บทความแนะนำ
ทั้งหมด +REVIEW

Smooto
Aloe-E Snail Bright Gel
Aloe-E Snail Bright Gel
สิ่งนี้คือที่หนึ่งในใจจจ ชอบมากก น้องเป็นเจลอโล ราคานักเรียน ไม่มีแอลกอฮอลล์ เนื้อเจล ทาแล้วสบายผิว ช่วงไหนผิวแห้งเกินก็โบกน้องเข้าไป ไม่เหนียว ซึมไว ช่วยลดรอยสิวให้จางไวขึ้นด้วยย

CLINIQUE
iD
iD
จะมารีวิว Clinique iD for Imperfections ค่าาา ☺️
หลังจากที่ทดลองมาได้ 10 วันแล้ววว...??
บอกก่อนนะว่า เราใช้คู่กับ โทนเนอร์ ในแบรนด์เดียวกันเลย Clarifying Lotion 3 Twice a Day Exfoliator ค่ะ
เราเป็นคนที่มีสภาพผิวผสมค่อนไปทางมัน คือมันบริเวณทีโซนค่ะ แล้วก็มีปัญหาสิวอุดตัน คือรู้เลยตอนเช็ดผิวด้วยคลีนซิ่งออยล์หรือบาล์ม ตอนถูๆ นี่สิวอุดตันที่มีหัวแข็ง เม็ดเล็กๆ หลุดออกมาเต็มเลยจ้าาา ?
พอรู้ว่าจะได้ลอง Clinique ตัวใหม่ ที่เหมาะกับคนผิวอุดตันอย่างเรามั่กมากกกเลยดีใจจจจ อยากออกจากวงการสิวผิวอุดตันซักที ฮือๆๆๆ
อ่ะกลับมาที่ product เป็นการจับคู่สีที่ดูไม่ค่อยเข้ากันเลยเนอะ ฟ้าแดง 555
แต่ประสิทธิภาพเค้าเริ่ดมากกกก เพราะตัวมอยส์เจอร์ไรเซอร์สีฟ้าน้านนน มาช่วยเรื่องความชุ่มชื้น ปรับผิวหมองให้ดูสดใส และช่วยขจัดเซลล์ผิวชั้นนอกที่เสื่อมสภาพอีกด้วย
ส่วนบูสเตอร์สีแดงมาแรงไม่แพ้กัน มี BHA 2% ที่มาช่วยลดการอุดตันรูขุมขนและพวกสิ่งสกปรกตั่งต่าง
เห็นคุณสมบัติ 2 ตัวนี้เมื่อรวมกันแล้ว ใครที่มีปัญหาผิวอุดตัน อยากจะใช้อย่างแน่นอนนน
มาค่ะ เดี๋ยวเราจะบอกข้อดีข้อเสียของคู่นี้ เป็น 1 ในตัวช่วยในการตัดสินใจนะคะ
กลิ่น : มาแบบ ไม่แปลกใจเท่าไหร่ ^^ ถ้าใครที่ใช้แบรนด์ Clinique อยู่แล้ว เค้าจะเป็นแบรนด์ที่ไม่ค่อยทำกลิ่นอะไรลงไปในสกินแคร์เท่าไหร่ คือไม่หอม จะบอกว่าเหม็นมั้ยยย สำหรับเราไม่เหม็นนะ แต่แอบตุๆนิดนึง คือถ้าชินกลิ่นก็ ไม่ติดอะไรอ่ะ
เนื้อสัมผัสแรก : ชุ่มชื้นมากกกก คนผิวแห้งน่าจะชอบมาก เพราะลงตัวนี้ไป เหมือนเรียกความชุ่มชื้นให้ผิว แต่สำหรับผิวค่อนข้างมันอย่างเรา ก็ชอบนะ เพราะเนื้อซึมลงผิวอยู่ แต่อาจจะต้องทิ้งไว้แพพพพนึง และไม่ทิ้งความมันลงบนผิวเลย คือเหมาะกับทุกสภาพผิวจริงๆ
ความรู้สึกหลังใช้ 5 วัน : เฉยมาก เราไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ ไม่ได้รู้สึกผิวอุดตันน้อยลงอย่างที่แบรนด์เคลม รู้สึกแค่ว่าระหว่างวันผิวไม่ค่อยมันเท่าเหมือนกัน แค่นั้นเลย
ความรู้สึกหลังใช้ 10 วัน : ใจเริ่มมา ส่องกระจก เห้ยยย ทำไมช่วงนี้หน้าดูสดใสขึ้น ใช้คลีนซิ่งบาล์มทำความสะอาดผิวหน้า จากเดิมที่สิวอุดตัน สิวเม็ดเล็กๆ หลุดออกมาเยอะทุกครั้ง ก็ลดน้อยลงกว่าแต่ก่อน รอยสิวที่เป็นก็แห้งไวและรอยจางไวขึ้น เพราะเค้ามีส่วนช่วยในการขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพด้วยอ่ะเนอะ ใดๆก็คือปลื้มมมม (ดูได้จากรูปก่อน-หลังใช้เลยจ้าาา)
