได้โอเคแล้ว ซึ่งพอใช้จริงอาจจะขออีกสักปั๊ม เพราะเราชอบครีมที่ทาแล้วฉ๋ำ ๆ หน้าหน่อย แต่ตัวนี้ซึมซาบเร็ว ไม่เหนอะหนะ ซึ่งก็เหมาะกับการใช้ตอนเช้ามาก ๆ 

 

ผลลัพธ์ เนื่องจากเราใช้ตัวบำรุงผิวหน้าหลายตัว หน้าช่วงนี้เลยไม่ค่อยมีริ้วรอย รอยสิวก็ไม่ค่อยเห็น ไม่แน่ใจเพราะตัวนี้ด้วยหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ เลยคือรู้สึกว่าผิวอิ่มน้ำ แข็งแรง เป็นสิวก็หายไว คิดว่าก็คงมีส่วนด้วยโดยรวมเราโอเคกับหลอดนี้นะคะ ถ้ามีกระปุกใหญ่ ๆ ก็อาจจะสอบแหละ 

 

 

Melano CC Vitamin C Brightening Essence เป็นผลิตภัณฑ์ชื่อดังที่ ญป อยู่แล้ว พอมีกิจกรรมก็รีบลงชื่ออย่างไวเลย ขอบคุณ cosmenetนะคะ

บอกก่อนเลยว่าเราเคยใช้ melano cc ตัวนี้มาแล้ว ผลลัพธ์น่าพึงพอใจมากจริงๆเพราะว่าหน้าเราดูกระจ่างใสขึ้นรอยสิวที่ดำก็จางลง

สำหรับหลอดนี้เวลาที่ผลิตในประเทศไทยแต่ก็ยังคงความ เป็นวิตามินซีบริสุทธิ์ เข้มข้นมากๆ

แกะกล่องออกมาเราก็จะเจอแผ่นพับที่บอกวิธีการใช้งานเสร็จสรรพเรียบร้อย
สำหรับหลอด เป็นสีเงินดูดีเหมือนจะน้อยแต่ถึงจริงๆทานิดเดียวก็ใช้ได้ทั้งหน้าแล้วถือว่าค่อนข้างคุ้มเลยละ

ในส่วนของตัวเนื้อผลิตภัณฑ์จะเป็นเนื้อใสๆคล้ายๆกับจะเป็นน้ำมันแต่ไม่เหนอะหนะเฒ่า เวลาทาไปบนผิว รู้สึกว่าเขาจะมี ความ ร้อนนิดเ ๆ เวลาที่ทาลงไปบนผิวไม่ว่าจะผิวหน้าหรือหลังมือแต่ไม่ใช่ความรู้สึกแบบคันยุบยิบอะไรจากนั้นก็จะแห้งตามปกติค่ะ ใช้งานอย่างต่อเนื่องประมาณ 2-3 สัปดาห์เห็นผลชัดเจนเลยว่าผิวดูแข็งแรงขึ้น แลดูขาวกระจ่างใสขึ้นจริงๆ

ถ้าให้แนะนำหลอดนี้ทุกคนควรจะมีติดบ้านค่ะราคาไม่แพงมากใช้ได้นานประโยชน์ครอบจักรวาล ซื้อเถอะคุ้มจริงๆ

สำหรับผลิตภัณฑ์ CLINIQUE
Fresh Pressed™ Repair Clinical MD Multi-Dimensional Age Transformer Revolumize. ตัวนี้ก็เป็นอีกตัวนึงที่ทางแบรนด์ให้มาลองด้วยกัน ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ถ่านรูปด้วยกัน ขอใช้ภาพเดียวกันแล้วกันนะคะ ^^

สารภาพตามตรงเลยว่า ตัวนี้ตอนแรกเรารู้สึกไม่ค่อยสนใจ ผิวฟูอะไรแค่นี้ก็แก้มแน่นจะแย่อยู่แล้ว (;w;) แต่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้นค่ะเพราะว่าตัว Revolumize ตัวนี้เขาเหมือนจะเข้าไปเติมเต็มๆให้ผิวของเราที่ไม่ฟูเด้งกลับดูมีชีวิตชีวามากขึ้นซึ่งจริงๆก็เหมาะกับผิวของผู้หญิงวัย 30 + ที่บางทีอาจจะไม่ได้หย่อนคล้อยแต่ดูไม่สดใสเต่งตึงเท่าที่ควร

เนื้อครีมสูตร Volumize จะค่อนข้างหนักและมีเนื้อที่แน่นกว่าตัว Resculpt ที่เราทึ่งมากๆคือพอทาปุ๊บ แม้ว่าเนื้อจะดูหนักแต่ก็ซึมซาบเร็วมากๆเลย ทึ่งที่สองคือ พอทาเสร็จรู้สึกเลยค่ะว่าผิวมันดูเต็มๆ ซึ่งก็ทำให้หน้าเราดูสดใสขึ้นเลยแหละ

หลังจากมาระยะหนึ่ง เราว่าเราเหมาะกับตัวนี้มากกว่า Resculpt แต่เพื่อป้องกันการหย่อนคล้อยในอนาคต ก็ควรใช้คู่กัน หมดหลอดนี้อาจจะไปถอยกระปุกผิวฟูกับตัว duo ที่มีสองสูตรมาลองดูค่ะ

ก่อนอื่นเลยต้องขอบอกว่า ใช้ผลิตภัณฑ์ของ Clinique หลายตัวมาก ตั้งแต่ Toner ม้วง สบู่ก้อน โลชั่นเหลือง ,moist eye surge แล้วก็มาถึงวันที่ใช้ตัว Anti-aging แล้วค่ะ 55555 (เลข 5 มีน้ำตาซ่อนอยู่) ซึ่งพอมีกิจกรรมปุ๊บเราก็รีบไปรับที่เคาน์เตอร์มาเลยค่ะ


สำหรับภาพในการรีวิวของเราจะเป็นการรีวิวรวมทั้ง 2 ตัวแต่เขาพูดถึงทีละตัวแล้วกันเนาะ

เริ่มจาก Clinique Fresh Pressed™ Repair Clinical MD Multi-Dimensional Age Transformer Resculpt ก่อนเลย

เนื้อครีมของตัวนี้จะค่อนข้างเหลว เมื่อเทียบกับอีกตัวหนึ่ง เนื่องว่าเขาจะต้องเข้าไปทำการยกกระชับผิวเรา จึงจะต้องเป็นครีมที่ซึมซาบเร็ว ซึ่งเราชอบตรงที่ว่าลูบ ๆ ไปแป๊บเดียวก็ส่งเข้าไปในผิวหน้าแล้ว 

จากคำแนะนำของบีเอบอกว่า วิธีใช้ตัวนี้เราควรจะลูบไล้ให้ทั่วใบหน้า จากนั้นให้นวดวนเบาๆบริเวณที่เราต้องการยกกระชับผิวเป็นพิเศษ เช่น สันกราม ช่วงแก้ม ค่อยๆลูบไล้เป็นประจำ บริเวณผิวที่หย่อนคล้อยของเรากระชับขึ้น

หลังจากใช้มาสักพัก เราชอบตรงที่มันซึมซับเร็ว แล้วก็ไม่ทิ้งความเหนอะหนะไว้บนผิว แต่ตัวนี้สำหรับเราตัวเดียวอาจจะไม่ค่อยเห็นผลเท่าไหร่ เพราะไม่ค่อยมีปัญหาหย่อนคล้อย ให้เทียบกันเราชอบอีกตัวมากกว่าค่ะ

  เคยใช้  St.Ives อยู่หลายตัวตั้งแต่ที่มีแค่สครับพีชที่ขัดสิวหัวดำต่าง ๆ ปัจจุบันทั้งเปลี่ยนแพคเกจ มีขายทั้งครีมทั้งโฟมเห็นในโฆษณามีเป็นซองด้วย น่าใช้สุด พอมี
แจกก็รีีบร่วมกิจกรรมเลยค่ะ

