Profile

สวัสดีค่ะทุกคน

ช่วงกักตัว Work From Home ที่ผ่านมามันช่างเป็นช่วงที่เครียด และทำงานหนักกว่าช่วงตอนทำงานปกติอีกเนอะ แถมยิ่งอากาศร้อนๆแบบนี้บวกกับความเครียดที่มี...บอกเลยว่าส่งผลเสียทั้งสุขภาพจิตและสุขภาพผิวไปเต็มๆเลย แล้วสภาพผิวของพลอยในช่วงนี้มันพังมากจ้า T__T ทั้งสิว ทั้งผิวหมองคล้ำ มาเต็มที่แทบดูไม่ได้เลย แง!! แต่ว่าตอนนี้สิวอุดตัน สิวผดต่างๆมันลดลงไปพอสมควรแล้วล่ะค่ะ เพราะว่ากดสิวออกและทายาแต้มสิวตลอดแทบทุกวัน แต่พอสิวยุบแล้วก็ยังไม่วายทิ้งรอยสิว รอยดำ รอยแดงไว้ให้ช้ำใจอีก เฮ้ออออ ถ้าขืนปล่อยให้รอยสิวหายเองตามธรรมชาติคงใช้เวลาฟื้นฟูผิวนานแน่นอน เพราะฉะนั้นจึงต้องมีตัวช่วยกู้ผิวกันซะหน่อย แล้วพลอยก็ได้ลองผิดลองถูกมาหลายตัวเรื่อย ๆ จนมีโอกาสได้มาลองใช้เซรั่มลดรอยสิวแบรนด์ Kiehl's ดูค่ะ

แล้วทำไมถึงเลือกใช้ Kiehl's Dark Spot ช่วยแก้ปัญหา?
ซึ่งเซรั่ม Kiehl's Clearly Corrective Dark Spot Solution ขวดนี้เค้าเคลมหนักมากกกกก...ว่าช่วยลดการก่อตัวของเม็ดสีผิว และช่วยลดเลือนจุดด่างดำ รอยสิว ฝ้า กระ ได้อย่างชัดเจน พร้อมช่วยปรับผิวให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นด้วยอนุพันธุ์วิตามินซีเข้มข้นรูปแบบ 3-O-Ethyl Ascorbic Acid ที่มีความเสถียรมากกว่าวิตามินซีทั่วไป และอ่อนโยนต่อผิวมากกว่าเดิม แล้วก็ไม่มีส่วนประกอบซิลิโคน พาราเบน น้ำหอม สี และปราศจากเทคโนโลยีกระจายแสงค่ะ แต่ทว่าตกใจมาก!!...เพราะดันมีส่วนประกอบของแอลกอออล์ซะงั้น!! คือมันน่าจะตอบโจทย์สำหรับทุกสภาพผิวนั่นแหละ แต่ถ้าใครแพ้แอลกอฮอล์คงต้องโบกมือลาบ๊าย...บายกันแน่นอน

ขอกล่าวถึงจุดอื่นๆของเซรั่ม Kiehl's Clearly Corrective Dark Spot Solution กันบ้างค่ะ

แพคเก็จผลิตภัณฑ์: บอกเลยว่าเสี่ยงตกแตกมาก 555 เพราะเป็นเซรั่มในรูปแบบของ Dropper ขวดแก้วใสๆค่ะ แต่ก็ดูแบบเรียบหรูอยู่นะ มีตัวหนังสือสีดำพิมพ์อยู่รอบขวดด้วยนะเออ แล้วก็เนื่องจากเป็นขวดแก้วใสแถมเป็นเซรั่มที่สกัดมาจากอนุพันธุ์วิตามินซีเข้มข้น พลอยเลยคิดว่ามันไม่ควรที่จะเก็บไว้ที่มีแสงเข้าสักเท่าไหร่ เพราะมันอาจจะเสี่ยงทำให้เซรั่มมันเสื่อมคุณภาพลงด้วยน่ะค่ะ