หลายผลิตภัณฑ์ที่แบรนด์เคลมว่า ขจัดเซลล์เสื่อมสภาพ ก็คือจะแอบรู้สึกยิบๆที่หน้า หรืออาจจะระคายเคืองบ้างเล็กน้อย แต่กับ Clinique ID คู่นี้ ไม่มีเลยจ้าาา
สรุป ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️
ข้อดี : ตามที่รีวิวด้านบนเลยจ้าา 555 แต่ถ้าให้สรุปสั้นๆ ก็ ผิวอุดตันลดลง กระจ่างใสขึ้น รอยสิวจางไวจริง ๆ อันนี้คอนเฟิร์ม
ข้อเสีย : เอาจริงงง ตัวนี้ไม่ได้อวย แต่หาข้อเสียเกี่ยวกับ product ไม่ได้ ถ้านึกออกจริงๆคือ ตัวผลิตภัณฑ์ เราปั้มแล้วบูสเตอร์บางทีไม่ออกอ่ะ หรือมันออกน้อยจนไม่ทันสังเกตไม่รู้ แล้วก็ตัวนี้ซึมลงผิวนะ แต่ช้านิดนึง หากเราจะลงสกินแคร์ขั้นตอนถัดไป อาจต้องเบรคแปปป ให้ตัวนี้พอซึมลงผิวไปก่อนค่ะ
เอาเป็นว่าคุ้มค่า คุ้มราคาค่ะ รวมกันคู่นี้ 1,900 ใครที่ไว้ใจในชื่อแบรนด์นี้อยู่แล้ว และมีปัญหาผิวตามนี้ ก็จัดไปค่าาาา
---------------------------------
รีวิวเก่าค่ะ
Clinique ID ไซส์ทดลอง สูตรHydrating Jelly + Uneven Skin Tone (บูสเตอร์สีขาว)
ไปรับมาที่เคาน์เตอร์ห้างแฟชั่นค่ะ BA น่ารักมาก แนะนำดี ก่อนรับผลิตภัณฑ์เค้าจะให้ทดสอบผิวหน้าก่อน จาก iPad ผลทดสอบเราปัญหาคือสีผิวไม่สม่ำเสมอ และเราเป็นคนที่ชอบเนื้อเจลบางเบาใสๆ ไม่เหนอะหนะ เลยได้รับขนาดทดลองเป็น Hydrating Jelly + Uneven Skin Tone (บูสเตอร์สีขาว) มาค่ะ ได้มาทั้งหมด 2 ซอง 1 ซอง BA บอกว่า ใช้ได้เช้าเย็น แต่เราเป็นคนที่ตอนเย็นลงสกินแคร์หนักมาก แบบโปะหนักๆเลย เลยใช้แค่เฉพาะตอนเย็น ขอบอกก่อนว่า เราจะค่อนข้างชอบสกินแคร์ประเภทมอยสเจอร์ไรเซอร์มากกกก เพราะเราเชื่อว่า พื้นฐานผิวหน้าที่ดีคือความชุ่มชื้น มันจะช่วยแก้ปัญหาทุกอย่างที่ผิวหน้าเรามี มาที่รีวิวตัวนี้เลยละกัน ความรู้สึกหลังจากที่ได้ทดลองผลิตภัณฑ์ เราชอบเนื้อเบสมอยส์เจอร์ไรเซอร์แบบนี้มากกกก บางเบา ซึมง่าย ไม่เหนอะหนะ โปะหนักๆก็ซึมดี ตื่นเช้ามาหน้าไม่แห้ง (ปกตินอนเปิดทั้งแอร์และพัดลม หน้าจะแห้งง่าย) ส่วนบูสเตอร์ที่ช่วยเรื่องสีผิวไม่สม่ำเสมอ ยังไม่ค่อยเห็นผลเท่าไหร่ เพราะใช้ไปแค่ 2 ครั้ง ว่าจะไปสอยแค่มอยส์เจอร์ไรเซอร์มาลองก่อน ส่วนบูสเตอร์ เดี๋ยวขอดูอีกที อยากลองสูตรอื่นมากกว่าค่ะ ^^ เอาเป็นว่า โดยรวมชอบค่ะ พึ่งมีโอกาสได้ลองผลิตภัณฑ์ Clinique เดี๋ยวไปดูตัวอื่นๆเพิ่มเติมดีกว่า
หลังจากที่ทดลองมาได้ 10 วันแล้ววว...??