เเละนี่คือสิ่งที่เราได้มาทดลองงง Smooth & Glowing Apricot สรรพคุณของ Apricot ช่วยให้ผิวนุ่ม โกลว์อย่างเป็นธรรมชาติ ทำความสะอาดล้ำลึก พร้อมบำรุงให้ความชุ่มชื้นกับผิวเพื่อผิวนุ่ม เนียน อะไรประมาณนั้น ส่วนตัวคิดว่าเรื่องทำให้ผิวดีขึ้นอาจต้องใช้้ควบคู่กับครีม เพราะที่รู้สึกได้ชัด ๆ จากการใช้งานมา 1 อาทิตย์คือ

- หอมมาก ชื่นใจสุด ๆ
- โฟมนิ่มมาก ขึ้นฟองง่ายมาก
- ล้างออกง่ายมาก
- ไม่ทำให้ผิวแห้งเอี๊ยดหลังการใช้
- หน้ามันช้าลง

โดยรวมชอบนะ ไว้จะไปซื้อครีมมาลองดู

เคยใช้ครีมรักษาสิวมาหลายยี่ห้อ Puricas Advanced Formula Anti-Acne Gel อันนี้ก็เป็นอีกยี่ห้อที่น่าใช้นะ

เนื้อครีมเค้าจะเป็นเจลๆ ตอนบีบออกมารู้สึกเหนียวๆหน่อยแต่พอทาจริงๆ ไม่ได้เหนอะขนาดนั้น ไม่มีกลิ่น ทาแล้วไม่แสบผิว ไม่ระคายเคือง ที่ชอบคือทำให้หัวสิวยุบและไม่ทำให้ผิวตรงหัวสิวแห้งลอกเหมือนยี่ห้ออื่น

หักคะแนนที่ราคาสูงไปนิดค่่่ะะ

เป็นเซรั่มที่เนื้อบางเบาๆและ ซึมซาบได้ดีมากๆ
ตัวขวดของเขาเป็นพลาสติกนะคะแต่ว่าดูแข็งแรงมากเลย ตัวที่ดูดเนื้อเซรั่มเป็นหลอดดรอปเปอร์คล้าย ๆ พวกยา แต่เราว่ามันเก๋ดี ทำให้ปรับปริมาณการใช้งานได้เหมาะสมด้วย

เนื้อสัมผัสของ Village 11 Factory Collagen Ampoule จะเป็นเนื้อใส ๆ เกลี่ยง่าย ซึมไวดีค่ะ มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ กำลังดี

ในส่วนของผลลัพธ์ในการใช้ ใน 2-3 วันแรกไม่ค่อยรู้สึกอะไรแต่พอสักวันที่ 3 วันที่ 4 เรารู้สึกว่าหน้าเราเด้งขึ้น เนียนขึ้น พอดูสรรพคุณหนึ่งรู้ว่าตัวนี้มันมีคอลลาเจนเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว รู้สึกไม่ค่อยคันยิบยิบหน้าเวลาอยู่ในห้องแอร์เหมือนแต่ก่อน ที่จริงช่วงนี้ก็ใช้ตัวบำรุงประมาณนี้เยอะเหมือนกันเลยคิดว่ามันน่าจะเสริมกัน

ในส่วนของราคา เมื่อเปรียบเทียบกับประสิทธิภาพก็ถือว่าคุ้มนะ น่าลองค่ะแบรนด์นี้

Ponds Age Miracle Ultimate Youth Essence ตัวนี้ ถ้าดูตามวิธีการใช้ ก็เป็นการเตรียมผิวหรือพรีเซรั่ม  เราเองก็เคยใช้พวกตัวที่ลงก่อนบำรุงผิวมาบ้างหลายยี่ห้อ ตัวนี้จะว่าเหมือนตัวอื่นก็เหมือน แต่ก็ต่างเยอะเหมือนกัน

 ขอบคุณ cosmenet และ  Clinique มากๆเลยนะคะที่จัดกิจกรรมแบบนี้ ทำให้เราได้มีโอกาสทดลองมอยซ์เจอร์ไรเซอร์แบบที่เราสามารถเลือกสูตรให้เหมาะกับตัวเองได้จริงๆตัว

Clinique moisturizer เราเองเคยใช้มานานแล้วตั้งแต่สมัยที่มันยังไม่มีตัว Booster ที่เป็นสีเป็นครีมสีเหลืองอย่างเดียว รุ่นนั้นจำได้ว่าเนื้อเขาจะหนืดนิดนึงแต่ก็ซึมซาบได้ดี

คราวนี้เค้าปรับใหม่ภายใต้ชื่อ Clinique ID ตอนไปที่เคาน์เตอร์  น้องบีเอเค้าก็ช่วยดูว่าผิวเราควรจะใช้เบสของ moisturizer ตัวไหนดี น้องเขาก็แนะนำตัวที่เป็นเนื้อสีเหลือง สำหรับผอวผสม ในส่วนปัญหาผิวที่เจอของเราช่วงนี้คือรู้สึกผิวเหนื่อยล้าง่ายๆทั้งๆที่บำรุงปกติ แต่น้องเขาก็บอกว่าอาจจะต้องการความชุ่มชื้นที่มากกว่าเดิมเพราะช่วงนี้ทำงานในห้องแอร์์์ตั้งแต่เช้าจนเย็นกลับห้องมาก็อยู่แต่ในห้องแอร์ น้องจึงแนะนำสูตรสีส้มที่่ให้ผลลัพธ์ด้านการฟื้นฟูผิวเหนื่อยล้ามาให้ค่ะ 

ถึงบ้านปุ๊บก็อาบน้ำล้างหน้า ลองทา Clinique ID ทันที (´)/

สิ่งที่แตกต่างจากมอยซ์เจอไรเซอร์ตัวเดิมคือ เนื้อเค้าซึมง่ายกว่าเดิมอีก ไม่ได้ทิ้งความมันหรือเหนอะไว้บนผิว แต่ทำให้เรารู้สึกว่าเนื้อผลิตภัณฑ์ยึดเกาะอยู่ภายในผิว ตรงนี้คือชอบฟีลลิ่งมากกกก

วิธีใช้ในวีดีโอก็แนะนำชัดเจนว่าให้เอาบูสเตอร์ใส่ลงไปแล้วก็กดมันจะไปผสมเนื้อกันเอง แต่ว่าในซองมันต้องบี้และให้มันไปผสมกันก่อนค่อยฉีกซองออกมา ทุลักทุเลนิดหน่อยแต่ไม่ว่ากันค่ะ ^^;

หลายคนไม่ชอบเพราะครีมไม่ค่อยหอม ส่วนตัวเราโอเคมากกับตัวนี้ กลิ่นไม่ได้เป็นปัญหาอะไร อาจเป็นเพราะผลิตภัณฑ์เค้าไม่ได้หอมน้ำหอมมากนักอยู่แล้วทุกตัว ก็ตามคอนเสปต์แบรนด์เค้าค่ะ


ทดลองใช้มา 2 วันโอเคนะคะ รู้สึกตื่นมาผิวอิ่มๆขึ้นแล้วก็ ดูไม่ค่อยแห้งเท่าไหร่ ทาแป้งติดง่ายขึ้น เสียดายที่มาแค่ 2 ซอง ถ้าแจกให้ใช้กัน 5 วันอาจจะเห็นผลชัดเจนกว่านี้ อีกแต่ไม่เป็นไรค่ะ อาจจะไปใส่ของจริงมาเร็วๆนี้แหละ ;)

เป็นโลชั่นที่เหนือซึมซาบไวดี ทาแรกๆ  ติดขนขาแต่พอทิ้งไว้ให้แห้ง ก็ไม่เหนียวแล้ว ชอบกลิ่นออกส้มๆสดชื่น  แต่ไม่ได้เย็นนะ เหมาะสำหรับอาบน้ำเสร็จนั่งห้องแอร์เย็นๆลมพัดพัดแล้วก็ทา ที่จริงถ้ากันแดดได้ด้วยจะดีมากเลยเพราะมันทาง่ายมาก