กลิ่น: เปิดขวดมาปุ๊บ...กลิ่นตีขึ้นจมูกอย่างแรง >//< คือมันไม่มีน้ำหอมนั่นแหละค่ะ แต่เค้าใส่ Lavender Oil มาด้วย...เลยคิดว่าน่าจะเป็นกลิ่นที่มาจากลาเวนเดอร์ค่ะ ส่วนตัวพลอยว่ากลิ่นมันแรงไปนิดแต่ก็พอรับได้ค่ะ

เนื้อผลิตภัณฑ์: เนื้อเซรั่มก็จะเป็นแบบใสๆเหมือนน้ำ เนื้อบางเบา แต่ก็ไม่หนืด ไม่เหลวจนเกินไป และเกลี่ยง่ายทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้นทันที่ทา

ส่วนประกอบ: ชัดเจนเลย คือ มีแอลกอฮอล์แหละ ใครผิวแพ้คือเสี่ยงจริงๆ ซึ่งส่วนประกอบสำคัญๆก็จะมี 3-O-Ethyl Ascorbic Acid วิตามินซีที่มีประสิทธิภาพช่วยให้ผิวกระจ่างใส ยับยั้งการเกิดเม็ดสีผิว, Salicylic Acid ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดลอกออกและช่วยลดปัญหาการเกิดสิวอุดตัน, Citric Acid ช่วยปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอ เรียบเนียน, Lavandula Angustifolia Oil/Lavender Oil ช่วยลดความตึงเครียดของผิว และทำให้รู้สึกผ่อนคลาย, Citrus Tachibana/Citrus Aurantium Tachibana Peel Extract สารสกัดจากเปลือกส้ม ช่วยลดอาการอักเสบของผิว ลดการเกิดสิวค่ะ ซึ่งส่วนประกอบอื่นๆไม่ได้กล่าวถึงนะคะ เพราะบางตัวก็ไม่แน่ใจว่ามีคุณสมบัติช่วยดูแลผิวในเรื่องอะไรบ้าง

เนื้อสัมผัสของเซรั่มถือว่าดีอยู่นะ ทาปุ๊บซึมปั๊บ!! เกลี่ยง่าย ไม่ทำให้เหนียวเหนอะหนะผิวดีค่ะ แล้วก็ยังช่วยให้ผิวชุ่มชื้นขึ้นทันทีทาเลย ซึ่งพลอยจะใช้เซรั่ม Kiehl's Clearly Corrective Dark Spot Solution เป็นประจำทุกวันหลังล้างหน้าตอนเช้า และก่อนนอนค่ะ (ส่วนตัวขอแนะนำว่าใครที่มีปัญหาผิวเป็นสิวอยู่แบบเยอะๆไรงี้อย่าเพิ่งใช้จะดีกว่าค่ะ ควรรอให้สิวยุบหายดีก่อน เพราะไม่งั้นอาจจะไปช่วยกระตุ้นการเกิดสิวขึ้นเพิ่มได้นะคะ)

มาดูรีวิวหลังใช้ 14 วันกันบ้างค่ะ (จะไปต่อ หรือ พอแค่นี้ ตัดสินกันตรงผลลัพธ์นี่ล่ะค่ะ)

*ผิวช่วงแก้ม*
Before - พลอยจะมีปัญหาผิวเป็นสิวช่วงแก้มที่เห็นชัดมาก เดี๋ยวขึ้น เดี๋ยวยุบ ไม่ค่อยจะหายขาดสักที! แล้วด้วยความที่เป็นคนใจร้อนขี้เกียจรอมันหายเองก็เลยกดจ้า พอกดแล้วก็ตามที่เห็นเลยรอยสิวคือชัดมาก

After - หลังใช้ 7 วัน รอยดำ รอยแดง จางลงเล็กน้อยค่ะ ผิวดูกระจ่างใสขึ้นนิดๆ

After - หลังใช้ 14 วัน สังเกตได้เลยว่ารอยสิวจางลงอย่างชัดเจน ผิวดูเนียนสว่างขึ้น แต่ถ้าพวกรอยแผลเป็นสิวที่เคยเป็นมานานจะไม่ค่อยเห็นผลสักเท่าไหร่ค่ะ