บอกก่อนนะว่า เราใช้คู่กับ โทนเนอร์ ในแบรนด์เดียวกันเลย Clarifying Lotion 3 Twice a Day Exfoliator ค่ะ
เราเป็นคนที่มีสภาพผิวผสมค่อนไปทางมัน คือมันบริเวณทีโซนค่ะ แล้วก็มีปัญหาสิวอุดตัน คือรู้เลยตอนเช็ดผิวด้วยคลีนซิ่งออยล์หรือบาล์ม ตอนถูๆ นี่สิวอุดตันที่มีหัวแข็ง เม็ดเล็กๆ หลุดออกมาเต็มเลยจ้าาา ?
พอรู้ว่าจะได้ลอง Clinique ตัวใหม่ ที่เหมาะกับคนผิวอุดตันอย่างเรามั่กมากกกเลยดีใจจจจ อยากออกจากวงการสิวผิวอุดตันซักที ฮือๆๆๆ
อ่ะกลับมาที่ product เป็นการจับคู่สีที่ดูไม่ค่อยเข้ากันเลยเนอะ ฟ้าแดง 555
แต่ประสิทธิภาพเค้าเริ่ดมากกกก เพราะตัวมอยส์เจอร์ไรเซอร์สีฟ้าน้านนน มาช่วยเรื่องความชุ่มชื้น ปรับผิวหมองให้ดูสดใส และช่วยขจัดเซลล์ผิวชั้นนอกที่เสื่อมสภาพอีกด้วย
ส่วนบูสเตอร์สีแดงมาแรงไม่แพ้กัน มี BHA 2% ที่มาช่วยลดการอุดตันรูขุมขนและพวกสิ่งสกปรกตั่งต่าง
เห็นคุณสมบัติ 2 ตัวนี้เมื่อรวมกันแล้ว ใครที่มีปัญหาผิวอุดตัน อยากจะใช้อย่างแน่นอนนน
มาค่ะ เดี๋ยวเราจะบอกข้อดีข้อเสียของคู่นี้ เป็น 1 ในตัวช่วยในการตัดสินใจนะคะ
กลิ่น : มาแบบ ไม่แปลกใจเท่าไหร่ ^^ ถ้าใครที่ใช้แบรนด์ Clinique อยู่แล้ว เค้าจะเป็นแบรนด์ที่ไม่ค่อยทำกลิ่นอะไรลงไปในสกินแคร์เท่าไหร่ คือไม่หอม จะบอกว่าเหม็นมั้ยยย สำหรับเราไม่เหม็นนะ แต่แอบตุๆนิดนึง คือถ้าชินกลิ่นก็ ไม่ติดอะไรอ่ะ
เนื้อสัมผัสแรก : ชุ่มชื้นมากกกก คนผิวแห้งน่าจะชอบมาก เพราะลงตัวนี้ไป เหมือนเรียกความชุ่มชื้นให้ผิว แต่สำหรับผิวค่อนข้างมันอย่างเรา ก็ชอบนะ เพราะเนื้อซึมลงผิวอยู่ แต่อาจจะต้องทิ้งไว้แพพพพนึง และไม่ทิ้งความมันลงบนผิวเลย คือเหมาะกับทุกสภาพผิวจริงๆ
ความรู้สึกหลังใช้ 5 วัน : เฉยมาก เราไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ ไม่ได้รู้สึกผิวอุดตันน้อยลงอย่างที่แบรนด์เคลม รู้สึกแค่ว่าระหว่างวันผิวไม่ค่อยมันเท่าเหมือนกัน แค่นั้นเลย
ความรู้สึกหลังใช้ 10 วัน : ใจเริ่มมา ส่องกระจก เห้ยยย ทำไมช่วงนี้หน้าดูสดใสขึ้น ใช้คลีนซิ่งบาล์มทำความสะอาดผิวหน้า จากเดิมที่สิวอุดตัน สิวเม็ดเล็กๆ หลุดออกมาเยอะทุกครั้ง ก็ลดน้อยลงกว่าแต่ก่อน รอยสิวที่เป็นก็แห้งไวและรอยจางไวขึ้น เพราะเค้ามีส่วนช่วยในการขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพด้วยอ่ะเนอะ ใดๆก็คือปลื้มมมม (ดูได้จากรูปก่อน-หลังใช้เลยจ้าาา)
หลายผลิตภัณฑ์ที่แบรนด์เคลมว่า ขจัดเซลล์เสื่อมสภาพ ก็คือจะแอบรู้สึกยิบๆที่หน้า หรืออาจจะระคายเคืองบ้างเล็กน้อย แต่กับ Clinique ID คู่นี้ ไม่มีเลยจ้าาา
