Profile

KA UV WHITENING SOFT CREAM

พูดถึงกันแดดแบรนด์ KA ถือเป็นแบรนด์แรกๆ ที่เราใช้มาตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่ เพราะมีประสิทธิภาพกันแดดดีในราคาที่จับต้องง่าย แต่พอทำงานก็มีเปลี่ยนไปลองหลากหลายยี่ห้อบ้าง แต่เวลามีงานกาชาดทีไรต้องแวะบูธ KA ซื้อกันแดดติดมือกลับบ้านทุกที เพราะโปรดีมาก

สำหรับ KA UV WHITENING SOFT CREAM รุ่นนี้ คุณสมบัติด้านกันแดดไม่แพ้ KA รุ่นอื่นๆ เพราะมี SPF 50+ PA++++  สามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันผิวจาก Blue Light อีกด้วย เหมาะกับสาวๆฝนยุคสมัยนี้มากๆ

นอกจากนี้ยังคุณสมบัติที่เราชื่นชอบคือ ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีพาราเบน

จุดเด่นหรือจุดขายของรุ่นนี้ คือเรื่อง "ความบางเบา" เมื่อลองใช้จริง เนื้อครีมเป็นสีขาวพอทาเกลี่ยไปปุ๊บ ซึมเร็วมาก เบาบางสบายหน้ามากๆๆๆๆ เบากว่าทุกรุ่นของ KA ที่เคยใช้ ไม่ทิ้งคราบความมัน หรือความรู้สึกเหนอะหนะเลยยย

ทาแล้วสีผิวไม่วอก ไม่ทำให้ผิวแห้งลอก (เราผิวแห้งมากจึงกังวลเรื่องทาแล้วผิวมีขุย) ถือว่าเป็นรุ่นที่เราใช้แล้วรู้สึกหลงรักเลย แต่เสียดายที่มีข้อด้อยตรงที่ไม่กันน้ำกันเหงื่อ เพราะฉะนั้นจะไม่สามารถใช้ทาไปลุยเที่ยวได้มากนัก เหมาะใช้กับวันเบาๆ อย่างทาไปทำงานนั่งออฟฟิศค่ะ (ซึ่งก็เหมาะเลยเพราะรุ่นนี้ป้องกันผิวเราไม่ให้หมองจาก Blue Light ได้)

ครีมอาบน้ำ Parrot Oil in Bath สูตร WHITE PERFECT  ขวดสีชมพูขวดนี้ทำให้เราลืมภาพลักษณ์ดั้งเดิมของสบู่ตรานกแก้วว่าเป็นผลิตภัณฑ์ผู้สูงอายุไปเลย

เริ่มที่แพ็คเกจ เป็นแบบหัวปั๊มใช้งานง่าย ออกแบบดูสวยคลาสสิค

จากรูปบนขวดที่มีรูปดอกกุหลาบ ตอนแรกแอบลุ้นและกังวลว่าจะมีกลิ่นกุหลาบแรงๆ ฉุนๆ แบบที่เราไม่ชอบหรือไม่ แต่เมื่อได้ลองใช้ปรากฏว่า กลิ่นดีมากๆๆๆๆๆ หอมนุ่มละมุน กลิ่นดูแพง กลิ่นแนวดอกไม้หอมๆผสมออยล์ที่มีกลิ่มหอมแบบหนักแน่น และละมุน ไม่มีกลิ่นแบบกุหลาบหวานฟุ้งๆ ฉุนๆ แต่อย่างใด

เนื้อครีมอาบน้ำจะเป็นสีขาวมุกแวววาว เมื่อถูผสมน้ำเล็กน้อยเกิดฟองครีมหนานุ่ม ฟอกอาบได้สนุก และสามารถล้างน้ำออกได้ง่ายดาย ไม่ทิ้งคราบลื่นเหนียวเหนอะหนะบนผิว คงเหลือแต่ความรู้สึกเหมือนมีออยล์บางๆเบาๆเคลือบผิว ให้ผิวดูนุ่มนวล ชุ่มชื่น

สำหรับคนผิวแห้งอย่างเรา บางครั้งหลังอาบเสร็จจะเกิดความรู้สึกว่าผิวแห้งผากต้องการทาโลชั่นหรือออยล์ทันทีหลังอาบเสร็จ แต่สำหรับ ครีมอาบน้ำ Parrot Oil in Bath ตัวนี้ เราสามารถทำอย่างอื่นต่อได้เลยเพราะไม่เกิดอาการผิวไม่แห้งผาก กลับรู้สึกถึงความชุ่มชื่น ยิ่งใช้อาบในวันเร่งรีบ เช่นก่อนไปทำงาน ยิ่งรู้สึกปลาบปลื้มในผลิตภัณฑ์ตัวนี้ค่ะ

