Profile

เป็นครีมที่ดีค่ะ ทาแล้วเย็นวาบเลย ซึมเร็วไม่เหนียว ผู้ชายน่าจะชอบเลยค่ะ แต่ไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่ เหมือนทาให้สบายใจว่าชั้นทาครีมแล้วนะอะไรงี้ สามารถใช้ตอนเช้าด้วยก็ได้ค่ะไม่จำเป็นต้องรอใช้เฉพาะกลางคืนสำหรับคนผิวแห้ง เพราะไม่ได้ชุ่มชื้นอะไรเบอร์นั้นเท่าไหร่ค่ะ อีกอย่างมีน้ำหอมด้วย ควรระวังสำหรับผิวแพ้ง่าย และสีครีมที่น่ากลัวไปนิดนึง สีแบบเดียวกับคาลาไมด์ทาแก้คันเลย 55555555

เป็นโฟมล้างหน้าที่ดีค่ะ ไม่ทำให้แพ้ มีกลิ่นโสมอีกแล้ว แต่ก็ไม่แรงมากแป๊บๆก็หายไป ไม่ทำให้หน้าแห้งตึงค่ะสำหรับคนผิวมันคือโอเคเลยแต่ไม่เหมาะกับคนผิวแห้ง แอบตึงๆนิดหน่อยหลังล้าง ปริมาณเยอะสะใจดีค่ะ เพราะใช้แค่เหรียญ 5 บาท คือได้ทั้งหน้า และใช้ได้นานมากจนเบื่อไปเลย 5-6 เดือนจึงจะค่อยๆหมดไปเองค่ะ แต่ประสิทธิภาพที่ได้คือ เฉยๆค่ะ พูดตรงๆก็ประมาณว่าไม่มีเธอก็ได้ มีโฟมล้างหน้าที่ราคาถูกกว่านี้ทำได้ประมาณนี้เยอะแยะไปในตลาดค่ะ

เป็นลิปสติกที่สีสวยมากค่ะ พกจ.ไฮโซราชนิกูล มีพู่กันจิ๋วแถมให้ด้วย คือ น่ารักมาก ให้ความชุ่มชื้นได้ดีเหมาะกับคนปากแห้ง ติดทนสุดๆโดยเฉพาะสีแดงสีเข้มของนางต่างๆ คือ ถ้าไม่ไปวุ่นวายมากคืออยู่ทั้งวัน อย่างไงอย่างงั้น อย่างน้อยก็มีจางๆลงบ้างแบบระเรื่อ ยังผู้ดีอยู่เวลาดูดน้ำ ง่ำข้าวก็มีเลอะขอบแก้วขอบช้อน

แนะนำจะซื้อหรือลองตัวนี้ให้ซื้อที่ duty free สนามบินค่ะ ราคาดี ถูกกว่าเคานเตอร์ 20-30% และมีสีให้ลอง พนักงานไม่ยุ่งวุ่นวายมาก  สีที่ดีที่สุดที่เวลาซื้อของแบรนด์นี้ทีไรมันชอบแถมก็คือ เบอร์ 45 Royal Red ซึ่งเป็นสีที่ขายดีที่สุด และสวยที่สุดในบรรดาสีทั้งหมดค่ะ แนะนำเลยว่าต้องมี หมดแล้วก็ลองไปเอาจำนำดูเผื่อได้ 5555555555