*ผิวช่วงหน้าผาก*
Before - ผิวบริเวณหน้าผากเป็นบริเวณที่เป็นปัญหาบ่อยมากกก เป็นสิวผดแบบรักษาไม่หายขาด ยิ่งเครียดยิ่งขึ้นเพิ่ม หรือ อากาศร้อนมากๆก็ไม่รอดจ้าสิวนี่ขึ้นตลอด ก็เลยได้แต่คอยกดออกเช่นกันค่ะ จากนั้นก็ทิ้งรอยไว้เยอะพอสมควรเลย

After - หลังใช้ 7 วัน รอยสิวใหม่มักจางลงไว และเห็นผลชัดกว่ารอยสิวเก่านะ (สิวยุบลงไวเพราะใช้ยาแต้มสิวควบคู่ และจะเน้นทาเซรั่มเป็นจุดๆแทนการทาลงทั่วทั้งผิวหน้าค่ะ)

After - หลังใช้ 14 วัน รอยสิวจางลงเกือบหมดเลยจ้า

สรุปความคุ้มค่าหลังจากใช้ Kiehl's Clearly Corrective Dark Spot Solution

ด้วยความที่ราคาเซรั่มขวดนี้ค่อนข้างแรง (30 ml. ราคา 2,700 บาท) เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพหลังใช้ 14 วันแล้วก็ยังถือว่าอยู่ในระดับปานกลางค่ะ ไม่ได้ว้าวอะไรขนาดนั้น >3< หลักๆก็ช่วยลดรอยสิวใหม่ได้ดี และยังช่วยลดการเกิดสิวใหม่ ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นด้วยค่ะ ซึ่งส่วนตัวพลอยคิดว่ามันไม่ค่อยเหมาะกับคนที่ผิวแพ้ง่าย เป็นสิวสักเท่าไหร่นัก เพราะว่าก่อนที่พลอยจะใช้เซรั่มครบ 14 วัน ในช่วง 2 - 3 วันแรกดันสิวเห่อขึ้นเฉยเลย (เพราะช่วงแรกสิวยังไม่ยุบเยอะเท่าไหร่ด้วย) ก็เลยใช้ได้ในปริมาณน้อยๆใช้แต้มแทนการทาค่ะ แล้วพอสิวยุบหายดีจึงใช้ทาทั่วหน้าค่ะ มันก็เห็นผลลัพธ์ดีขึ้นแหละ ซึ่งคาดว่าหากใช้ต่อเนื่องไปยาวๆสัก 1 - 2 เดือนผิวน่าจะดีขึ้นกว่านี้ค่ะ

ถามว่าไปต่อดีไหม? ก็คิดว่าถ้าใช้จนหมดขวดแล้วรอยสิวใหม่ และเก่า ฝ้า กระจางลงชัดเจนกว่านี้ ก็จะซื้อใช้ต่อขวดที่ 2 แน่นอนค่ะ แต่ถ้าเฉยๆไม่ดีขึ้นไปกว่านี้แล้วก็จะพอค่ะ

สรุปให้คะแนน 8.5/10 คะแนน หักเรื่องกลิ่นก่อนเลย มันแรงอยู่นะ ใครไม่ชอบกลิ่นลาเวนเดอร์นี่อาจเกลียดได้เลย 5555 และหักตรงที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ แล้วก็ราคาค่อนข้างสูงค่ะ 

ในช่วงสถานการณ์ Covid-19 นี้ ถ้าสาวๆคนไหนที่อยากลองใช้เซรั่ม Kiehl's Clearly Corrective Dark Spot Solution ก็สามารถสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ที่ Lazada, www.kiehls.co.th, www.robinson.co.th และ www.central.co.th ได้เลยนะคะ

สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้พลอยจะมารีวิว Clinique Even Better Clinical Radical Dark Spot Corrector + Interrupter เซรั่มเข้มข้นสูตรใหม่ที่ช่วยลดรอยสิว จุดด่างดำ และความหมองคล้ำจาก Clinique ค่ะ ซึ่งเซรั่มสูตรนี้ถูกพัฒนามาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่อย่าง CL-302 Equalizer Technology ที่ช่วยจัดการปัญหาจุดด่างดำได้อย่างตรงจุดและอ่อนโยน และเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว หรือแม้แต่ผิวบอบบางแพ้ง่ายก็ใช้ได้นะคะ เนื่องจากไม่มีส่วนประกอบของพาราเบน, สารเคมีเพิ่มความยืดหยุ่น และน้ำหอมค่ะ 