สบู่นกแก้วที่เรารู้จักกันดีมาคราวนี้ เขาเป็นสบู่เหลว หน้าตาน่าใช้ Parrot Natural Filler Hyaluron ที่เราได้มาตัวนี้เป็นกลิ่นพีโอนี ขวดสีชมพูน่ารัก ขนาดกำลังใช้ 200 ml

สรรพคุณ - เป็นสบู่ที่มีส่วนผสมของไมเซล่า ช่วยทำความสะอาดผิวได้ล้ำลึกเหมือนดีท็อกซ์ผิว พร้อมทั้งไฮยาลูรอนเติมให้ผิวเด้งเต่งตึง  ฟังดูน่าใช้ พลังใช้จริง

ใช้จริง - อาจจะเป็นเพราะเราคาดหวังสูง คิดว่าเขาจะมาเป็นโฟมนุ่มๆปรากฏว่าถึงเวลาฟองน้อยกว่าที่คิด แต่ก็ดี ที่เมื่อล้างน้ำออกแล้วผิวเราไม่แห้งไม่ตึงเหมือนยังมีความชุ่มชื้นแต่ก็ยังรู้สึกสะอาด ซึ่งก็ถือว่าโอเคดี

ในส่วนของไมเซร่านั้นไฮยารููลอนต่างๆ บอกตามตรงว่าเราไม่ค่อยรู้สึกอะไร รู้สึก อย่างเดียวคือกลิ่นค่อนข้างแรง อาบไปอาบมา มึนกลิ่นซะอย่างนั้น ^^; ถ้าคนชอบกลิ่นแนวนี้ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร ไปลองดมพวกสีฟ้าและสีม่วงกลิ่นจะเบากว่าตัวสีชมพูนะ  แต่ถ้าไม่คิดอะไรมาก ถือซะว่าอาบไปแป๊บนึงกินเค้าก็จางแล้ว(ฮา)

สรุป -  ไม่ได้ประทับใจอะไรมาก มีให้ใช้ก็สามารถใช้ได้ไม่ติดอะไร อาจจะเป็นเพราะเราชอบสบู่ที่เนื้อใส ๆ มากกว่าก็ได้มั้ง 5555 ของแบบนี้ต้องไปลองเองค่ะ

เป็นยาทาสิวถูกและดีที่ควรมีติดบ้าน คู่ใจคนเป็นสิวเลยค่ะ หลอดนี้เป็นหลอดที่ 4 แล้ว เราเองก็เคยใช้ตัว moisturizer ของเขา ส่วนตัวคิดว่า ก็ ok ดีนะ คือถ้าเป็นสิวไม่ได้รุนแรงมาก หัวยังไม่เป็นหนอง เป็นแค่ตุ่มแดงๆหรือเริ่มรู้สึกว่ามันจะขึ้น เอาตัวนี้โปะก่อนนอน ตื่นเช้ามามันก็จะไม่แดงเท่าเก่าไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร่ บางทีก็ไม่ขึ้นอีกเลย แต่ถ้าเกิดว่าสิวรุนแรงตัวนี้ก็จะไม่ค่อยเหมาะนะ ไปหาหมอหรือทายาตัวอื่นดีกว่า

ที่ชอบอีกอย่างนึงคือตัวนี้ทาแล้วซึมค่อนข้างไว ทาก่อนนอนมันก็ไม่เลอะติดหมอน ก่อนแต่งหน้าทาเสร็จแล้วทิ้งไว้นิดนึง สามารถลงแป้งต่อได้เลย ค่อนข้างประทับใจ

ข้อเสียอย่างหนึ่งที่มีคือมันรักษาสิวที่หัวหนองไม่ได้ (อันนี้รู้กันอยู่แล้ว) แล้วก็ กลิ่นยามากกก ถ้าเกิดเป็นสิวบริเวณจมูกแล้วทา กลิ่นจะค่อนข้างติดจมูกเลยทีเดียว แต่โดยรวมก็ชอบค่ะ ราคาไม่แพงดี แล้วก็เห็นผลด้วยสำหรับเรา

 neutrogena   rapid  wrinkle  repair เป็นครีมบำรุงผิวที่เพิ่มความชุ่มชื้นได้รู้สึกเลยทันทีตั้งแต่ทางครั้งแรกเพราะเนื้อของนางเข้มข้นมาก

กระปุกของเขาจะค่อนข้างหนัก เปิดมามีเนื้อครีมเต็มๆ เรารู้สึกว่าเนื้้อจะคล้ายๆเนยอยู่นะ

ตอนปาดลงไปบนผิว รู้สึกว่าต้องนวดเยอะกว่าทาครีมตัวอื่นๆแต่พอมันเริ่มซึมดี ตอนนี้แหละถึงรู้สึกว่า เฮ้ยผิวมันเหมือนจะอิ่มๆ เด้งๆ ขึ้นเลยนะ

ในเรื่องของริ้วรอย ด้วยความที่เราไม่ได้มีเยอะมาก เลยยังมองไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่ แต่เรื่องความอิ่มเห็นชัดจริงๆ


ข้อเสียข้อนึงคือกาวตรงก้นกระป๋องติดเหนียวมาก ไม่รู้ว่าล้อไม่รู้ว่าล็อตอื่นๆจะเป็นแบบนี้ไหม ขัดใจอย่างเดียวเท่านั้นแหละ 

โดยสรุปก็เป็นครีมบำรุงผิว ที่น่าใช้กระปุกนึง ชอบมีโปรบ่อยๆ ก็อาจจะได้สอยมาลองใช้เองบ้าง

4.7/5

โฟมล้างหน้าพี่แทยอนนนนนนนนนน เป็นชื่อที่เราใช้เรียกโฟมหลอดนี้ค่ะ เพราะแทยอนเป็นพรีเซนเตอร์ 55555

สำหรับ Banila Co Clean it Zero Foam Cleanser เค้าเคลมว่าเป็นเจลทำความสะอาดผิวหน้าที่จะเปลี่ยนเป็นโฟม ช่วยทำความสะอาดผิวได้นุ่มนวล ชุ่มชื่นพร้อมบำรุงผิวจากสมุนไพรต่าง ๆ

จริง ๆ พอบีบออกมาแล้วถูกับหน้าเราแอบรู้สึกว่าไม่ขึ้นฟองนะ แต่ถ้าใช้ตาข่ายตี ฟองเค้าจะนุ่มเนียนกับหน้ามาก ๆ ทำความสะอาดผิวหน้าได้ดีเลย คือพอล้างน้ำจะไม่เอี๊ยด ๆ ด้วย หน้าจะนุ่ม ๆ หยุ่น ๆ กลิ่นหอมน่ารักดี เป็นไอเทมที่ถ้าแวะไปชอปแบรนด์นี้ซื้อติดไว้ก็ไม่เลวนะ 

เราว่าหลายคนต้องเคยผ่านกันแดด KA กันมาบ้างแหละ ตัวนี้เราใช้เมื่อนานมากแล้ว สมัยที่เรียนรุ้ว่าต้องใช้กันแดด KA ก็จะเป็นยี่ห้อที่หยิบมาใช้ตัวแรก ๆ แต่เดี๋ยวนี้มีตัวเลือกมากขึ้นเราเลยลองใช้ตัวอื่นและเปรียบเทียบได้ เรื่องประสิทธิภาพกันแดดเราไม่ได้วัดผลชัดเจนแต่ก็รู้ว่าเค้าปกป้องแสงแดดได้ระดับหนึ่งอยู่แล้ว แต่กลิ่นที่มีความเป็นครีมกันแดดที่ให้ความรู้สึกว่าเป็นกันแด๊ดกันแดดเนื้อหนัก ๆ  แม้จะซึมซาบได้ดี แต่มันมีความรู้สึกเหมือนมีน้ำมันเบา ๆ เคลือบผิว ทำให้กันแดด KA ไม่ค่อยประทับใจเราเท่าที่ควรค่ะ