Biore ได้ออกผลิตภัณฑ์เซรั่มปัองกันแสงแดดและมลภาวะ สำหรับผิวกาย มานานหลายปีแล้ว

ช่วงแรกๆที่ออกผลิตภัณฑ์ตัวนี้ ด้วยชื่อสินค้าทำให้เราไม่แน่ใจว่าสิ่งนี้ใช้สำหรับ "บำรุงผิวที่มีสารกันแดดพ่วงมาเล็กน้อย" หรือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับ "ปกป้องผิวจากแสงแดดโดยเฉพาะแต่ได้ประโยชน์เรื่องบำรุงผิวด้วย"

แต่เท่าที่ลองใช้มาหลายหลอด หลายสูตร และรู้จักมานานเราสรุปว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้เน้นฟังก์ชั่นเรื่องปกป้องผิวจากแดดและมลภาวะค่ะ โดยวันนี้จะเน้นเล่าถึงสูตรหลอดสีเขียวสดใสหรือชื่อทางการว่าสูตร

Biore UV Anti-Pollution Body Care Serum Refresh Bright SPF50+/PA+++

ดูจากชื่อสูตรก็บอกแล้วว่าคุณสมบัติการป้องกันแดดมาเต็ม สามารถป้องกันทั้ง UVA และ UVB

ส่วนคุณสมบัติอื่นๆที่ผลิตภัณฑ์แจ้งไว้ก็เช่น มีสารสกัดจากแตงกวา ช่วยให้ผิวเย็น สดชื่น มี Anti-Pollution Shield ที่ช่วยป้องกันผิวจากมลภาวะ ฝุ่น ควัน สิ่งสกปรก ซึ่งเหมาะกับยุค PM 2.5 ในปัจจุบัน และคุณสมบัติที่ขาดไม่ได้สำหรับอากศบ้านเราคือ เป็นสูตรกันน้ำกันเหงื่อ

เท่าที่ได้ใช้งานจริง เริ่มจากกลิ่น เราชอบกลิ่นของสูตรนี้มากกว่าสูตรหลอดชมพู กลิ่นจะออกแนวหอมสดใส ดมแล้วสดชื่นดีค่ะ

ตัวเซรั่มจะเป็นสีขาว เมื่อทาแล้วบางเบามากๆๆๆๆๆ ซึมซาบเร็ว ไม่ถึงคราบขาวหรือความเหนอะหนะใดๆเหลือไว้ จึงสามารถพอกทาหนาๆแบบไม่ต้องรำคาญความเหนียวเหนอะผิวเลย เพื่อป้องกันผิวเราจากแสงแดดและมลภาวะได้เต็มประสิทธิภาพ

อีกสิ่งที่ประทับใจคือ เนื่องจากเราผิวแห้ง แต่เมื่อทาเซรั่มกันแดดตัวนี้ เหมือนช่วยเรื่องความชุ่มชื่นผิวด้วย ทาแล้วผิวไม่เป็นขุย เราใช้ทาทุกวันใช้ชีวิตประจำวัน เจอแดด เจอฝุ่น เจอฝน ไม่มีแสบผิว ยกเว้นบางวันลุยเที่ยวตากแดดอาบเหงื่อท่วมต่อเนื่องทั้งวันโดยที่ลืมทาเพิ่มระหว่างวัน จนเริ่มแสบผิวบ้าง ก็หยิบมาทาเพิ่มเติม เซรั่มกันแดดตัวนี้เหมือนช่วยให้ผิวเย็นสบายคลายจากอาการแสบผิวจากแสงแดดได้ดี

อ้อ ขอเล่าสิ่งที่ประทับใจเพิ่ม ถึงแม้จะทาเซรั่มกันแดดตัวนี้ เจออากาศร้อนๆแบบบ้านเราจนเหงื่อท่วมตัว ก็ไม่ละลายเป็นคราบขาวเหมือนกันแดดบางยี่ห้อที่เคยใช้ และประสิทธิภาพกันแดดก็ยังคงดีเยี่ยม (อย่างที่บอกคือเราเป็นคนผิวแห้งมากๆๆๆ ถ้าเจอแดดแบบไม่ได้มีอะไรป้องกันเลย จะรู้สึกแสบผิวทันที แต่ถ้าใช้เซรั่มกันแดดตัวนี้ แม้เหงื่อเปียกท่วมตามแขนขา จนกังวลเมื่อเจอแดด ก็ยังไม่เคยเจออาการแสบผิว)

สรุปคือ Biore UV Anti-Pollution Body Care Serum เป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องมีติดตัวสำหรับใช้ต่อเนื่องในทุกวันค่ะ