สรุป ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️
ข้อดี : ตามที่รีวิวด้านบนเลยจ้าา 555 แต่ถ้าให้สรุปสั้นๆ ก็ ผิวอุดตันลดลง กระจ่างใสขึ้น รอยสิวจางไวจริง ๆ อันนี้คอนเฟิร์ม
ข้อเสีย : เอาจริงงง ตัวนี้ไม่ได้อวย แต่หาข้อเสียเกี่ยวกับ product ไม่ได้ ถ้านึกออกจริงๆคือ ตัวผลิตภัณฑ์ เราปั้มแล้วบูสเตอร์บางทีไม่ออกอ่ะ หรือมันออกน้อยจนไม่ทันสังเกตไม่รู้ แล้วก็ตัวนี้ซึมลงผิวนะ แต่ช้านิดนึง หากเราจะลงสกินแคร์ขั้นตอนถัดไป อาจต้องเบรคแปปป ให้ตัวนี้พอซึมลงผิวไปก่อนค่ะ
เอาเป็นว่าคุ้มค่า คุ้มราคาค่ะ รวมกันคู่นี้ 1,900 ใครที่ไว้ใจในชื่อแบรนด์นี้อยู่แล้ว และมีปัญหาผิวตามนี้ ก็จัดไปค่าาาา
---------------------------------
รีวิวเก่าค่ะ
Clinique ID ไซส์ทดลอง สูตรHydrating Jelly + Uneven Skin Tone (บูสเตอร์สีขาว)
ไปรับมาที่เคาน์เตอร์ห้างแฟชั่นค่ะ BA น่ารักมาก แนะนำดี ก่อนรับผลิตภัณฑ์เค้าจะให้ทดสอบผิวหน้าก่อน จาก iPad ผลทดสอบเราปัญหาคือสีผิวไม่สม่ำเสมอ และเราเป็นคนที่ชอบเนื้อเจลบางเบาใสๆ ไม่เหนอะหนะ เลยได้รับขนาดทดลองเป็น Hydrating Jelly + Uneven Skin Tone (บูสเตอร์สีขาว) มาค่ะ ได้มาทั้งหมด 2 ซอง 1 ซอง BA บอกว่า ใช้ได้เช้าเย็น แต่เราเป็นคนที่ตอนเย็นลงสกินแคร์หนักมาก แบบโปะหนักๆเลย เลยใช้แค่เฉพาะตอนเย็น ขอบอกก่อนว่า เราจะค่อนข้างชอบสกินแคร์ประเภทมอยสเจอร์ไรเซอร์มากกกก เพราะเราเชื่อว่า พื้นฐานผิวหน้าที่ดีคือความชุ่มชื้น มันจะช่วยแก้ปัญหาทุกอย่างที่ผิวหน้าเรามี มาที่รีวิวตัวนี้เลยละกัน ความรู้สึกหลังจากที่ได้ทดลองผลิตภัณฑ์ เราชอบเนื้อเบสมอยส์เจอร์ไรเซอร์แบบนี้มากกกก บางเบา ซึมง่าย ไม่เหนอะหนะ โปะหนักๆก็ซึมดี ตื่นเช้ามาหน้าไม่แห้ง (ปกตินอนเปิดทั้งแอร์และพัดลม หน้าจะแห้งง่าย) ส่วนบูสเตอร์ที่ช่วยเรื่องสีผิวไม่สม่ำเสมอ ยังไม่ค่อยเห็นผลเท่าไหร่ เพราะใช้ไปแค่ 2 ครั้ง ว่าจะไปสอยแค่มอยส์เจอร์ไรเซอร์มาลองก่อน ส่วนบูสเตอร์ เดี๋ยวขอดูอีกที อยากลองสูตรอื่นมากกว่าค่ะ ^^ เอาเป็นว่า โดยรวมชอบค่ะ พึ่งมีโอกาสได้ลองผลิตภัณฑ์ Clinique เดี๋ยวไปดูตัวอื่นๆเพิ่มเติมดีกว่า

CLINIQUE
Clarifying Lotion Twice A Day Exfoliator
Clarifying Lotion Twice A Day Exfoliator
รีวิว Clarifying Lotion 3 Twice a Day Exfoliator
เราใช้สูตร 3 ที่เหมาะกับผิวผสมค่อนไปทางมัน หลังจากทดลองใช้ไป 10 วัน ☺️
ตัวนี้เราใช้คู่กับ Clinique iD for Imperfections ?
