Profile

สวัสดีค่า สำหรับผลิตภัณฑ์น้องใหม่ล่าสุด จากแบรนด์ที่คุ้นเคยอย่าง SENKA ที่เราได้มีโอกาสทดลอง นั่นคือSENKA DEEP MOIST GEL CREAM ซึ่งเป็นเจลครีม 1 ใน 3 ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวใหม่ ที่จะมาช่วยเรื่องเก็บล็อกความชุ่มชื่น คืนสมดุลให้ผิวหน้า ค่ะ

เริ่มจาก เนื้อผลิตภัณฑ์ เป็นเนื้อเจลครีม ไม่มีกลิ่น เมื่อทาลงบนผิวจะแตกตัวเป็นน้ำ ซึมซาบลงผิวได้ดี ไม่เหนอะหนะให้ความรู้สึกว่าผิวยังคงชุ่มชื้น  เราใช้เจลครีมตัวนี้เป็นขั้นตอนสุดท้ายหลังจาก ใช้โทนเนอร์ ลงเซรั่ม อิมัลชั่นแล้ว ซึ่งเราใช้ตัวนี้แทนสลีปปิ้งมาร์คเลยค่ะ

ผลลัพธ์ที่สัมผัสได้หลังใช้ต่อเนื่อง  คือเห็นผลเรื่องความชุ่มชื้น ผิวอิ่มน้ำ เพราะช่วงนี้เรานอนดึกมาก อยู่หน้าจอคอมเป็นเวลานานๆทั้งคืน พอโบกเจลครีมตัวนี้ ตื่นมาตอนเช้ารู้สึกได้ว่า ผิวหน้าไม่กระด้าง มีความอิ่มน้ำ แบบที่ไม่เหนียวไม่มัน ที่สำคัญคือ แต่งหน้าแล้วเครื่องสำอางยังติดทน ไม่ตกร่อง ประทับใจในจุดนี้

ในเรื่องของส่วนผสมก็ต้องบอกว่า คุ้มค่ามาก ในราคาเท่านี้ แต่ใส่สารบำรุง และเทคโนโลยีที่ใช้ก็ระดับเคาน์เตอร์แบรนด์  อย่างไวท์ โคคูน, ไรซ์ บราน ออยล์, ฮันนี่, มารีน คอลลาเจน ดับเบิ้ล ไฮยาลูรอนิค แอซิด และใช้เทคโนโลยีมอยส์เจอร์ บูสท์ ซึ่งเป็นส่วนผสมจากธรรมชาติ รู้สึกได้ว่าใช้แล้วปลอดภัย และจากการใช้มาอย่างต่อเนื่อง เราก็ไม่แพ้ด้วยค่ะ และอีกอย่าง คือชอบตรงที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์  สารแต่งสี น้ำหอมตั่งต่าง

สรุปเลยแล้วกัน ชอบค่ะ ตัวนี้คิดว่าหมดแล้วซื้อซ้ำ เพราะชอบตรงที่อ่อนโยน และช่วยเรื่องผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำได้จริง เป็นอีกตัวนึงที่ต้องมีติดตู้ไว้กู้ผิวยามเร่งด่วนเลยค่า

สวัสดีค่า เราจะมารีวิว กันแดดทาตัวจากแบรนด์ที่ทุกคนคุ้นเคย Biore นั่นเอง น่าจะผ่านตากันมาบ้างแล้ว สำหรับคนที่เล็งๆไว้ แต่ยังไม่ตัดสินใจซื้อ อยากให้มาอ่านรีวิวของเราประกอบการตัดสินใจก่อนน้า

 

สำหรับสูตรที่เราได้มาลองนั้น คือ Intensive White ซึ่งแบรนด์เคลมว่า ช่วยให้ผิวดูวิ้งกระจ่างใสจริงใน 14 วัน ไม่กลับไปคล้ำเสีย สู้แดดอย่างมั่นใจกันไปเลยค่า

 