เป็นบีบีที่น่ารักค่ะ แต่ราคาไม่น่ารัก แพงค่ะ พอเปิดออกมาใช้ครั้งแรก อื้อหือ โสมหึ่งเลย ใครไม่ชอบคือต้องวาร์ปหนีไปค่ะ แต่กลิ่นก็ไม่ได้อยู่นานค่ะ พอไปสักพักก็จะเข้ากับผิว ข้อเสียที่ร้ายแรงของบีบีเกาหลีคือ มีสีเดียวค่ะ คือ สเทา ไม่เหมาะกับทุกคน เหมาะกับคนผิวขาวมากๆ ประมาณสาวหมวย หนุ่มตี๋ ผิวแบบคนจีน เกาหลี ญี่ปุ่นอะไรประมาณเนี้ยค่ะถึงจะเข้ากัน คนผิวขาวเหลืองก็ยังพอได้นะแต่จะวอก เทา เหาะลอยแรงเลยสำหรับคนผิวสองสี SPF20PA+ ที่น้อยไปนิด แต่มีข้อดีคือ ทำให้หน้ามีความเงาเกาหลีมากๆและชุ่มชื้นสุดๆไปเลยค่ะ ติดทนทั้งวันเกิน 10 ชั่วโมง และไม่ปกปิดใดๆเลยค่ะ แค่ทำให้หน้าขาวขึ้นเว่อร์เฉยๆ เลยยังไม่แนะนำสำหรับคนไทยเท่าไหร่ เหมาะกับใช้ในเมืองหนาวเท่านั้น ใช้ในห้องแอร์บางทีหน้ามัน สิวขึ้นเลยขนาดผิวแห้งนะเนี่ย

คือ แบรนด์ป้านี่ แค่เห็นชื่อสาวกก็น่าจะรู้กันดี ให้ 10/10 ไปเลยค่ะถ้าไม่นับเรื่องราคาที่โหดมาก 2xxx up เฉลี่ยหลุมละ 300-400 กว่าบาทถือว่าแพงมากๆเลย

เท่าที่ปาดดูจากในรูปและของจริงคือ ไม่สตอเบอแหล เป็นแบบที่โฆษณาจริงๆค่ะ และสีอายชาโดวของป้าแพทคือ สุดมาก ปาดทีเดียว กรี๊ดเลย คือ สีโคตรชัด แล้วไม่เป็นฝุ่นน่ารำคาญด้วย เหมือนกึ่งเจลกึ่งแป้ง อย่างอันนี้จะคล้ายๆ พาเลตใหญ่ที่ขาย ณ ปัจจุบัน อย่าง Mothership V สีออกแนวเดียวกันแต่ตตัวนี้วิ้งเยอะกว่า และไม่มีขายหน้าร้าน มีเฉพาะออนไลน์เท่านั้น! 

คือ ตั้งแต่ใช้อายชาโดวมา 10 กว่าปี น้อยแบรนด์ที่จะไม่มี fall out แบรนด์นี้ she can ค่ะ สุดยอดมาก คือ ไม่ร่วงให้รำคาญเลย เบลนด์สีก็ง่าย ทามั่วซั่วยังไงก็ออกมาดูดีค่ะ ทาสีเดียวก็สวยแบบ monotone และที่สำคัญคือ Bronze palette เป็นพาเลทที่เราแนะนำที่สุดในบรรดาตัวอื่นที่สีประหลาดๆใช้ชีวิตจริงค่อนข้างยาก ด้วยเพราะเป็นโทนอุ่น สีสุภาพ แต่งง่ายที่สุด และได้ทุกโอกาส ไปเรียน ไปทำงาน ไปออกงานตั่งๆ หรือไปปาร์ตี้ แรสกระจาย นางเอาอยู่ทุกงาน ที่สำคัญคือ วิ้งนางสวยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ และติดทนสุดๆ ทาตั้งแต่ 7 โมง อยู่ยันเที่ยงคืนคือเว่อร์มาก ถ้าเป็นอายชาโดว์ราคา 1xx ต้นๆ ขยี้ตาคือไปแล้ว


ถามว่าซื้อต่อไหม ซื้อสิคะรออะไร 55555555

ว้าว สุดยอดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ลองปุ๊บซื้อปั๊บ ชอบมาก
แค่แพ็คเกจจิ้งก็ชนะแล้วค่ะ เห็นแล้วอดใจไม่ไหวจริงๆ มันน่ารักและหรูมาก

เราซื้อสี flesh 3 มาคือเป็นลิปบาล์มที่ให้สีเหมือนตัวเวอร์ชั่นลิปสติกเป๊ะ แต่ดีกว่ามากตรที่ชุ่มชื้นสุดๆๆๆ เราทาไปลุยเมืองหิมะ ตามเขาที่มีหิมะตก คือนางเอาอยู่ว่ะ สุดมาก และสามารถเอามาทาแก้มให้แก้มระเรื่อๆ ได้ด้วย จะออกแนว เนื้อ Sheer / tint มากกว่า ทาได้ทุกสีผิวและคือรอดทุกคน