ตัวนี้แอบไปอ่านรีวิวจากที่ตั่งต่างมา เค้าว่ากันว่า ดี พอมีโอกาสได้ลองใช้ แว่บแรกแอบลังเลนิดนึงเหมือนกันนะ เพราะเข้าใจมาตลอดว่าตัวเองแพ้แอลลลล เคยลองใช้โทนเนอร์ทั้งแบบมีแอลและไม่มีแอลผลก็คือ ใช้ตัวที่มีแอลทีไร เรารู้สึกว่าหน้ายิบๆ และแห้งงงตลอด ก็เลยเลิกไป
จนมีโอกาสได้ลองของ Clinique บวกกับแบรนด์นี้เค้าไว้ใจได้ เราก็เลยอ่ะ เปิดใจลองงง ?
มาที่ตัว product ค่ะ ขวดใหญ่มากกกกกก น่าจะใช้ได้นาน เราเช็ดเช้า-เย็น ปริมาณยังลดไปไม่เท่าไหร่เลยค่ะ
แต่แต่แต่! ช่วยทำจุกตรงปากขวดหน่อยได้มั้ยยย คือเราเปิดมาแล้วตกใจอ่ะ จะเทยังไงไม่ให้หก! ต้องระวังทุกครั้งเลย แงงงง ?
ส่วนกลิ่นแอลมาเต็มมากกกกก ฉุนกึกขึ้นจมูก เช็ดไป กลั้นหายใจไป เพราะแอลมันระเหยยย ฮือๆๆๆ ? ที่สำคัญตอนเช็ด เว้นรอบดวงตากันด้วยนะจ๊ะ
เราเคยใช้โทนเนอร์ที่มีแอล แล้วยิบๆที่หน้า แต่ Clinique ไม่เลยจ้าาาาา หน้าไม่แห้งด้วย แบบเห้ยยยย กลิ่นแรงขนาดนี้ แต่ทำไมอ่อนโยนได้ขนาดนั้น ?
เรากะเอาไว้ว่า ถ้าใช้ 3 วันแล้วแพ้ ก็จะเลิกใช้ แต่นี่ผ่านไป 10 วันแล้ว เรากลับชอบมากกกกก นี่คิดว่าตัวเองแพ้โทนเนอร์ที่มีแอลมาตลอด คิดผิดค่ะ! เพราะเรารู้สึกได้ว่า หน้าสะอาดขึ้นจริงๆ มันเหมือนได้รับการทำความสะอาจอย่างจริงจัง เมื่อก่อนอาจใช้โทนเนอร์ที่อ่อนโยน ซึ่งงง อ่อนโยนเกิ๊นนนน ความสะอาดไม่พอ ทำให้สิวอุดตันเพียบบบ ตอนนี้เลิฟโทนเนอร์ขวดนี้ไปแล้วค่าาา
สรุป ⭐️⭐️⭐️⭐️
ข้อดี : รู้สึกได้ว่าผิวสะอาดขึ้น สิวอุดตันลดลงจริง ขจัดพวกเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ พวกรอยสิวแบบนี้ได้ดี
ข้อเสีย : ปากขวดกว้างมากกกก กลิ่นแอลก็แรงไม่แพ้กัน แต่เช็คแล้วสะอาด ให้อภัย ?
สรุปความคุ้มค่า ถ้าหาโทนเนอร์ที่ถูกใจไม่ได้ซ้ากกกที ตัวไหนก็รู้สึกเช็ดแล้วเฉยๆ เช็ดแล้วผิวไม่เห็นสะอาดขึ้นเลย ลองมาเปิดใจให้โทนเนอร์ของ Clinique ดูค่ะ
ซึ่งเค้าก็มีหลายสูตรเหมาะกับคนแต่ละสภาพผิว และเค้ามีสูตร 1.0 ที่เหมาะกับคนผิวบอบบางแพ้ง่าย ไม่มีส่วนผสมของแอลอยู่น้าาา
แต่เราเป็นผิวผสมค่อนไปทางมันไง เลยอยากลองให้เหมาะกับผิวตัวเอง เลยทำค้นพบว่า เออออ เริ่ดจริง แต่ละคนก็ลองเลือกให้เหมาะกับตัวเองกันดูค่ะ ?