ซึ่งหลังจากที่เราได้ทดลองใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นเวลา 2 สัปดาห์ติดต่อกัน โดยใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ และมีการทาซ้ำระหว่างวันด้วย ผลเป็นดังนี้ค่ะ

 

- Texture ของตัวกันแดด เป็นครีมสีขาวข้น มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เนื้อไม่หนัก ทาแล้วค่อยๆซึมซาบลงผิว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่ติดเสื้อผ้า  ซึ่งอันนี้ดีงามมากกก เหมาะกับการทาซ้ำระหว่างวัน  และดูเหมือนผิวจะขางขึ้นทันทีที่ทาหนึ่งระดับค่ะ คล้ายๆมีครีมมาเคลือบผิวเอาไว้

- ประสิทธิภาพของกันแดด อันนี้เราวัดผลจากสีผิวเดิมก่อนใช้ และหลังใช้เป็นประจำเมื่อต้องออกแดด พบว่าสีผิวคล้ำขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้เห็นชัดมาก แต่คิดว่าเป็นช่วงที่เราต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งมากกว่าปกติ มีเหงื่อออก ทำให้ประสิทธิภาพของกันแดดอาจจะลดลง ทำให้ไม่สามารถปกป้องผิวได้มากเท่าที่ควร

สรุปแล้วสำหรับเรานะคะ กันแดดตัวนี้ก็เป็นกันแดดที่ดีตัวนึง ด้วยสารสกัดที่ใส่ให้มามีทั้งกันแดด และบำรุงไปในตัว เหมาะสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน วันสบายๆ ที่ไม่ได้ทำกิจกรรมกลางแจ้งมากนัก เช่น วันที่นั่งทำงานในออฟฟิศ  ไม่เหมาะสำหรับวันที่ต้องการการปกป้องแบบจัดเต็ม เช่น ไปเล่นน้ำทะเล และควรทาก่อนออกแดดทุกครั้งอย่างน้อย 30 นาที ค่ะ เพื่อกันแดดจะได้มีประสิทธิภาพในแง่การปกป้องผิวได้อย่างเต็มที่

 

กันแดดรุ่นนี้ มีทั้งหมด 3 สูตรนะคะ ได้แก่

Intensive White  กันแดดกันฝุ่นไวท์เทนนิ่ง เพื่อผิววิ้งใส

Refresh Bright กันแดดสูตรเย็น สดชื่นทันทีที่ทา

และ Age Defense กันแดดเนื้อบางเบา สูตรชะลอริ้วรอยสาเหตุจากแสงแดดและมลภาวะ

มีขนาด 50 ml ราคา 129 และ 150 ml ราคา 290 บาท

สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้า ห้างสรรพสินค้า และช่องทางออนไลน์ค่ะ

สวัสดีค่า วันนี้เรามารีวิว SENKA Perfect Gel Gentle Wash ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าเนื้อเจล จาก SENKA ค่ะ สำหรับแบรนด์นี้เราใช้มาอย่างยาวนาน ปลื้มโฟมล้างหน้าทุกสูตรเลยค่ะ ตอนนี้ก็ใช้หลอดสีเขียวอยู่ ขาดไม่ได้เลย

สำหรับน้องใหม่ล่าสุดที่ได้มาทดลองนั้น ผลลัพธ์เป็นดังนี้ค่า

เริ่มจากเนื้อผลิตภัณฑ์ เป็นแบบเนื้อเจล ใส กลิ่นหอมอ่อนๆ สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยน เบาบางงง ไม่เป็นพิษเป็นภัย 555