ถ้าใครไม่ได้ซีเรียสเรื่องกลิ่นกับความรู้สึกเหนอะ ๆ หนืด ๆ (เดี๋ยวนี้หลาย ๆ ยี่ห้อทาแล้วซึมทันที เบาสบายผิวหน้ามาก ๆ น่ะนะ) KA ก็ยังเป็นโปรดักส์ที่คุณภาพดี และราคาโอเคสบายกระเป๋า ส่วนตัวพอกลับมาใช้ใหม่ก็ติดแค่เรื่องกลิ่นกับความมันเหนอะนิดนึงนั่นแหละ เรื่องอาการแพ้ แสบผิว อะไรพวกนี้ก็ไม่มีนะ เอาเป็นว่าถ้าสำหรับเรา เค้ายังไม่ใช่ที่สุดค่ะ 

สำหรับ Ponds Instabright ToneUp Milk Cream ตัวนี้ เปลี่ยนความรู้สึกของเรากับแบรนด์ Pond's ไปเลยค่ะ

คือนางเป็นครีมเนื้อเนียน ๆ นุ่ม ๆ กลิ่นหอมนม ๆ แต่ไม่ฉุนมากนะคะ เว้นแต่ไม่ชอบน้ำหอมก็ไม่ควรใช้เนอะ

ทาแล้วให้ผิวขาวเนียนขึ้นจริง แต่ไม่ได้ปกปิดอะไรมากนะคะ

เด็ก ๆ อาจจะชอบ เพราะมีความเป็นแป้งสูงมาก แต่ถ้าผิวผู้ใหญ่หน่อยอาจจะทาแล้วไม่เห็นผลอะไรเท่าไหร่ค่ะ มีก็ได้ ไม่มีก็ไม่ซีๆ 55555

Senka Perfect Whip Collagen in หลอดสีชมพู เป็นตัวใหม่ในตระกูล Perfect Whip ค่ะ

เราว่าเนื้อครีมเค้าแอบนิ่มและมีกลิ่นที่หอมกว่ารุ่นเก่านะ (ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า 5555)

ตัวเนื้อพอโดนน้ำ เกลี่ย ๆ ไปแล้วรู้สึกลื่น ๆ กว่าอันเก่า เหมือนมันซอกซอน น่าจะทำความสะอาดได้ดีกว่ารุ่นสีฟ้านะ

พอล้างน้ำ สัมผัสบนผิวดูนิ่มขึ้นกว่าเดิม ไม่เอี๊ยด เป็นคุณสมบัติที่เราว่าน่าสนใจค่ะ

สรุปคือ น่าลองอยู่นะ

Senka Perfect Whip วิปโฟมหลอดสีฟ้า ต้นตำรับจาก Senka อย่างที่รู้กันคือตัวนี้ตีฟองวิปโฟมได้ง่าย แต่โฟมอาจไม่นุ่มมากเท่าไหร่ (ถ้าเทียบกับบางยี่ห้อ) ไม่ชอบอย่างนึงคือ ล้างหน้าแล้วแอบเอี๊ยด ๆ หน้าแห้งด้วย ซึ่งส่วนตัวเราชอบแบบเจล หรือสูตรอื่นมากกว่าค่ะ ^^''

ใช้สี 308 ค่ะ ดูไม่ค่อยมีสี ไม่กลบสีปาก เหมือนเน้นความวาวๆมากกว่า แต่ข้อดีคือนางไม่เหนอะปากค่ะ ทำให้ปากนุ่ม ดูชุ่มชื้น โดนผมไม่เหนียวค่ะ เหมาะไว้ทอปให้ดูแวววาว ใครชอบพิกเมนต์แน่นๆ เลือกสีอื่นเอานะจ๊ะ

ที่จริงก็เพิ่งใช้เป็นครั้งแรก เเต่ชอบความหยุ่นของเนื้อเจลมากๆ กลิ่นหอมสไตล์ Aqua Marine เข้าใจว่าน่าจะเป็นสารสกัดจากทะเลอะไรแบบนี้มั้ง ความรู้สึกแรกคือเนื้อเจลมันน่าเล่นจังเลย แตะนิดเดียว ก็ทาได้ทั่วทั้งหน้าแล้ว อย่างที่ชมไปแล้วว่ากลิ่นดีมากๆ ผ่อนคลายสุดๆ ปาดไปบนหน้าเนื้อเจลมันลื่นปรื้ดแต่ก็เกาะกับผิว รู้สึกเลยว่าผิวดูเด้งแล้วก็ฉ่ำมากๆทันทีที่ใช้ โดยรวมคือ ประทับใจตั้งแต่คืนแรกเลยค่ะ ตอนนี้เพิ่งใช้คืนแรกยังไม่แน่ใจเท่าไหร่เรื่องผลลัพธ์ แต่รู้แน่ๆว่ากลิ่นแบบนี้เนี่ยหลับสบายแน่นอนค่ะ ถ้าราคาไม่แรงก็อาจจะมีกระปุกต่อไป แต่ถ้าผลลัพธ์ระยะยาวดีจริงๆก็อาจจะมีกระปุกต่อไปเหมือนกัน

ตัวนี้เนื้อหนืด พอลูบบนผิวนี่เหมือนจะเหนอะแต่ปรากฎว่าไม่ได้เหนอะอย่างที่คิด เค้าซึมเข้าผิวแล้วก็ติดขนนิดเดียว พอแห้งผิวตรงที่ทาแอบเย็น ๆ ดีนะ ชอบอีกอย่างคือไม่ว่อก แล้วก็ไม่ทำให้ผิวแห้งเท่าไหร่ หักคะแนนเรื่องกลิ่นเพราะมีกลิ่นกันแดดชัดเจนมาก

เนื้อของตัวนี้ ป็นเนื้อออกเอสเซนส์บางเบาเหมาะสำหรับใช้งานทั่วไปเลย ดีตรงที่ทาแล้วซึมแห้งไปกับผิวเลย ไม่เหนอะหนะ โดนน้ำโดนเหงื่อไม่ละลาย แล้วก็ไม่ได้ทำให้คันยิบ ๆ หลังจากไปออกแดด แต่ข้อเสียคือถ้าอยู่ในห้องแอร์นี่ผิวแห้งเลยค่ะ แพคเกจจิ้งเป็นพลาสติก บีบหลอดแล้วพุ่ง ออกมาเยอะไป กะยากนิดหน่อย ตัวนี้สูตรเก่าไม่ประทับใจกลิ่น สูตรใหม่ก็เหมือนเดิม หักคะแนนกลิ่นเลย แอลกอฮออล์มากกกกกกกกกกกกกก ราคาสูงเหมือนกัน แต่ถ้าตัดเรื่องกลิ่นและอื่น ๆ ออกไป ก็โอเคดี

เห็นดราม่าของลิปรุ่นนี้หลาย ๆ ที่ ก็เลยอยากมาทดสอบบ้าง เรามีสี 05/10/15 คิดว่าเป็นเพราะสีปากของเราที่มันเข้มนิดนึงอยู่แล้ว แต่พื้นปากออกแดง มันเลยทำให้ปากสีถ้าชมพู นวล ๆ มาก แบบสี 10 เราเลยตายไปเลยจ้า ในขณะที่สี 5 ที่หลายคนบอกว่าอาจจะป่วย เรากลับทาได้ เหมือนแค่ทำให้นู้ด ๆ แค่นั้นเอง ส่วน 15 นี่ทำให้สีปากเราชัดเจนมาก ดูจากรูปได้เลย รูปแรก 05 / 10 / 15 ตามลำดับครัช สิ่งที่ชอบคือสีติดทน มีหลากหลายสี แล้วก็ทาง่ายมาก ๆ ราคาน่ารัก โปรบ่อย สิ่งที่ไม่ชอบ ทาเช้าพอเย็นจะเหนียวปากมากจ้า ล้างยากนิดหน่อย แต่โอเคนะ ก็คงจะซื้อต่อเรื่อยๆ จ้ะ