Bioré UV Aqua Rich SPF 50+ PA++++

เป็นกันแดดเนื้อเอสเซ้นส์สำหรับทาผิวหน้าและลำคอ สามารถปกป้องผิวได้ทั้งจากรังสี UVA และ UVB ด้วยค่า SPF ที่สูงถึง 50+ PA++++ กันเลยจ้าา
เห็นว่ายังมีนวัตกรรมที่ช่วยให้สามารถปกป้องผิวได้อย่างทั่วถึงแม้ร่องผิวลึก ติดทนทานกันน้ำกันเหงื่อ จึงช่วยปกป้องผิวเราจากรังสีของแสงแดดที่เป็นตัวการให้ผิวเราเสื่อมสภาพ และดูแก่ได้เยี่ยมยอดนั่นเอง สรรพคุณดีงามขนาดนี้มาเริ่มลองใช้กันเลยค่ะ

เริ่มที่บรรจุภัณฑ์ เป็นหลอดสีฟ้าเข้ม ฝาเป็นฝาเกลียวมิดชิด เปิดปิดง่าย ดูแข็งแรง ไม่ต้องกลัวเรื่องฝาปิดไม่สนิท หรือทำหกเลอะเทอะ
เมื่อหมุนเปิดฝาออกมา จะเจอปลายหลอดที่ออกแบบอย่างเหมาะเจาะเป็นปลายแหลม ทำให้สามารถบีบครีมกันแดดใช้ได้อย่างง่ายดาย ควบคุมปริมาณได้ง่าย และไม่เกิดการที่ครีมกันแดดค้างเปรอะเปื้อนตามรอบรู รอบฝาเกลียว

เนื้อกันแดด บีบออกมาทีแรกก็ดูเหมือนครีมทั่วไป สีจะออกเหลืองๆหน่อย แต่พอเอานิ้วเกลี่ยจะเห็นได้ถึงความบางเบาของเนื้อกันแดด ตามแบบฉบับเนื้อเอสเซ้นส์ ดูเป็นน้ำแตกตัวสมชื่อ Aqua สามารถเกลี่ยให้ซึมซาบลงสู่ผิวได้อย่างทั่วถึงง่ายดาย มีกลิ่นหอมสดชื่นอ่อนๆ

ความรู้สึกหลังจากทากันแดด คือ รู้สึกไม่มัน ไม่เหนียวเหนอะหนะ ทำให้สามารถทาตามปริมาณการใช้งานที่แนะนำต่อครั้งคือปริมาณ 2 ข้อนิ้วได้อย่างสบายๆ ไม่หนักผิว
นอกจากนี้ยังรู้สึกช่วยให้ผิวดูชุ่มชื่น นุ่มเนียน ไม่เป็นขุยสำหรับคนผิวแห้งอย่างเราอีกด้วย ทาแล้วไม่ทำให้หน้าขาววอก หรือสีผิวเปลี่ยน สามารถทาทับหลังแต่งหน้า หรือเติมกันแดดระหว่างวันได้เลยเพียงแค่ซับความมันออกเล็กน้อยก่อนทาเท่านั้น

ประสิทธิภาพของกันแดด เนื่องจากช่วงนี้มีสถานการณ์โรคโควิด 19 ทำให้ไม่ได้ออกไปไหนที่เจอแดดเต็มๆ เป็นเวลานานๆ สักเท่าไร แต่เท่าที่ได้ทาแล้วโดนแดดอันร้อนแรงช่วงเช้าเย็น ขณะเดินเข้าออกออฟฟิศ ก็ไม่เกิดอาการแสบร้อนผิวจากแดด เท่าที่ใช้ตอนนี้สรุปคือปลื้มมากๆๆ นึกแล้วอยากให้โควิดหมดไปซะที จะได้ออกไปใช้ชีวิตผจญภัยนอกบ้านได้เต็มที่โดยมีผู้ดูแลปกป้องผิวชั้นดีอย่าง Bioré UV Aqua Rich พกไว้ข้างกาย

เซรั่มลดเหงื่อระงับกลิ่นกาย Vaseline Dry Serum Ultra Whitening

ลักษณะเป็นเนื้อครีมเข้มข้นสีขาว เวลาใช้เพียงแค่บีบหลอดให้เนื้อครีมออกมาประมาณเม็ดถั่วแดง จากนั้นวนปากหลอดทั่วรักแร้

กลิ่นจะผสมผสานระหว่างกลิ่นแนวผลิตภัณฑ์ใต้วงแขนกับกลิ่นโลชั่นของวาสลีน

เมื่อทาไปไม่เหนียวเหนอะหนะ ให้ความชุ่มชื่นใต้วงแขน กลิ่นติดทนตลอดวัน คุมเต่าเปียกได้พอสมควร

ใช้ติดกันสักระยะ หนังไก่ดูดีขึ้นหน่อย ผิวใต้วงแขนดูชุ่มชื่นขึ้น ทำให้ดูดีขึ้น

ครีมอาบน้ำ Parrot Hyaluron Vitamin C&E

ต้องบอกก่อนว่าไม่เคยใช้ครีมอาบน้ำ Parrot มาก่อน เคยแต่ลองใช้สบู่ก้อนนกแก้วของคนในบ้าน แล้วคิดว่าเป็นสบู่ผู้สูงอายุ กลิ่นหอมฟุ้งแบบแนวโบราณ