เราใช้สูตร 3 ที่เหมาะกับผิวผสมค่อนไปทางมัน หลังจากทดลองใช้ไป 10 วัน ☺️
ตัวนี้เราใช้คู่กับ Clinique iD for Imperfections ?
ตัวนี้แอบไปอ่านรีวิวจากที่ตั่งต่างมา เค้าว่ากันว่า ดี พอมีโอกาสได้ลองใช้ แว่บแรกแอบลังเลนิดนึงเหมือนกันนะ เพราะเข้าใจมาตลอดว่าตัวเองแพ้แอลลลล เคยลองใช้โทนเนอร์ทั้งแบบมีแอลและไม่มีแอลผลก็คือ ใช้ตัวที่มีแอลทีไร เรารู้สึกว่าหน้ายิบๆ และแห้งงงตลอด ก็เลยเลิกไป
จนมีโอกาสได้ลองของ Clinique บวกกับแบรนด์นี้เค้าไว้ใจได้ เราก็เลยอ่ะ เปิดใจลองงง ?
มาที่ตัว product ค่ะ ขวดใหญ่มากกกกกก น่าจะใช้ได้นาน เราเช็ดเช้า-เย็น ปริมาณยังลดไปไม่เท่าไหร่เลยค่ะ
แต่แต่แต่! ช่วยทำจุกตรงปากขวดหน่อยได้มั้ยยย คือเราเปิดมาแล้วตกใจอ่ะ จะเทยังไงไม่ให้หก! ต้องระวังทุกครั้งเลย แงงงง ?
ส่วนกลิ่นแอลมาเต็มมากกกกก ฉุนกึกขึ้นจมูก เช็ดไป กลั้นหายใจไป เพราะแอลมันระเหยยย ฮือๆๆๆ ? ที่สำคัญตอนเช็ด เว้นรอบดวงตากันด้วยนะจ๊ะ
เราเคยใช้โทนเนอร์ที่มีแอล แล้วยิบๆที่หน้า แต่ Clinique ไม่เลยจ้าาาาา หน้าไม่แห้งด้วย แบบเห้ยยยย กลิ่นแรงขนาดนี้ แต่ทำไมอ่อนโยนได้ขนาดนั้น ?
เรากะเอาไว้ว่า ถ้าใช้ 3 วันแล้วแพ้ ก็จะเลิกใช้ แต่นี่ผ่านไป 10 วันแล้ว เรากลับชอบมากกกกก นี่คิดว่าตัวเองแพ้โทนเนอร์ที่มีแอลมาตลอด คิดผิดค่ะ! เพราะเรารู้สึกได้ว่า หน้าสะอาดขึ้นจริงๆ มันเหมือนได้รับการทำความสะอาจอย่างจริงจัง เมื่อก่อนอาจใช้โทนเนอร์ที่อ่อนโยน ซึ่งงง อ่อนโยนเกิ๊นนนน ความสะอาดไม่พอ ทำให้สิวอุดตันเพียบบบ ตอนนี้เลิฟโทนเนอร์ขวดนี้ไปแล้วค่าาา
สรุป ⭐️⭐️⭐️⭐️
ข้อดี : รู้สึกได้ว่าผิวสะอาดขึ้น สิวอุดตันลดลงจริง ขจัดพวกเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ พวกรอยสิวแบบนี้ได้ดี
ข้อเสีย : ปากขวดกว้างมากกกก กลิ่นแอลก็แรงไม่แพ้กัน แต่เช็คแล้วสะอาด ให้อภัย ?
สรุปความคุ้มค่า ถ้าหาโทนเนอร์ที่ถูกใจไม่ได้ซ้ากกกที ตัวไหนก็รู้สึกเช็ดแล้วเฉยๆ เช็ดแล้วผิวไม่เห็นสะอาดขึ้นเลย ลองมาเปิดใจให้โทนเนอร์ของ Clinique ดูค่ะ
ซึ่งเค้าก็มีหลายสูตรเหมาะกับคนแต่ละสภาพผิว และเค้ามีสูตร 1.0 ที่เหมาะกับคนผิวบอบบางแพ้ง่าย ไม่มีส่วนผสมของแอลอยู่น้าาา
แต่เราเป็นผิวผสมค่อนไปทางมันไง เลยอยากลองให้เหมาะกับผิวตัวเอง เลยทำค้นพบว่า เออออ เริ่ดจริง แต่ละคนก็ลองเลือกให้เหมาะกับตัวเองกันดูค่ะ ?