ข้อดี
1.พกจ.สวยอย่างหรู และเฉดสีที่เป็นเอกลักษณ์ แทบไม่มีแบรนด์ไหนทำเหมือนได้ ทำหล่นหายคือน่าเสียดายมากเว่อร์
2.ติดทนมากๆ กินน้ำกินอะไรก็ยังอยู่ 
3.เนื้อลิปดี หักยากเว้นแต่ว่าลืมทิ้งไว้ในรถแล้วอากาศร้อนจัด มีโอกาสลิปละลายและหักได้
3.กลิ่นน้ำหอมไม่ค่อยแรงมาก ทาแล้วรู้สึกดี
4.ทาแล้วบำรุงฝีปากติดทนยาวนานมาก ไม่ต้องเติมบ่อยๆเหมือนยี่ห้อราคาถูก อยู่ได้ 4-5 ชั่วโมงในอากาศหนาว 8 ชั่วโมงสำหรับอากาศประเทศไทย (อยู่ทั้งวัน ถ้ากินอาหารกินขนมไม่เยอะมาก) ทุกครั้งที่ทาคือปากอิ่มน้ำสุดเหมาะกับคนปากแห้งมากๆ

ข้อเสีย
1.หนักกระเป๋า เพราะใช้วัสดุพิเศษในการทำ ทำให้รู้สึกเหมือนพกหินก้อนเล็กๆ
2.แพงค่ะ แบรนด์ป้าแพท เริ่มต้นก็ 1xxx กว่า
2.ปริมาณน้อยไปนิด ใช้แบบเติมเช้า-เย็นจะหมดค่อนข้างเร็วนิดนึงนะคะ

เป็นเนื้อลิปบาล์ม ของเราได้มาจากเซ็ต BB cream เป็นสี rose เหมือนลิปโกลว์ของดิออร์ เป๊ะๆ เลยค่ะ ความชุ่มชื้นคือทำได้ดีมาก แม้จะไม่ได้ทาซ้ำระหว่างวัน เพียงแต่มีเฉดสีให้เลือกน้อยกว่า ตัวลิปของ ฮูว์ จะเป็นเนื้อลิปบาล์มมีวาวๆ ข้อดีคือ แพ็คเก็จจิ้ง เล่นใหญ่ ฮองเฮา ทาแล้วดูผู้ดีเลยค่ะ ติดทนพอสมควร คือ กินข้าว ทานน้ำก็มีสีติดค่ะ แต่จะเป็นสีเข้มๆ อย่าง สีโรส หักคะแนนตรงเรื่องะความหักและเหลวง่าย ของเนื้อลิปค่ะ แค่ลืมทิ้งไว้ในห้องนอนที่ไม่ได้เปิดแอร์หรือไว้ในรถแดดจัดๆ ลิปก็ละลายแล้วค่ะ อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญก็คือ ราคาค่อนข้างสูง พอกับเคานเตอร์แบรนด์ ปริมาณ 3.5g ถือว่าค่อนข้างน้อย แอบเป็นคราบนิดหน่อยสำหรับคนปากแห้งมากๆ เมื่อทาซ้ำ ทาเดือนเดียวก็เริ่มหมดแล้วถือว่าไม่คุ้ม ซื้อลิปสติกของ Whoo จะทนกว่าและมีพู่กันจิ๋วแถมคุ้มกว่าค่ะ