จนกระทั่งได้ลองใช้ครีมอาบน้ำ Parrot ที่ได้รับจากกิจกรรม Cosmenet ความคิดก็เปลี่ยนไป

สูตรที่ได้ลองใช้คือ สูตร Orange Booster ขวดสีส้มสดใส เนื้อครีมอาบน้ำก็เป็นสีส้ม กลิ่นหอมสดชื่น ไม่ใช่คนอายุมากก็ใช้ได้ กลิ่นไม่โบราณ ฟองครีมหนานุ่ม

ล้างน้ำออกง่าย ไม่ทิ้งคราบลื่น หรือคราบเหนียวเหนอะหนะไว้ อาบเสร็จแล้วรู้สึกผิวสะอาด สดชื่น อิ่มน้ำ ขนาดเราเป็นคนผิวแห้งมาก อาบเสร็จก็รู้สึกว่าผิวชุ่มชื่นอิ่มเด้งดี ไม่มีอาการแห้งคัน คงเพราะด้วยมีส่วนผสม Hyaluron Vitamin C และ Vitamin E

อีกทั้งกลิ่นก็หอมติดทนนานสร้างความสดชื่นในยามอากาศร้อนระอุได้เป็นอย่างดี

Aveeno Skin Relief Moisturizing Lotion

โลชั่นทาผิวกาย ตัวที่ใช้มาในรูปแบบหลอดกะทัดรัด พกพาสะดวก ฝาเปิดปิดง่าย ไม่หกเลอะเทอะ

กลิ่นโลชั่น ไม่มีน้ำหอม ทำให้รู้สึกอ่อนโยน ปลอดภัยต่อผิว มีกลิ่นอ่อนๆ แนวผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์ผสมกับกลิ่นจางๆคล้ายเวลาไปเที่ยวทุ่งนาข้าว

เนื้อโลชั่นเป็นสีขาว เข้มข้น ทาเกลี่ยบนผิวได้อย่างง่ายดาย ซึมเร็ว ไม่ทิ้งคราบ ไม่มัน ไม่เหนอะหนะ เราใช้หลังจากที่ไปตระเวนตากแดดตากลมทั้งวัน บวกกับเป็นคนผิวแห้งอยู่แล้ว ผิวจึงยิ่งแห้งผากกกกก หนังแตกลอก มีอาการคัน แต่โลชั่นของ Aveeno ช่วยได้เยอะเลย ทาปุ๊บรู้สึกได้ว่าผิวชุ่มชื่นขึ้น ทาตอนกลางคืน ตื่นเช้ามาผิวก็ดูชุ่มชื่น รอยแห้งแตกดีขึ้น อาการคันก็หายไปค่ะ

ก่อนอื่นต้องบอกว่าเคยใช้ผลิตภัณฑ์ CeraVe Moisturising Lotion ที่ข้างขวดเขียนว่าใช้ได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย ใช้ดีมาก เรื่องความชุ่มชื่น ผิวเนียนนุ่ม ต้องยกนิ้วให้เลย แต่ก็ไม่ค่อยกล้าใช้ทาหน้าเป็นประจำสักเท่าไหร่

จนกระทั่งเห็น CeraVe มีผลิตภัณฑ์ออกใหม่สำหรับผิวหน้าโดยเฉพาะ คือ CeraVe Facial Moisturising Lotion ตัวที่จะรีวิวนั่นเอง ก็ไม่รอช้าที่จะทดลองใช้

ลักษณะบรรจุภัณฑ์
เป็นหลอด แต่ปากหลอดเป็นหัวปั๊ม ซึ่งโดยส่วนตัวแอบหงุดหงิดหัวปั๊มเล็กน้อย เพราะบางทีกดปั๊มควบคุมปริมาณและทิศทางค่อนข้างยาก บางทีก็ออกน้อยไป บางทีกดแรงก็ออกเยอะมาก หรือพุ่งกระเด็นออกนอกนิ้วมือที่รอรับ

เนื้อโลชั่น
เป็นสีขาว ถ้าเทียบกับโลชั่นที่ทาผิวตัว ตัวนี้จะเข้มข้นกว่าด้วยลักษณะความเป็นเนื้อเจล  ไม่มีกลิ่น