ด้วยความที่เรารู้สึกว่าการ์นิเย่มันจะค่อนข้างเด็กๆ แบบเป็นครีมเนื้อแป้งๆ วอกๆ แต่ปรากฏว่าหลอดนี้ทำให้หน้าสว่างได้จริงแบบไม่วอกจ้า เราลงก่อนทากันแดด แล้วก็ปัดแป้งฝุ่นทับ อยู่เลย! ตอนแรกทามันจะวอกนิดนึง แต่พอทิ้งไว้สักพักก็กลมกลืนกับผิว ทากันแดดทับก็หน้าไม่ลอยด้วยแต่ถ้าผิวคล้ำอาจจะต้องใช้น้อยหน่อย ไม่งั้นก็จะแอบเทา ส่วนตัวใช้มายังไม่มีปัญหาอะไร วันไหนใช้ก็จะมีคนทักว่าหน้าแอบขาวขึ้นอะไรอย่างนี้ ข้อเสียอย่างเดียวคือลมในหลอดเยอะมาก บีบออกมาทีนึง มันเหมือนจะเยอะเกินไปทุกที แต่โดยรวมก็ชอบนะราคาไม่สูงมากด้วย

สีสดชัดมากกก เขียนง่ายด้วย ชอบที่ติดทนแต่ไม่แห้ง กลบสีผิวได้มิดมาก ทาตอนไปเที่ยวปากเด้งแน่ๆ 5555

เป็นการล้างหน้าแบบไร้สีไร้กลิ่นไร้ฟองอย่างสิ้นเชิง แปลกดี 5555 ปกติใช้พวกไม่มีฟองมาก่อนบ้าง แต่ตัวนี้คือไม่มีกระทั่งความรู้สึกของการเป็นสบู่ แค่ลื่น ๆ เหนียวๆ พอล้างหน้าออกกลับนิ่มและรู้สึกชุ่มชื่น ตอนแรกไม่แน่ใจว่ามันสะอาดไหม แต่พอมาเช็ดด้วย cleansing อีกรอบก็ไม่มีอะไรออกมานะคะ เลยคิดว่าน่าจะโอเคแหละ เรื่องสิวยังไม่รู้สึกชัดเจน แต่คิดว่าน่าจะอ่อนโยนดี เลยคิดว่าน่าจะซื้อต่อแหละ นาน ๆ ที จะเจอ cleansing ที่ให้ความรู้สึกใสบริสุทธิ์อย่างนี้ :)

เป็นกันแดดที่ยอมพกไปต่างประเทศค่ะ เพราะมันซึมเร็วมาก แอบติดขนแขนนิดหน่อยแต่พอซึมหมดก็ไม่มีปัญหา ไม่มีกลิ่นกันแดดกวนใจ ไม่ติดเสื้อผ้า แต่ประสิทธิภาพการกันแดดยังไม่แน่ใจเพราะทาแล้วใส่กันหนาวตลอด 55555 โดยรวมชอบมากกว่าตัวอื่นๆ ของนีเวียนะ

คงเอกลักษณ์ของครีมกันแดดนีเวียเอาไว้เกือบทุกอย่าง ส่วนตัวแล้วจะไม่ค่อยชอบกลิ่นของครีมกันแดดจากนีเวียค่ะ ซึ่งตัวนี้ก็หนีไม่พ้นความจริงข้อนี้ =*= สิ่งเดียวที่แตกต่างจากกันแดดตัวอื่นคือตัวนี้ซึมเร็วเกลี่ยง่าย ลูบบนผิวแล้วซึมเลยค่ะ แต่ซึมแบบทิ้งความเหนอะไว้บนผิวนะ (ติดมือด้วย T_T) ที่แปลกอีกอย่างคือ พอทิ้งไว้สักพักผิวตรงที่ทาก็ดูแห้ง เนียน ดูขาวขึ้น แต่ยังคงความเหนอะไว้นะคะ สรุปแล้วยังไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ รู้สึกว่ามีตัวอื่นที่ทาง่ายกว่านี้ไม่ทำให้ผิวเหนอะด้วย อาจจะไม่ซื้อต่อค่ะ ขอโทษด้วยนะคะนีเวีย (•̩̩̩̩＿•̩̩̩̩)

ไม่ชอบแค่กลิ่นอย่างเดียว นอกนั้นโอเคหมดเลย นี่ทาตั้งแต่เที่ยงผิวยังเนียนอยู่ สว่างดี ไม่เป็นคราบ แต่ถ้าคนหน้าแห้งอาจจะต้องใช้พวกตัวฉ่ำๆทาก่อนก็ได้มั้ง พอดีเราหน้ามันเลยใช้ได้ดี ซับระหว่างวันก็ไม่โบ๊ะ