ควีนออฟ คุชชั่น ตัวที่สอง รองจากรุ่น Whitening ก็คือ รุ่น Gongjihyang Mi รุ่นนี้ค่ะ แพ็คเกจจิ้งคือ ระดับงานซังกุงสูงสุด 10/10 ฆ่าคุชชั่นทุกแบรนด์ในท้องตลาดได้ชิวๆค่ะ พอเปิดตลับออกมาจะมีกลิ่นแนวโสมๆ ซึ่งต่างจากรุ่นแรก คนไม่ชอบกลิ่นโสมข้ามตัวนี้ไปได้เลยค่ะ เหมาะกับสาวๆ วัย 30+ หรือคนที่กังวลเรื่องริ้วรอยแรกเริ่ม ซึ่งคุชชั่นตัวนี้สามารถใช้ในอากาศร้อนได้ ให้งานผิวแบบ semi-matte ไม่ฉ่ำวาวจนเกินไป แต่ระหว่างวันควรซับมันเพิ่มสำหรับคนที่หน้ามัน หรือผิวผสม เซ็ตแป้งโปร่งแสงตามได้ก็จะดีค่ะ ส่วนคนมีริ้วรอยลึกๆ ตีนกาตัวนี้ยังปกปิดไม่ได้ รวมถึงช่วยบำรุงให้ริ้วรอยดูตื้นขึ้นตามที่เคลมนะคะ แต่เรื่องความโกลว์และติดทนต้องยกให้นางจริงๆ เช้ายังไง เย็นอย่างนั้นไม่มีดรอป (ถ้าลงเบสตาม)  เหมาะกับสายเกาจริงๆค่ะ และทำให้ลุคหลังแต่งคือ ดูผู้ดีมาก คุณหญิงสุดๆ (ถ้าใช้ลิปสติกที่ให้มาในรุ่น limited หรือไปซื้อตามทีหลังเบอร์ #45) และเอาไปทาเมืองนอก คือ จะกรี๊ดมาก เพราะหน้าไม่มีแห้ง หรือคัน หรือเป็นคราบเลย ซึ่งหากเติมระหว่างวันจะให้ลุคที่สวย หน้าเงาคล้ายกระจก ขั้นสุด ข้อเสียก็มีคือราคา ค่ะ ซื้อบ่อยๆ ก็ไม่ไหว และ เฉดสีมีให้เลือกน้อยเช่นกัน เหมือนทำมาขายเฉพาะคนเกาหลี มีแค่ #21 ขาวมากติดชมพู และ #23 ขาวเหลือง/สองสี (หน้าขาว คอดำ)  ซึ่งคนผิวเข้มไม่ควรใช้แบรนด์นี้เพราะอาจไม่รอด หน้าเหมือนคนป่วยมีอาการเทาหลีได้ค่ะ

กลิ่นนี้เป็นรุ่นเข้มข้นจากตัวรุ่นเดิม Eau de parfum นะคะ ไม่เหมาะใส่กับเมืองไทย ส่วนมากมีขายแถว EU (ขวดเล็กราคาเริ่มต้น 2,xxx -4,xxx ที่อังกฤษ) แต่เห็นบางที่ในไทยมีคนมาขายบ้าง แต่ก็ไม่เหมาะสมกับอากาศเมืองไทยอยู่ดี ถ้าไม่อยากโดนมองแรง แต่ไปเที่ยวหรืออยู่เมืองนอกก็ใส่ไปเหอะค่ะ ติดทนข้ามวันเลยจะบอก ใส่แล้วจะรู้สึกสวยเว่อร์ มั่นใจ มีอำนาจในมือ มีความเผ็ชแซ่สมชื่อแบรนด์ อีหลีแซ่บ เด้อออ มี inner นางพญาแน่นอน Queen bee เข้าสิงเลยอะไรอย่างงี้ 5555

ไปลองที่เคานเตอร์น้ำหอมมา แพคเกจน่ารักมาก กลิ่นโคตรหอม โคตรติดทน อาบน้ำยังมีกลิ่นจางๆติดอยุ่เลยค่ะ ดีจริงตัวนี้คอนเฟิร์ม ใส่รอบเดียวอยู่ได้ทั้งวันทั้งคืน แนวนมเนย ขนมหวาน ถั่วแมคคาเดเมีย ผลไม้เล็กน้อยกรุบกริบ ใส่แล้วเป็นสาวหวาน แบ๊ว ย้อนวัย 20 อีกครั้ง เมืองนอกหรืออากาศเย็นใส่อัดสเปรย์ไปเลยเต็มที่เริ่ด แต่ไม่เหมาะกับเมืองไทยเวลาอยู่ข้างนอกจริงๆค่ะ มันจะฉุนทำร้ายคนอื่นเกินไปเนื่องจากเป็น Eau de parfum กลิ่นกระจายตัวบ้ามากๆ ในที่ที่อากาศร้อนจัด ถ้าฉีดที่ร่องอกผู้หญิงกลิ่นมันจะตีขึ้นมานะคะ เล่นเอาเวียนหัวไปทั้งวัน ถ้าคุณกลัวกลิ่นกระจายแรงไปกระทบจมูกคนอื่น แนะนำให้ฉีดเอาที่ข้อมือค่ะ แล้วแท๊บๆตามจุดชีพจร แค่นี้ก็หอมนานแล้ว