ผลลัพธ์การใช้งาน
เกลี่ยง่ายมากกกกก รู้สึกถึงความชุ่มชื่นทันที (ปกติเป็นคนผิวแห้งผากมากกกก) โดยที่ไม่เหนอะหนะผิว เบาสบายมาก ทาก่อนนอน ตื่นเช้ามาล้างหน้า จับผิวรู้สึกถึงความเรียบเนียนนุ่มชุ่มชื่นของผิว ที่สำคัญคือหน้าไม่เยิ้ม ไม่มีคราบน้ำมันหนึบหนับเคลือบผิวเหมือนผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่เคยใช้ ทาต่อเนื่องหลายวัน เวลาจับผิว รู้สึกปลาบปลื้ม ผิวดีขึ้น ไม่มีสิวอุดตันด้วย รู้สึกผิวแข็งแรงขึ้น
สรุปผลิตภัณฑ์ตัวนี้ตอกย้ำว่า CereVe ก็ยังคงครองใจเราเรื่องช่วยให้ผิวชุ่มชื่น นุ่มเนียน แข็งแรงขึ้นค่ะ

Clean & Clear Micellar Water

ข้างขวดบอกบอกว่า 0% พาราเบน แอลกอฮอล์ และน้ำมัน นอกจากนี้ยังมีสารสกัดจากอโลเวร่า ชวนให้รู้สึกว่าอ่อนโยน ปลอดภัยต่อผิว น่าลองใช้

หลังจากที่ได้เปิดฝาขวดเทลงบนสำลีครั้งแรก ได้กลิ่นหอมอ่อนๆชัดเจน กลิ่นคล้ายพวก oil อโลเวร่าที่ใช้ผสมกับกลิ่นอะไรบางอย่างที่บอกไม่ถูกเหมือนกัน

ใช้เช็ดบนใบหน้าก็ไม่แสบตา แสบผิว เช็ดเอาคราบต่างๆออกไปได้ดีและง่ายพอสมควร  หลังใช้ก็ไม่รู้สึกผิวแห้งตึง ไม่ทิ้งคราบเหนียวๆลื่นๆ เหมือนบางยี่ห้อที่เคยใช้  ที่สำคัญเป็นยี่ห้อที่รู้จักกันมานาน หาซื้อใช้ได้ง่าย ราคาไม่แพงด้วย

Melano CC Vitamin C Whitening Essence

แพ็คเกจเป็นหลอดยาว เลยทำให้ตอนแรกคิดว่าจะเป็นเนื้อข้นๆ หนืดๆหน่อย แต่เปิดฝามาก็เจอหัวแบบหยด รูนิดเดียว เลยลองบีบออกมา จะมีลักษณะเป็นน้ำ คล้าย Oil ลองเขย่าหลอด ก็ได้ยินเสียงแบบมีน้ำภายในหลอด ซึ่งทำให้แปลกใจพอควร เพราะความคุ้นชินถ้าเนื้อเป็นพวกน้ำๆ มักจะอยู่ในแพ็คเกจรูปแบบขวดมากกว่า แต่เท่าที่ใช้กลับชอบ ไม่มีเทแล้วไหลหกเลอะเทอะ ปากหลอดควบคุมปริมาณทีละหยดได้ดีมาก

ลักษณะของ Essence อย่างที่บอกคือให้ความรู้สึกเหมือน Oil เนื้อใสไร้สี มีกลิ่นแนวเปรี้ยวๆ

ลองทาดู เนื่องจากปรกติเป็นคนผิวแห้งมากกก พอเกลี่ยไปปุ๊บซึมหายไปกับผิวอย่างไว ทำให้ใช้เปลืองมาก ตอนหลังเลยตบๆให้ทั่วแล้วค่อยตามนวดอีกที ทาแล้วเหมือนมีน้ำมันเคลือบผิวเล็กน้อยสักครู่ แต่รู้สึกผิวชุ่มชื่นขึ้น  ไม่หนักผิว หรือรู้สึกเหนอะหนะนะ หน้าไม่เยิ้ม

หลังใช้มาประมาณ 10 วัน เวลาจับผิวดูแน่นขึ้น ดูกระจ่างใสขึ้นเล็กน้อย รอยสิวจางลง ไม่มีสิวขึ้นค่ะ ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าใช้อีกตัวค่ะ

Cream De Latex All in One Detoxifying Deep Cleansing Water Gel เป็นเจลล้างหน้าที่เบ็ดเสร็จในขั้นตอนเดียว ไม่ต้องมานั่งเอาสำลีชุบคลีนซิ่งเข็ดแล้วตามมาด้วยโฟมล้างหน้า มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ พืชตระกูลส้ม บร็อคโคลี่ และราชินีหิมะจากเกาะเชจู

บางส่วนผสมมีความอลังการมาก เพิ่งเคยได้ยินเอามาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องสำอางค์ สกินแคร์นี่แหล่ะ เรามาดูฝั่งส่วนผสมที่ไม่ใส่กันบ้าง ก็จะมีแอลกอฮอล์ น้ำหอม พาราเบน สีสังเคราะห์ และสารสูตรซับเฟต ทำให้มั่นใจได้ว่าเป็นเจลที่อ่อนโยนต่อผิวแน่นอน