CLINIQUE
iD
iD
สวัสดีค่ะ เราได้ทำการทดลองใช้ ผลิตภัณฑ์ Clinique iD สูตรใหม่ เป็นเวลา 10 วัน วันนี้จะขอแชร์ประสบการณ์หลังการใช้ให้เพื่อนๆได้ทราบค่ะ
:: สภาพผิวหน้าก่อนใช้
>> เป็นคนผิวผสมค่อนไปทางมันและเป็นสิวง่าย สภาพผิวหน้ามีสิวประปรายและมีรอยดำจากสิว และเนื่องด้วยสภาพอากาศช่วงนี้เย็นลงผิวมีความแห้ง ขาดความชุ่มชื้น ค่ะ
Packaging/บรรจุภัณฑ์
>>ผลิตภัณฑ์ประกอบด้วยตัว มอยเจอร์ไรเซอร์ Clinique iD Dramatically Different™ Hydrating Clearing Jelly ซึ่งเหมาะกับผิวผสมค่อนข้างแห้งถึงผิวมัน และตัว Booster บูสเตอร์สีแดง สำหรับผิวที่มีปัญหาอุดตัน ซึ่งการใช้งานคือ นำตัวหลอด Booster ใส่ลงไปในขวด Moisture สีฟ้า แล้วหมุนปิดให้สนิท พร้อมใช้งาน เริ่มแรกแนะนำให้กดตรงหัวหลอด Booster หลายๆครั้งเพื่อไล่ลม แรกๆอาจมีแต่ตัว Moisture สีฟ้าออกมา ไม่ต้องตกใจ กดไป 2-3 ครั้ง ก็จะมีตัว Moisture+Booster ออกมาพร้อมกันทุกครั้งในปริมาณ Moisture 90% + Booster 10% ซึ่งทางแบรนด์เคลมว่าเป็นสูตรมาตรฐานและเหมาะสมให้ผลลัพธ์ที่ดีสำหรับการใช้งานทุกครั้งค่ะ ตัวขวดเป็นแบบสี่เหลี่ยม ขนาดกำลังพอดี ถือขนัดมือ หัว Booster มีฝาปิดมิดชิด ไม่ต้องกังวลเรื่องการหกเลอะเทอะ และ Packaging แข็งแรงทนทาน ใช้งานง่ายค่ะ
Texture/เนื้อผลิตภัณฑ์
>>ตัว Moisture เป็นเนื้อเจลลี่สีฟ้าใส ซึมซาบไว ไม่เหนอะหนะผิว ไม่ลื่นมือ และไม่มีกลิ่นกวนใจ
ส่วนตัว Booster เนื้อเจลสีแดง ไม่มีกลิ่นกวนใจเช่นกัน หลังทา รู้สึกเบาสบายผิว และให้ความชุ่มชื้นทันทีและยาวนานค่ะ
Feel After Using/ความรู้สึกหลังใช้
>>ผลิตภัณฑ์ Clinique iD สูตรใหม่นี้ เป็นสูตรที่เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวมันและมีสิวอุดตัน และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ให้ผิวแข็งแรง เรียบเนียนขึ้น พร้อมให้ความกระจ่างใส สำหรับเราแล้ว ถือว่าเห็นผลชัดเจนตามที่แบรนด์เคลมมาค่ะ เพราะก่อนใช้ผิวมีสิวประปราย และมีรอยดำจากสิว อีกทั้งผิวหน้าก็แห้งด้วยอากาศที่เย็นลง วันที่เริ่มใช้ครั้งแรก สิ่งที่รู้สึกได้ทันทีคือ ความชุ่มชื้น แม้อากาศจะเย็นตลอดวัน ผิวหน้าก็ไม่แห้งและไม่มัน คือผิวสมดุลขึ้นจริงๆ เนื้อผลิตภัณฑ์ก็ทาง่าย ซึมไว ไม่เหนอะหนะหนะ ชอบมากๆ และเมื่อใช้ต่อเนื่อง สังเกตได้เลยว่ารอยสิวค่อยๆจาง และไม่มีสิวใหม่เพิ่ม และเมื่อใช้ครบ 10 วัน รู้สึกได้เลยว่าผิวกระจ่างใส เรียบเนียน ผิวแข็งแรงมากๆ ไม่แห้ง ไม่มัน รู้สึกดีมากๆค่ะ คุ้มค่ากับการใช้มากๆ ลืมบอกว่าเราหน้าใหญ่นิดนึง ใช้ 2 ปั๊มต่อครั้ง กำลังดี เกลี่ยได้ทั่วหน้าเลยค่ะ ให้คะแนนเต็ม ใช้แล้วเห็นผลจริงค่ะ