Jean Paul Gautier นางไม่เคยทำให้ผิดหวัง ออกน้ำหอมมาแต่ละกลิ่นนี่มีสะดุ้งทุก package โดยเฉพาะตัวนี้ สีขาวน่าลูบไล้มาก 5555เราชอบมากๆ ค่อนข้างแตกต่างกับน้ำหอมผู้ชายอื่นๆในตลาด ออกแนว กทม. (กะเทย/เกย์สาวแอ๊บแมน) นะคะ ชะนี เอ๊ย ผู้หญิงเองก็ใช้ได้ เป็นลักษณะ unisex&safe scent จำพวกน้ำหอมเกร่อๆขายทั่วไป อย่าง CK one เทือกนั้น แต่จุดที่ต่างคือส่วนตัวเราว่ากลิ่นออกแนวธูปอินเดีย ดอกส้ม ดอกลาเวนเดอร์ ผสมกันออกมาเป็นโลกสวย สดชื่น ไม่ฉุนเกิน ใช้ได้ทุกวันทุกโอกาส กระจายตัวได้โอเค คือเดินไปต้องมีคนได้กลิ่น ว่าบาปติดทนดีเกินคำว่า eau de cologne ไป ราคาสูง (เริ่มต้น 3,xxx บาท) แต่หายไปไหนจากตลาดก็ไม่รู้ ไม่เห็นมานานมากแล้ว เดาว่าคงจะ discontinued ไปซะแล้ว ชอบมากอยากให้ทำอีก กลิ่นทนๆ มีความเป็นเอกลักษณ์สูง และสามารถใช้กับเมืองร้อนชื้นแบบไทยนี้หายากค่ะ

เหม็นกลิ่นกันแดดมาก และในเรื่องความขาวก็ไม่ช่วยเลย แต่เรื่องให้ความชุมชื้นนี่ถือว่าผ่าน ทาแล้วอุดตันด้วยเลยเอาไปทาคอแทน 555

อันนี้ก็เหมือนกับตัว Dove 3in 1 oil to foam make up remover คือ ล้างไม่ค่อยจะออกเหมือนกัน ยังดีที่ล้างมาสคาร่าหนาๆออกได้บ้าง แต่ต้องล้างหลายๆรอบหน่อย ซึ่งไม่เป็นผลดีกับผิวหน้า หน้าจะพังเอา บีบออกมาได้กลิ่นน้ำหอมชัดเจน แอบเหนอะหน้าต้องเอาโฟมล้างต่อ ดีว่าราคาถูกและลดราคาด้วย เลยไม่เสียใจและคาดหวังมากเท่าไหร่ บอกเลยว่าไม่มีการซื้อซ้ำแน่นอน

ล้างเครื่องสำอางที่เป็น water proof ไม่ออกนะคะแบรนด์นี้ ขนาดปรับสูตรจากของเดิม oil to foam เป็น 3in1 oil foam แล้วก็ยังไม่พัฒนา ใช้แล้วมีแอบคันยิบๆด้วยหลังล้างหน้า เหมือนล้างไม่ค่อยสะอาด มาสคาร่านี่ไม่ต้องพูดถึง อยู่ยังไงอย่างนั้น เหมือนเอาฟองสบู่ล้างหน้า ตัวนี้น่าจะเหมาะกับคนไม่แพ้น้ำหอมไม่ขี้แพ้ และแต่งหน้าบางๆแค่แป้งไม่ผสมรองพื้นกับลิปทิ้น ไม่ก็ไม่แต่งหน้าเลย