ลักษณะจะเป็นเนื้อเจลใส มีกลิ่นแบบบอกไม่ถูก ไม่หอมแต่ก็ไม่เหม็น กลิ่นไม่แรง

เมื่อเปิดหลอดใช้ครั้งแรก ต้องเปิดที่ซีลปากหลอดออกก่อน วิธีใช้ตามคู่มือบอกให้บีบเนื้อเจลออกมาขนาดประมาณเหรียญ 5 ถึงเหรียญ 10 บาทแล้วแต่ปริมาณเมคอัพและครีมกันแดดบนใบหน้า จากนั้นนวดถูไปบนผิวโดยยังไม่ต้องใช้น้ำจนกว่านวดทำความสะอาดทั่วหน้าเสร็จแล้วค่อยไปล้างน้ำออก

ความรู้สึกคือ ทำความสะอาดได้หมดจด ทั้งคราบเมคอัพ (ปรกติแต่งหน้าน้อยมาก เน้นกันแดด) ความมัน และล้างเสร็จผิวหน้าไม่แห้งตึง ไม่เอี๊ยด ยังคงความชุ่มชื่นได้ดี หลังใช้มาประมาณสัปดาห์ก็ไม่มีสิวเห่อขึ้นนะ แสดงว่าทำความสะอาดได้ดีทีเดียวในขั้นตอนเดียว

St.Ives Facial Cleanser สูตร Smooth & Glowing Apricot
สูตรนี้มีสารสกัดที่สำคัญจากธรรมชาติคือ Apricot ซึ่งเป็นผลที่คล้ายๆลูกพีช ซึ่งน่าจะยังไม่มีชื่อเรียกภาษาไทย

สูตรนี้ตัวหลอด: จะเป็นโทนสีเขียว และมีสีส้มแจม ดูสดใส
กลิ่น: เป็นกลิ่นหอมๆ แบบสดชื่น อ่อนโยน เป็นธรรมชาติ ชอบมากค่ะ
เนื้อโฟมล้างหน้า: จะเป็นสีขาว
ความรู้สึกจากการลองใช้ เท่าที่บีบมาลองใช้ครั้งแรก ลองผสมน้ำนิดหน่อย เพราะจะถ่ายรูปกลัวหกเลอะเทอะและกลัวมือถือเปียกน้ำ ทีแรกคิดว่าไม่มีฟอง (ดูได้จากรูป) แต่พอไปถูกับน้ำเพิ่ม มีฟองเยอะขึ้น ฟองนุ่มดีทีเดียว เวลาล้างน้ำออก ล้างออกง่าย แต่จะมีลื่นๆเคลือบผิวอยู่สักหน่อย
และที่สนใจสูตรนี้ก็เพราะว่าปกติเป็นคนผิวแห้งมากกกก!!! เท่าที่ได้ใช้มาสังเกตว่าถ้ามันไหนผิวแห้งมากๆๆๆ  หลังล้างหน้าจะมีอาการผิวแห้ง ตึงผิวบ้าง (เพียงเล็กน้อย)  แต่ถ้าช่วงปกติก็ถือว่าโอเค ล้างเสร็จแล้วผิวไม่แห้งตึง ไม่เกิดขุยบนใบหน้า ใช้ต่อเนื่องมาสักสัปดาห์กว่า ผิวดูนุ่มขึ้นค่ะ
-  

หลังจากที่ได้ลองใช้ Ponds Age Miracle Ultimate Youth Essence มาประมาณ 1 สัปดาห์ค่ะ

แพ็คเกจ เป็นโทนสีแดง ดูสวยงาม แข็งแรง หรูหรา ทั้งกล่องและตัวขวด แต่เวลาปั๊ม Essence แต่ละปั๊มได้ค่อนข้างน้อย ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะ Essence ไม่เต็มขวด และแรงดูดน้อย เลยทำให้ปั๊ม Essence ได้น้อย (ขึ้นมาแค่ 2 ใน 3 ของหลอด) หรือเพราะตั้งใจออกแบบให้แต่ละปั๊มปริมาณน้อยๆ เพราะกลัวหกเลอะเทอะก็ไม่ทราบ แต่ลองตะแคงขวดแล้วปั๊มใหม่บางครั้งก็ได้เกินครึ่งหลอด บางครั้งก็ไม่ถึงค่ะ