:: สภาพผิวหน้าก่อนใช้
>> เป็นคนผิวผสมค่อนไปทางมันและเป็นสิวง่าย สภาพผิวหน้ามีสิวประปรายและมีรอยดำจากสิว และเนื่องด้วยสภาพอากาศช่วงนี้เย็นลงผิวมีความแห้ง ขาดความชุ่มชื้น ค่ะ
Packaging/บรรจุภัณฑ์
>>ผลิตภัณฑ์ประกอบด้วยตัว มอยเจอร์ไรเซอร์ Clinique iD Dramatically Different™ Hydrating Clearing Jelly ซึ่งเหมาะกับผิวผสมค่อนข้างแห้งถึงผิวมัน และตัว Booster บูสเตอร์สีแดง สำหรับผิวที่มีปัญหาอุดตัน ซึ่งการใช้งานคือ นำตัวหลอด Booster ใส่ลงไปในขวด Moisture สีฟ้า แล้วหมุนปิดให้สนิท พร้อมใช้งาน เริ่มแรกแนะนำให้กดตรงหัวหลอด Booster หลายๆครั้งเพื่อไล่ลม แรกๆอาจมีแต่ตัว Moisture สีฟ้าออกมา ไม่ต้องตกใจ กดไป 2-3 ครั้ง ก็จะมีตัว Moisture+Booster ออกมาพร้อมกันทุกครั้งในปริมาณ Moisture 90% + Booster 10% ซึ่งทางแบรนด์เคลมว่าเป็นสูตรมาตรฐานและเหมาะสมให้ผลลัพธ์ที่ดีสำหรับการใช้งานทุกครั้งค่ะ ตัวขวดเป็นแบบสี่เหลี่ยม ขนาดกำลังพอดี ถือขนัดมือ หัว Booster มีฝาปิดมิดชิด ไม่ต้องกังวลเรื่องการหกเลอะเทอะ และ Packaging แข็งแรงทนทาน ใช้งานง่ายค่ะ
Texture/เนื้อผลิตภัณฑ์
>>ตัว Moisture เป็นเนื้อเจลลี่สีฟ้าใส ซึมซาบไว ไม่เหนอะหนะผิว ไม่ลื่นมือ และไม่มีกลิ่นกวนใจ
ส่วนตัว Booster เนื้อเจลสีแดง ไม่มีกลิ่นกวนใจเช่นกัน หลังทา รู้สึกเบาสบายผิว และให้ความชุ่มชื้นทันทีและยาวนานค่ะ
Feel After Using/ความรู้สึกหลังใช้
>>ผลิตภัณฑ์ Clinique iD สูตรใหม่นี้ เป็นสูตรที่เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวมันและมีสิวอุดตัน และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ให้ผิวแข็งแรง เรียบเนียนขึ้น พร้อมให้ความกระจ่างใส สำหรับเราแล้ว ถือว่าเห็นผลชัดเจนตามที่แบรนด์เคลมมาค่ะ เพราะก่อนใช้ผิวมีสิวประปราย และมีรอยดำจากสิว อีกทั้งผิวหน้าก็แห้งด้วยอากาศที่เย็นลง วันที่เริ่มใช้ครั้งแรก สิ่งที่รู้สึกได้ทันทีคือ ความชุ่มชื้น แม้อากาศจะเย็นตลอดวัน ผิวหน้าก็ไม่แห้งและไม่มัน คือผิวสมดุลขึ้นจริงๆ เนื้อผลิตภัณฑ์ก็ทาง่าย ซึมไว ไม่เหนอะหนะหนะ ชอบมากๆ และเมื่อใช้ต่อเนื่อง สังเกตได้เลยว่ารอยสิวค่อยๆจาง และไม่มีสิวใหม่เพิ่ม และเมื่อใช้ครบ 10 วัน รู้สึกได้เลยว่าผิวกระจ่างใส เรียบเนียน ผิวแข็งแรงมากๆ ไม่แห้ง ไม่มัน รู้สึกดีมากๆค่ะ คุ้มค่ากับการใช้มากๆ ลืมบอกว่าเราหน้าใหญ่นิดนึง ใช้ 2 ปั๊มต่อครั้ง กำลังดี เกลี่ยได้ทั่วหน้าเลยค่ะ ให้คะแนนเต็ม ใช้แล้วเห็นผลจริงค่ะ