เพราะเสียงลือเสียงเล่าอ้างของน้ำตบแพลงก์ตอนของ BIOTHERM เขาโด่งดังจนอดไม่ได้ที่จะแอบไปด้อม ๆ มอง ๆ ที่เคาท์เตอร์ อยากลองซื้อใช้ แต่ก็ต้องพับโครงการไปหลายต่อหลายครั้งเพราะใจไม่ถึงที่จะจับจ่าย TwT พอทางเว็บไซต์ cosme*net ร่วมกับ BIOTHERM จัดกิจกรรมแจกฟรี ท้าประลองความมหัศจรรย์ของน้ำตบ BIOTHERM Life Plankton™ Essence พร้อมแฮชแท็กเก๋ ๆ #8daystobelieve ยั่วเย้าให้เราพิสูจน์ว่า หน้าเด้งเด็กลงได้ใน 8 วัน มันทำได้จริงหรือไม่ ดิฉันก็พุ่งไปยังพารากอนทันทีเพื่อขอเทสเตอร์มาทดลอง ตอนแรกก็คิดว่าจะมาเป็นซองเล็ก ๆ โอ้ว ไม่ใช่ค่ะ นางมาเป็นคัมภีร์แผ่นพับ พร้อมวิธีการใช้งานอย่างละเอียด รวมถึงคุณสมบัติต่าง ๆ ของน้ำตบแพลงก์ตอนตัวดังของแบรนด์ หลังจากศึกษาแผ่นพับจนถ่องแท้ก็จับใจความได้ว่านางเป็น น้ำตบเนื้อ Essence เพื่อบำรุงผิวในขั้นแรกหลังจากทำความสะอาดในแต่ละวัน ถ้าจะได้ผลดีสูงสุดต้องนวดตามวีดีโอในรายละเอียดผลิตภัณฑ์ด้านบน แล้วหน้าเราจะใสเด้งดูอ่อนเยาว์ภายใน 8 วัน!! ลืมบอกไปว่า ขนาดทดลองที่เราได้รับเค้าจะอยู่ในซองและแปะในแผ่นพับแต่ละหน้า บรรจุซองละ 1 ml. ค่ะ เราเองก็แอบสงสัยว่ามันจะเยอะแค่ไหนเชียว เลยแกะใส่กระปุกใส ๆ แล้วลองใช้ดู เออ มันพอดีใช้ทั้งหน้าเลยแฮะ แล้วที่สำคัญทางแบรนด์ก็ให้มาทั้งสิ้น 8 ซอง ครบตามคำท้าพอดีเลยยย และแล้วก็มาถึงช่วงเวลาทดลองงงงงง หลังจากฉีกซองและเทลงกระปุกใส เราสังเกตได้อย่างหนึ่งว่า เนื้อของ BIOTHERM Life Plankton™ Essence เนี่ย เค้าจะไม่ใช่น้ำใส ๆ แล้วหนืด ๆ แบบเอสเซนส์ตัวอื่นที่เราใช้อยู่ ตอนแรกเราก็รู้สึกว่าตอนเห็นในกระปุกเค้าดูเหนียวนิดหน่อย แต่พอทากับผิวบริเวณมือที่มีรูขุมขน กลับซึมได้รวดเร็วคล้ายกับ water lotion หรือ pre essence บางตัว ซึ่งการซึมซาบเร็วนี่แหละเป็นคุณสมบัติที่เราชอบมาก ๆ ในสกินแคร์ ประทับใจให้ดาวดวงที่หนึ่งไปเรียบร้อย มาถึงเรื่องผิวสัมผัสของเนื้อผลิตภัณฑ์บนผิวหน้าบ้าง เรามีผิวหน้ามันและขาดน้ำภายในนะคะ ช่วงนี้ใบหน้าเราขรุขระ อาจจะเพราะความเครียดและใกล้ประจำเดือนมา เลยทำให้ผิวไม่เรียบเนียนเท่าที่ควร มีความมันและหมองคล้ำเฉพาะจุด ทำให้พักนี้เราแทบไม่ได้ทาพวก foundation หรือแป้งจริงจังอะไรเท่าไหร่ เพราะต้องการให้ใบหน้าได้พักบ้าง เวลาตอนเช้าก็ใช้แค่บำรุงและกันแดด ตบแป้งเล็กน้อยเพื่อลดความมันเท่านั้น อย่างที่บอกไปว่าตัวนี้เขาจะมีเนื้อสัมผัสที่ดูเหมือนจะเหนียว แต่จริง ๆ เขาซึมซาบเร็ว ทันทีที่ปาดบนหน้าก็ตามนั้นเลยค่ะ เค้าค่อย ๆ ซึมและไม่ทิ้งความเหนอะหนะไว้บนหน้าของเราเลยแม้แต่น้อย ซึ่งวิธีใช้ของเราก็ไม่ได้ตั้งอกตั้งใจนวดเท่าไหร่ (ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะคะ..TwT) แค่ลูบ ๆ บนหน้าให้ทั่วแล้วเอาฝ่ามืออัง ๆ แนบ ๆ ก่อนจะดันผิวขึ้นเพื่อป้องกันความหย่อนคล้อยเท่านั้น ใช้วันแรกในเรื่องความเปลี่ยนแปลงของผิวก็ไม่ได้เห็นอะไรชัดเจนนะคะ นอนก่อนเนอะ 5555555 เรื่องดี ๆ เกิดขึ้นในวันที่ 3 ค่ะท่านผู้ชม!! จำได้ว่าเป็นวันจันทร์ ตื่นมาตอนเช้ารีบมากเลยทำได้แค่ทากันแดด แต่วันนั้นทั้งวันเราหน้าแทบไม่ต้องซับมันเลย พอกลับมาถ่ายรูปถึงเห็นว่ารูขุมขนดูจางและเล็กลง ผิวหน้าดูกระจ่างใสขึ้น ทั้ง ๆ ที่เข้านอนเวลาเดิม และบำรุงด้วย Moisturizing Cream ต่อจากการใช้ตัว BIOTHERM Life Plankton™ Essence เท่านั้นเอง จากภาพที่เราเก็บในวันที่ 1,3,5 อีกสิ่งหนึ่งที่เราสังเกตได้ชัดมาก ๆ คือ ผิวของเราดูยืดหยุ่นดี ไม่มีรอยยับหรือรอยด่างดำ ส่วนที่ขรุขระก็ดูเหมือนจะลดลงด้วย ไม่แน่ใจว่าเพราะแสงหรือเปล่า แต่ตอนเอามือลูบ ๆ ผิว เรารู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ ผลการใช้งาน BIOTHERM Life Plankton™ Essence จนครบ 8 วัน เราสามารถสรุปได้ดังนี้ค่ะ - ผิวแลดูเรียบเนียนขึ้น - ผิวสัมผัสของใบหน้านุ่ม ยืดหยุ่น - ใบหน้ามันช้าลง ดูไม่หมองคล้ำ - รูขุมขนดูเล็กลง - รู้สึกได้ว่าผิวดูกระจ่างใสขึ้น ใบหน้าดูเกลี้ยงเกลา - สิวบริเวณใต้คางที่มักจะขึ้นบ่อย ๆ ลดปริมาณลง - ให้ความรู้สึกใบหน้ากระชับขึ้น ถึงตรงนี้เราก็ให้ดาวไปอีก 3 ดาวนะคะ รวม ๆ กันไป ^^;; ใจจริงก็แอบอยากจะให้เต็มหรอก แต่ขออนุญาตหักคะแนนในเรื่องของกลิ่นที่ติดจะ marine scent นิดๆ >< บางคนคงชอบแต่เราไม่ค่อยถูกกลับกลิ่นแนว ๆ นี้ค่ะ รวมถึงปัจจัยด้านราคาที่ค่อนข้างสูง แหะ ๆ แต่เอาจริง ๆ ถ้าเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้ มันก็ไม่ได้แพงมากไปสักเท่าไหร่หรอกเนอะ XD ถ้าถามว่าชอบไหม ก็ตอบว่าชอบมากค่ะ เข้าใจแล้วว่าทำไมนางถึงเป็นน้ำตบในดวงใจของใครหลาย ๆ คน แต่ถ้าจะซื้อหรือไม่ จากเมื่อก่อนที่เคยบอกว่าคงไม่ซื้อ ตอนนี้ก็เริ่มลังเลนิด ๆ ละ ;____; แต่ของดีจริงน่ะเนอะ ใจกล้า ๆ ไม่แน่สิ้นเดือนนี้อาจจะไปรูดถอยน้องมานั่งเล่นบนโต๊ะเครื่องแป้งก็เป็นด๊ายยยยยยย เอาเป็นว่า #8daystobelieve เนี่ย สำหรับเรามันนานไปค่ะ ของเราแค่วันที่ 5 เราก็เชื่อแว้ววววววววววววววววว หวังว่ารีวิวของเราจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ บ้าง ไม่มากก็น้อยนะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ p(^_^)q

เป็นเจลล้างหน้าที่ให้ฟองค่อนข้างน้อย ต้องเอาไปตีกับพวกตาข่ายก่อนถึงจะฟองขึ้นเยอะ ตอนแรกรู้สึกเหมือนมันถูหน้าไม่ค่อยพอยังไงก็ไม่รู้ คือด้วยความที่ฟองมันน้อยเราก็ไม่รู้สึกว่าเหมือนได้ฟอกทั่วหน้า แต่พอล้างน้ำปรากฏว่าหน้าเราสะอาดแบบ ความมันกวามกรังไปหมดเลย ล้างเสร็จแรกๆมันก็เหมือนจะให้แห้ง แต่จับจริงๆก็ไม่ ผิวก็ยังยืดหยุ่นอยู่ พ่อมาทาครีมบำรุงตัวอื่นรู้สึกเลยว่าผิวเรายังไม่แห้งเอี๊ยด แถมพวกครีมซึมซาบเร็วกว่าเดิมด้วย รอดูผลอีกสักสองสามวัน แต่ตอนนี้โอเคอยู่หล่ะ

ไม่เคยคิดว่าจะมีโลชั่นที่ทาผิวแล้วไม่หนักตัวแบบตัวนี้ ตอนแรกเขียนว่าเป็นทั้งโลชั่นเป็นทั้งออยล์ จะเหนอะหรือเปล่า ปรากฏว่าเพราะทาปุ๊บแป๊บนึงก็ซึม ไม่ติดขนด้วย ผิดกับโลชั่นตัวอื่นๆที่เวลาทาทาไปมันไม่ยอมซึมเกาะอยู่บนผิวแล้วก็ติดอยู่บนขนต้องถูจนเจ็บเนื้อ ยิ่งถ้าอยู่ห้องแอร์ทาๆไปมันก็จะซึมเลย ชอบมากๆกลิ่นหอมมาก ทำให้ผิวนุ่ม ไม่แห้งด้วย ทาทั้งวันก็ได้ไม่เหนอะเลย โดยรวมคือดีค่ะ

ใช้ทาบำรุงก่อนลงตัวอื่นๆที่ดีมากๆๆๆ ซึมซาบเร็ว ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า แต่รู้สึกว่าพอลงครีมตัวอื่นมันช่วยให้ซึมเยอะขึ้น ผิวหน้านวลเนียนขึ้น ตื่นเช้ามารู้สึกหน้าเด้งมากๆ มีข้อเสีย 2 ข้อคือราคาสูงแล้วก็กลิ่นไม่ค่อยดีแต่ถ้าใช้ไปเรื่อยๆก็อาจจะชิน