เนื้อ Essence เป็นสีขาวขุ่น ไม่ข้นมาก มีกลิ่นหอมอ่อนๆ

ความรู้สึกเมื่อทาไปบนผิวหน้า เกลี่ยง่ายมาก บางเบา ไม่เหนอะหนะ สำหรับเราซึ่งเป็นคนผิวแห้งมาก โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก ปกติเมื่อเอามือลูบไปจะรู้สึกได้ว่าผิวแห้งกร้าน สำหรับ Essence ตัวนี้ให้ความชุ่มชื่นได้ระดับนึง คือความแห้งหยาบกร้านลดลง แต่ไม่ถึงกับหาย เรื่องทำให้ผิวมันเหนอะหนะ ไม่มีเลย อย่างทาตอนกลางคืน ตื่นเช้ามาหน้าก็ไม่มีอาการเยิ้มใดทั้งสิ้น เท่าที่ใช้ต่อเนื่องมา 1 สัปดาห์ ผิวดูสว่างกระจ่างใสขึ้น จับผิวแล้วดูอิ่มเด้งขึ้น ความแห้งหยาบกระด้างของผิวดีขึ้น แต่ยังคงมีอยู่ ก็ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ตัวอื่นที่เน้นเรื่องความชุ่มชื่นควบคู่ไปด้วยค่ะ

เฌอ CHER Acne Oil Control Serum T-ZONE Oil Free
เป็นเซรั่มเข้มข้น ลักษณะเป็นเนื้อใสเหลว (แต่มีความข้นมากกว่าน้้ำเปล่าทั่วไป) ไม่มีกลิ่นใดๆเลย เกลี่ยง่าย เมื่อทาไปปุ๊บ รู้สึกว่าช่วยให้ผิวชุ่มชื่นขึ้น ซึมเร็ว ไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ ช่วยลดอาการหน้ามันเยิ้มได้ระดับนึง ส่วนเรื่องลดสิว รอยสิว หน้าขาวขึ้น ยังบอกไม่ได้เพราะเพิ่งใช้ และถึงกำหนดต้องที่ต้องรีวิวค่ะ ไว้จะมาอัพเดทเพิ่มละกันค่ะ

มาอัพเดทเพิ่มค่ะ สิ่งที่ชอบหลังจากที่ได้ใช้สักระยะคือ ปกติตอนเย็นหน้าจะโทรมมาก ดูมันเยิ้ม หมอง แต่พอใช้เฌอทำให้หน้าดูไม่ค่อยโทรม หน้าไม่ดูไม่มันเงือก สิวลดลงเล็กน้้้อยค่ะ

Concept PHYSICAL SUN PROTECTION Cream (Beige)

เป็นครีมกันแดด SPF 50 PA+++ เพราะฉะนั้นป้องกันผิวได้ทั้งจาก UVA และ UVB โดยเป็นสูตร Physical ซึ่งกันแดดสูตรนี้จะใช้หลักการทาครีมเคลือบบนผิว ช่วยสะท้อนแสงและรังสียูวีออกจากผิวหนัง ซึ่งหลักการนี้เหมาะกับคนที่ผิวแพ้ความร้อน เพราะช่วยสะท้อนแสงและความร้อนออกไป ทั้งยังอุดตันน้อยกว่า คนที่ผิวแพ้เป็นสิวง่ายจึงใช้ได้ ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของสูตรนี้คือ เมื่อทาเสร็จปุ๊บ ไม่ต้องรอแม้แต่นาทีเดียว สามารถออกไปเผชิญแดดได้ทันที และปกป้องได้ยาวนานกว่า แต่โดยปกติสูตรนี้จะเนื้อหนัก เกลี่ยยาก

อย่าเพิ่งตกใจกลัวไป เพราะครีมกันแดด Concept ได้คิดค้นพัฒนาเนื้อครีมให้เป็น Water Drop เมื่อทาเกลี่ยไปบนผิว แล้วตบเบาๆ เนื้อครีมจะแตกตัวเป็นหยดน้ำ ซึ่งเราไม่ทันได้ถ่ายเพราะลืมไป ลักษณะจะเป็นหยดเล็กๆ ฝอยๆ ซึ่งคนผิวแห้งแต่ไม่ชอบความเหนอะหนะอย่างเราชอบมาก คือมันบางเบา สบายผิวมาก แถมยังรู้สึกว่าชุ่มชื่นผิวดีด้วย พูดถึงความบางเบาดูจากรูปได้ จะเห็นว่าเนื้อครีมดูไม่หนักเลย มีความหยดย้อยนุ่มเบาซะด้วยซ้ำ ทาไปตบไปก็มีกลิ่นหอมๆของครีมกันแดดด้วย

อ้อ ครีมกันแดดตัวนี้เป็นเมคอัพเบสได้ด้วย เพราะเมื่อทาเกลี่ย และตบเบาๆทั่วหน้าแล้ว จะช่วยให้ผิวดูเนียนๆ ผิวผ่องขึ้นมาเลเวลหนึ่ง ช่วยประหยัดเวลาในการแต่งหน้า