ซึ่ง Clinique สูตรนี้จะมีส่วนประกอบสำคัญของ CL-302 Complex ที่ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ รอยสิว ให้จางลง และช่วยปรับสีผิวให้ดูกระจ่างใส ดูสม่ำเสมอขึ้น และมี Interrupter Complex ที่ช่วยต่อต้านจุดด่างดำที่อาจเกิดในอนาคต พร้อมต่อต้านอนุมูลอิสระและมลภาวะต่างๆ เพื่อให้ผิวดูแข็งแรงและชุ่มชื่นอย่างสัมผัสได้ค่ะ

เนื้อเซรั่มสูตรใหม่นี้เข้มข้นกว่าสูตรเก่ามากๆค่ะ และยังมีความบางเบา เนื้อเกลี่ยง่าย ซึมลงผิวไว ไม่ทำให้รู้สึกเหนอะหนะผิวค่ะ แถมยังไม่มีกลิ่นน้ำหอมกวนใจด้วยล่ะ 

วิธีใช้: เพียงกดปั๊มเซรั่มเพียง  2 - 3 ปั๊ม ก็สามารถใช้ทาได้ทั่วใบหน้าแล้วค่ะ ซึ่งตัวนี้พลอยใช้ทาบำรุงผิวหน้าเป็นประจำทุกวันหลังล้างหน้าตอนเช้า และก่อนนอนค่ะ พอทาเสร็จแล้วจะรู้สึกว่าผิวดูแมทท์ขึ้น แต่ไม่แห้งนะคะ และยังรู้สึกว่าผิวชุ่มชื่นขึ้นทันทีเลยล่ะ

ผลลัพธ์หลังทดลองใช้ 14 วัน (หมดขวดทดลองกันไปเลยค่ะ)
สังเกตเห็นได้ว่าผิวหน้าดูเรียบเนียน กระจ่างใสมากขึ้น พวกรอยสิว รอยดำเล็กๆที่เป็นรอยใหม่จางลงไวมาก แต่รอยสิว รอยแผลเก่าใหญ่ๆนั้นยังไม่หายไป 100% นะคะ แต่ก็ค่อยๆลดเลือนจางลงเล็กน้อยค่ะ ส่วนตัวพลอยเลยคาดว่าน่าจะต้องใช้อย่างต่อเนื่องให้มากกว่า 1 เดือนขึ้นไปน่าจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนมากกว่านี้ ซึ่งโดยรวมพลอยให้คะแนน 4 / 5 คะแนนค่ะ เพราะด้วยราคาที่ค่อนข้างแรงเอาเรื่องเลยค่ะ 5555 ใครที่งบน้อยอาจจะสู้ไม่ไหวจริงๆ แต่ถ้าหากใครมีงบหน่อย พลอยว่าก็เป็นสกินแคร์ที่ควรลงทุนเพื่อดูแลปัญหารอยสิว จุดด่างดำที่ดีตัวนึงเลยล่ะค่ะ (สรุปคือ ถ้าพลอยมีงบมากกว่านี้ก็คงซื้อมาใช้ต่อค่ะ 5555) แล้วมันดีตรงที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน และเกิดสิวใหม่เพิ่ม ซึ่งมันตอบโจทย์กับสภาพผิวบอบบางแพ้ง่ายอย่างพลอยมากๆเลยล่ะค่ะ 

สำหรับใครที่สนใจสามารถหาซื้อได้ที่เคาท์เตอร์แบรนด์ Clinique ได้เลยนะคะ ^__^ มี 2 ขนาดด้วยกันค่ะ คือ ขนาด 30 ml. ราคา 2,850 บาท และ ขนาด 50 ml. ราคา 4,100 บาทค่ะ