หลังจากได้มาจากกิจกรรม ก็เริ่มใช้ทันที พูดถึงเรื่องเนื้อครีมก่อน ค่อนข้างบางเบา บีบประมาณ 2 เม็ดถั่วเขียวก็เกลี่ยได้ทั่วหน้า บางวันก็อาจจะพลาดลงเยอะกว่านั้น แต่ก็ยังซึมง่ายเร็วดีนะ ไม่ทำให้หน้ามัน แห้งไว แต่งหน้าหรือลงอย่างอื่นต่อได้สบายมากๆ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ไม่ฉุน ค่อนข้างเป็นมิตรค่ะ วิธีใช้ของเราคือ ทาเช้าเย็น หลังจากที่ลงพวก toner,water lotion ไปแล้ว จริงๆก็ไม่ได้รู้สึกว่าเห็นผลใช้อะไรมากนัก แต่มาสะดุดตอนที่ตั้งใจทำรีวิวนี่แหละ จากที่เขาบอกว่ามันทำให้รูขุมขนดูเล็กลงเราก็เลยสงสัยว่า ถ้าใช้ตัวนี้ทาก่อนแต่งหน้าแล้วมันจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน? เราเลยทดลองโดยการทา toner ทั้งหน้า จากนั้น ก็ใช้ bioderma ตัวนี้ ทาก่อนที่จะลงพวกรองพื้น เพียงซีกเดียวของหน้า ส่วนอีกด้านหนึ่งไม่ได้ทำอะไร จากนั้นก็ตามด้วยรองพื้นคุชชั่น bobbi brown ทาให้ทั่วทั้งสอนด้าน ขอบอกว่าตอนทาใช้ปริมาณที่ค่อนข้างจะเท่ากัน ไม่ได้ตั้งใจโบกข้างไหนเป็นพิเศษนะคะ สิ่งที่เราเห็นได้ชัดเลยคือข้างที่ใช้ bioderma ทาก่อน รูขุมขนดูเล็กลง หน้าดูเนียนมากกว่าอีกข้างหนึ่งที่ไม่ได้ใช้ bioderma แปลว่าตัวนี้ถ้าเกิดถ้าทิ้งเอาไว้แล้วลงแป้งหรือลงครีมรองพื้นก็จะช่วยให้หน้าดูเนียนใสรูขุมขนก็ดูเล็กลงได้ด้วย ใช้มาประมาณหนึ่งสัปดาห์ไม่ทำให้สิวขึ้นเยอะเอาจริงๆก็ไม่มีสิวขึ้นเลยแหละ ถ้าจะขึ้นก็น่าจะมาจากสาเหตุอื่นมากกว่า หน้าไม่มันหรือมันก็มันน้อยลง ซับหน้าน้อยลง โดยรวมคือดีงามค่ะ ชอบมากราคาไม่แพงมากด้วย ผิวมันและเป็นสิวง่ายก็ใช้ได้สบายเลย ไม่ระคายเคืองแน่นอน

ตอนนี้เป็นยาแต้มสิวที่ดีที่สุดเท่าที่ใช้มา ทำให้สิวแห้งเร็วตกสะเก็ดไว พอร่อนออกก็เป็นแค่แดงแดงไม่ได้ทิ้งเป็นรอยดำ สักพักก็หาย แต่ไม่รู้ว่าในระยะยาวมันจะดื้อยาหรือเปล่านี่สิ ตอนนี้ก็เลยใช้ไปก่อน^^;

เป็นขวดที่ 2 ของนีเวียที่ได้ทดลองใช้ คิดว่าเขาปรับปรุงสูตรมาแน่ๆ ตอนแรกที่ทาบนผิวแบบร้อนๆนิดหน่อย แต่ไม่ต้องถูไม่ต้องเช็ดหนักมากเครื่องสำอางก็หลุดออกหมด (วันนี้เราถ่ายแค่แป้งผสมรองพื้นแล้วก็ลิปสติกเบาๆ )ใช้สำลี 3 แผ่นก็อยู่ ทีนี้เรารู้สึกว่ามันทำความสะอาดได้ง่ายก็จริง แต่แอบทำให้หน้าตึงเมื่อเทียบกับอีกขวดนึงที่เคยใช้ เราว่าสูตรนั้นหน้าจะนิ่มๆกว่า สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันอยู่คือไม่มีกลิ่นแอลกอฮอล์ โดยรวม ก็นับว่าดีนะ แต่ชอบอีกสูตรหนึ่งมากกว่ล่ะ แหะๆ

ตัวนี้ได้มาจากกิจกรรม เห็นกระปุกน่ารักน่าเอ็นดู เสียใจไม่มีขาย 5555 อันนี้เป็น first impression อย่างทีสองคือเปิดมาเนื้อครีม จริง ๆ กลิ่นหอมจนแอบกังวลนิด ๆ ว่าจะแพ้มั้ย ดูน้ำหอมเยอะ แล้วก็ปกติไม่ค่อยได้ใช้ครีมเนื้อประมาณนี้ค่ะ เพราะดูด้วยตาเปล่ารู้สึกว่ามันน่าจะหนัก แต่พอปาดจริง ๆ ก็แอบเบากว่าที่คิดเยอะเลยค่ะ พอมาสัมผัสบนผิว ทาแรก ๆ จะแอบขาวว่อกคล้ายๆ แป้งมาพอก คือมันจะขาวว่อกอยู่สักครู่ แต่พอทิ้งไว้สักพัก มันจะแค่ปรับผิวให้ดูสว่างนิด ๆ ไม่ทิ้งคราบแป้งขาว ไม่มัน ผิวนุ่ม ๆ ขึ้น ค่ะ อาจจะต้องลองใช้อีกสักนิดถึงจะฟันธงได้ แต่เบื้องต้นก็โอเคนะ ให้เต็มก่อนละกัน ;D

เพราะใช้งานไม่นานเท่าไหร่เลยไม่แน่ใจว่าเป็นอย่างไร แต่ชอบที่กลิ่นหอมออกแนวส้ม ๆ ซิตรัสค่ะ เนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ค่อนข้างใสไม่เหมือนน้ำมันทั่วไป อยู่ในมือก็แอบมัน ๆ นิด ๆ ค่ะ ทาไปบนหน้าก็แอบมันนิดหน่อย แต่ซึมไวดี ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทียังเหนอะ ๆ อยู่นิดหน่อย คิดว่าน่าจะเหมาะกับทา ๆ นวด ๆ ตอนกลางคืนก่อนนอนไปเลยค่ะ ระยะยาวอาจจะดีก็ได้ค่ะ :D

ตัวนี้เหมือนเป็น Pre - Essence ขวดที่ได้เป็นสำหรับทดสอบนะคะ เราจะข้ามเรื่องแพคเกจจิ้งไป 555 โดยรวมมันก็น่าจะใช้สำหรับเตรียมผิวก่อนทาครีมอื่น ๆ ตัวของมันเองเป็นน้ำใส ๆ ทาแล้วหน้าเหนอะแป๊บนึงแต่ก็แห้งไว พอแห้งแล้วโบกอย่างอื่นนี่แหละทีเด็ด คือเหมือนครีมอื่น ๆ มันซึมง่าย เข้าผิวได้อย่างรวดเร็วทีเดียวเชียวแหละ >< ค่อนข้างเลิฟเลย ส่วนคุณสมบัติอื่น ๆ ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นะคะ แต่ถ้าใครอยากได้ตัวที่ไว้เปิดผิวเพื่อรับคุณค่าบำรุงเนี่ย ตัวนี้เหมาะมากจริง ๆ