ส่วนเรื่องคุมมัน เท่าที่ใช้ก็คุมมันได้ระดับนึง แต่เนื่องจากช่วงนี้ยังไม่เจอแดดร้อนจัด เพราะฝนตกบ่อย เลยยังไม่กล้ารับรอง รวมไปถึงเรื่องปกป้องผิวไม่ให้รู้สึกแสบจากแดดแรงๆ ด้วย ไว้ถ้ามีโอกาสจะทดสอบดู

ใครที่สนใจผลิตภัณฑ์ตัวนี้ หาซื้อได้โดยตามหาที่มีหน้าตาแพ็คเกจสีส้ม-ขาว ทั้งกล่องและหลอดครีมกันแดดจ้า

เอามาใช้ทาๆนวดๆขา เดิมผิวที่ขาแห้งแตกระแหง และรอยแผลเป็นเยอะ พอใช้นวดพอใช้ทาๆนวดๆบ่อยๆ ผิวที่ขานุ่มชุ่มชื่นขึ้น แม้วันที่ไม่ได้ทา เหมือนช่วยฟื้นฟูผิวให้ใหม่เลย
ส่วนเรื่องรอยด่างดำ ก็จางลง แต่ต้องใช้เวลา และอาศัยความสม่ำเสมอในการทาด้วย

TOMEI ANTI-ACNE CREAM
โทเมอิ แอนตี้-แอคเน่ ครีม

ต้องบอกว่าได้ยินชื่อเสียงมานานแล้วเรื่องการปราบสิว
แต่ยังไม่เคยได้ลองใช้ด้วยตัวเอง
เพราะว่าเคยไปดูๆที่วัตสัน แล้วงงๆ ไม่แน่ใจว่าตัวนี้รึเปล่า เพราะชื่อผลิตภัณฑ์ไม่ได้ระบุไปเลยว่าครีมแต้มสิว บวกกับข้างกล่องที่มีคำระบุว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า เราเลยงงว่าเป็นครีมบำรุงผิวสำหรับคนเป็นสิวเยอะ หรือครีมที่แต้มตรงหัวสิวโดยเฉพาะ ไม่รู้มีใครเคยงงแบบเราบ้างมั้ย ประกอบกับมีซื้อยาทาสิวไว้หลายตัวยังใช้ไม่หมด ทำให้ไม่ได้ซื้อใช้สักที

แต่เวลาสิวขึ้นทีไรก็ร้อนใจอยากให้หายไวๆ โทเมอิก็จะผุดขึ้นมาในใจตลอด จนมีโอกาสได้ลองใช้จากกิจกรรมของ Cosmenet

แพ็คเกจที่ได้มากล่องสีสันสดใสน่ารัก มาเป็นหลอดบีบใช้ง่าย เก็บสะดวก ขนาด 5 กรัม พกพาไปไหนง่าย ไม่เปลืองพื้นที่

เนื้อครีมเป็นเนื้อสีขาวขุ่น ทาแล้วเกลี่ยง่าย ไม่เหนอะหนะ ซึมเร็ว ไม่ทำให้ผิวแห้งลอก หรือแสบ ตอนแรกเข้าใจว่าไม่มีกลิ่น แต่พอดมแบบจ่อจมูกถึงได้กลิ่นหอมแบบอ่อนๆ กลิ่นแบบอ่อนโยน

สำหรับประสิทธิภาพการกำจัดสิว ครั้งแรกเลยที่แต้มตอนกลางคืน ตื่นเช้ามายุบหายไปเลย ปลื้มมากกกกก
แต่ครั้งที่สองที่มีสิวขึ้น พอทาไปก็คิดว่าจะมีผลลัพธ์ที่ดีเหมือนครั้งแรก ปรากฎว่าไม่ได้ยุบหายไปในค่ำคืนเดียว เราเลยคิดว่าความเร็วช้าที่สิวยุบ น่าจะขึ้นอยู่กับสาเหตุการเกิดสิวด้วย แต่ผลลัพธ์การใช้ครั้งที่สอง ก็โอเคนะ จากที่บวมแดงเป่งอักเสบ และเจ็บ ก็หายเจ็บ และยุบลงไม่บวมเป่งเท่าเดิม (จากรูปคือถ่ายช่วงเช้าก่อนทา และถ่ายช่วงบ่ายหลังจากที่แต้มโทเมอิไปช่วงเช้า) ส่วนระยะเวลาที่หายรวมถึงรอยดำ รอยแดงจากสิว ยังคงรอดูผลอยู่ แต่เนื่องจากถึงระยะเวลาสิ้นสุดที่จะต้องรีวิว เลยต้องมาพิมพ์รีวิวก่อน ถ้ามีผลเพิ่มเติมจะมาอัพเดทค่ะ

แต่ถ้าให้สรุปจากที่ได้ลองใช้ก็รู้สึกปลื้มนะ เพราะได้ผลในการกำจัดสิว ในขณะที่ยังให้ความรู้สึกอ่อนโยนต่อผิวอยู่