ความรู้สึกแรกเลยคือ เป็นเจลที่แอบหนืดมากกกกก เวลาที่เอาไม้พายตักจากกระปุก หนืดอย่างกับมาสก์น้ำผึ้งของยี่ห้อหนึ่งที่เคยใช้เลย ก็เลยกลัวว่ามันจะหนัก ๆ หน้า แต่สิ่งที่แตกต่างคือนางซึมง่ายและไม่เหนียวเหนอะหนะเลยค่ะ คือก็เนื้อหนักกว่า Facial Gel ทั่ว ๆ ไปแหละ แต่ไม่ติดผมไม่ติดหมอน ค่อนข้างโอเคเลย พอ texture ผ่าน ต่อไปก็กลิ่น กลิ่นออกแนวสมุนไพร ๆ คือแพง ๆ ดี รู้สึกหน้าได้รับการบำรุงแบบ luxury ตอนทาเค้ามีวีดีโอบอกว่าให้วอร์มเนื้อบนฝ่ามือก่อนค่อยทา ซึ่งก็ทาแล้วค่อนข้างซึมดีเลยค่ะ ไม่เหนียวติดหน้าติดตา ชอบตรงที่ทาเสร็จแล้วผิวเย็น ๆ รู้สึกได้ผ่อนคลายดีค่ะ ส่วนการบำรุง เราใช้ระยะเวลา 7 วัน เช้าเย็น (แต่บางวันก็ลืมนะ) รู้สึกว่าผิวอิ่ม เด้ง สิวขึ้นปกติ แต่หายไว ขึ้นแล้วแห้งเร็วหลุดเร็ว เหมือนผิวสมดุลขึ้นสมชื่อผลิตภัณฑ์เลยแหละ ข้อเสียคือ แพงและ ใช้งานยาก ราคา 4550 บาทต่อกระปุกเท่านี้ค่อนข้างราคาสูงค่ะ ^^ แม้จะใช้งานไม่ต้องเยอะมาก แต่ไม้พายมันใหญ่ เวลาตักออกมาก็จะแอบหกเลอะเทอะเล็กน้อย ปิดยากนิดนึง รู้สึกชีวิตลำบาก ถ้าเป็นพวกเจลควัก ๆ กด ๆ จากขวดน่าจะง่ายกว่า

ตัวนี้ลองใช้ครั้งแรก แอบไม่ประทับใจค่ะ อาจเป็นเพราะเราชอบอะไรที่มันเป็นเจล ๆ ซึมง่ายกว่านี้ด้วยมั้ง แล้วก็มีกลิ่นที่ไม่ค่อยถูกใจ แต่ถ้าคนที่ชอบกลิ่นแนว ๆ สปาแล้วก็คนผิวแห้งมาก ๆ น่าจะชอบ เราว่ามันเหนอะไปนิดนึง เกลี่ยยากนิดหน่อย คล้าย ๆ กับว่าเคลือบ ๆ ผิวเฉย ๆ ไม่ได้ซึมไวอะไรขนาดนั้น มีรอยแป้ง ๆ นิด ๆ แต่ผิวนุ่มนะหลังจากทาเสร็จ คงดีแต่ไม่เหมาะกับเรา555555

ออกตัวเลยว่า ไม่ค่อยถูกกับพวกของนีเวียเท่าไหร่ ขวดนี้ตอนที่ได้มาจากกิจกรรมก็กล้าๆกลัวๆ เพราะปกติเราจะรู้สึกว่าคลีนซิ่งจะมีแอลกอฮอล์เยอะเช็ดแล้วแสบหน้า หน้าแห้งอะ Ebony แต่ขวดนี้อย่างแรกเลยที่ประทับใจคือมันไม่มีกลิ่นเลย เพราะเช็ดไปบนหน้าก็ไม่รู้สึกแสบผิว ไม่รู้สึกว่าทำให้ผิวแห้ง หรือทำลายความชุ่มชื้นของผิว เอามือแตะหน้าก็ไม่ได้รู้สึกเอี๊ยดๆ ในส่วนของการทำความสะอาด เนื่องจากวันนี้เราทานแค่กันแดดและบำรุง เหงื่อออกทั้งวันใช้สำลีชุบประมาณ 2 แผ่นทำความสะอาดหน้า สำลีสีดำสกปรกมาก!!ตกใจตัวเองจริงๆ ที่ประทับใจอีกอย่างคือพอเช็ดทำความสะอาดเรียบร้อยอยู่รู้สึกนิ่มๆ ไม่แห้ง ดูไบรท์ขึ้นนิดนึงด้วยแหละ โดยรวมรู้สึกว่าเขาก็ค่อนข้างทำความสะอาดได้ดีสำหรับวันธรรมดาที่ไม่ได้แต่งหน้าจัดมาก ถ้าเป็นเครื่องสำอางเฉพาะจุดอาจจะต้องใช้ point remover ช่วย เพราะเรารู้สึกว่ามันค่อนข้างอ่อนโยนอ่อนบาง แต่ก็ถือว่าเหนือความคาดหมายมากสำหรับนีเวียขวดนี้ค่ะ

ส่วนตัวรู้สึกว่าไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่ แต่ก็ดีกว่าไม่ใช่อะไรเลย คือมันซึมไว ตบบนผิวเด้ง ๆ ก็จริง แต่เช้ามาหน้าแห้งเหมือนเดิม 5555 เลยคิดว่าตัวอื่นที่เคยใช้โอเคกว่าค่ะ อีกอย่างที่ไม่ชอบคือกลิ่นน้ำหอมค่อนข้างฉุน คนแพ้น้ำหอมอาจจะระคายเคืองได้จ้า

ปกติไม่ค่อยใช้น้ำหอมสไตล์ floral base เท่าไหร่ เพราะเป็นทาสตระกูล fruity แต่วันนี้ได้รับขนาดทดลองจาก กิจกรรม cosmenet เลยลองฉีดดู ปรากฎว่าตัวนี้กลิ่รออกแนวสดชื่นๆ ค่อนข้างสนุกกว่า Miracle ตัวเดิม พบว่าเค้ามี apple เป็นส่วนประกอบเลยให้ความเป็นผลไม้ ๆ นั่นเอง กลิ่นน่ารัก น่าสอย ชอบมากกว่าตัวออริจินัลค่ะ

เป็นกันแดดหน้าที่ใช้มานานมากกกกกกกตั้งแต่แพ็คเกจเก่า (เพราะหน้าตามันเหมือนกับเซตที่ออกมาสามขวดสามสี) ชอบตัวนี้ที่ทาแล้วไม่ทำให้หน้ามัน แต่กลิ่นแอลกอฮอก็ใช้ได้อยู่ ถ้าลงเป็นเบสแล้วทาอย่างอื่นทับ ก็ทำให้ติดทนดี ราคาย่อมเยา ชอบค่ะ

เป็นคอนซีลเลอร์ที่ใช้ตลอดมาและคาดว่าตลอดไป ชอบสีที่มันเนียนกับผิว เกลี่ยง่าย ทำให้สีบิปสติกติดทนนานและสีไม่เพี้ยน เราใช้เบอร์ c508 เหมาะสำหรับคนปากค่อนข้างคล้ำหรือมีรอยไม่สวยงาม ราคาดีงาม ตำซ้ำโลด

ลองใช้สี 378 pink power ค่ะ ชอบความเล็กกะทัดรัดพกง่ายของลิป ทาแรกๆแอบเลอะต้องทิ้งไว้สักพักสีถึงจะติดแนบสนิท ทาไปไม่แมตต์แห้งเกินไป กลิ่นหอม มีสีให้เลือกเยอะมาก ชอบตรงหัวแปรงฟองน้ำอันใหญ่ดีค่ะ ทาแล้วเต็มปากแค่สองสามปื้ด เริ่ดๆ

ลองใช้เป็นครั้งแรก หยดใส่ในครีมที่ใช้เป็นประจำ รู้สึกว่ามันทำให้ครีมหนึบขึ้น พอทาหน้าแล้วมันเนื้อแน่นๆดี จริงๆเพิ่งใช้ไปแค่ครั้งเดียว เลยไม่แน่ใจว่าผลลัพธ์จะดีจริงขนาดนั้นหรือเปล่า แต่ตื่นมาวันนี้รู้สึกว่าหน้าค่อนข้างเนียน ต้องรอดูผลต่อไป

ตัวสีทองคือสีเก๋มาก ทาเดี่ยวๆไม่แน่ใจว่าควรแต่งหน้าแบบไหนดี แต่ทาทับละสวยดีนะ จริงๆน่าทำเป็นกลอสด้วย แววๆดี

ผิวดูนุ่มเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทาไปแล้วมันซึมเข้าผิวเลย เนื้อไม่หนักด้วย รู้สึกผิวดีม้ากกก ชอบขวดที่ดูใช้ได้นาน ตั้งไว้ไม่ลืมทาแน่นอน แต่ราคาสูงมากจริงๆ