พอเราบีบ และนำมาถูบนผิวหน้าที่เปียกนั้น ไม่มีฟอง ไม่ต้องแปลกใจค่ะ คุณสมบัติในการทำความสะอาดยังดีเลิศ ไม่ได้บกพร่องแต่อย่างใด จากนั้นก็นวดๆเบาๆ เพื่อความละมุนผิว อย่าถูแรง เพราะจะทำให้ใบหน้าเกิดริ้วรอยนะคะ ปล่อยไว้ซักพักให้บิวตี้เซรั่มที่มาในตัวผลิตภัณฑ์ได้ทำงาน ค่อยๆซึม ฟื้นฟูบำรุงผิวเราไปในตัว  จากนั้นค่อยๆล้างออกให้สะอาด ซึ่งก็ล้างออกง่าย ไม่ทิ้งความเหนอะหนะไว้บนผิว ที่ว้าวมากคือ ไม่ทำให้ผิวแห้ง และช่วยทำให้ผิวยังคงชุ่มชื่นหลังล้างหน้า อันนี้เป็นคุณสมบัติที่ดีของผลิตภัณฑ์ล้างหน้าเลยทีเดียว

สรุปแล้วเราใช้แล้วค่อนข้างประทับใจค่ะ ไม่แพ้ ใช้ไปซักระยะ สิวก็ไม่ขึ้นเพิ่ม คาดว่าจะใช้ตัวนี้ในวันที่แต่งหน้าเบาๆ ต้องการความอ่อนโยน สลับกับโฟมล้างหน้าที่ใช้อยู่เป็นประจำค่ะ  หมดแล้วคาดว่าจะซื้อใช้ต่อค่ะ สำหรับคนที่สนใจ SENKA Perfect Gel Gentle Wash  มีขนาด 100 g. ราคา 179 บาท  หาซื้อได้ที่ Watsons, Tsuruha,  Matsumoto Kiyoshi, Tops, Big C, MaxValu, Cosme, DON DON DONKI หรือร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ หรือทาง Shop online ค่า

สวัสดีค่ะ วันนี้มารีวิว ครีมอาบน้ำ Parrot ค่ะ ได้รับผลิตภัณฑ์ทดลองจาก cosmenet ปลื้มปริ่มมาก เพราะเราเป็นคนชอบทดลองครีมอาบน้ำหลายๆแบบ เพราะเชื่อว่าแต่ละแบรนด์ก็จะมีจุดขายต่างกัน สำหรับ Parrot นั้น แน่นอนค่ะ อยู่คู่กับคนไทยมายาวนาน ได้เห็นแบรนด์ปรับตัว เพิ่มความทันสมัย และมีคุณภาพมากขึ้น ทำให้อยากลองทุกๆกลิ่นเลยค่ะ
สำหรับเจ้าครีมอาบน้ำตัวนี้ มีทั้งหมด 6 สูตรด้วยกัน หาซื้อได้ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป ส่วนเรานั้นได้สูตร Hyaluron Vitamin C&E มาทดลองค่ะ
เริ่มจากความประทับใจแรก คือส่วนผสมำคัญที่ใส่มา มี Hyaluron ที่ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิว ,Vitamin C ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลส์ผิว ให้แลดูกระจ่างใสขึ้น และมีVitamin E ที่ช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม อ่อนเยาว์ ลดเลือนริ้วรอยก่อนวัย
ต่อมาคือเรื่องกลิ่นค่ะ แน่นอนครีมอาบน้ำที่ดี ต้องโดดเด่นเรื่องกลิ่น ต้องหอมติดผิวยาวนาน ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเวลาอาบน้ำ สำหรับครีมอาบน้ำตัวนี้ให้กลิ่นหอมจากธรรมชาติ ด้วยกลิ่นสดชื่นของ Orange Booster ถูกใจมากค่ะ อยากอาบน้ำวันละหลายๆรอบเลย
อีกอย่างหนึ่งที่ประทับใจ คือเราชอบตรงที่มีฟองโฟมเยอะ หนานุ่ม แต่ก็ล้างออกง่าย เช็ดผิวแล้วผิวไม่แห้งตึง สัมผัสได้ถึงความชุ่มชื้นที่ยังหลงเหลืออยู่บนผิว
ส่วนเรื่องความขาวกระจ่างใสใดๆ เราไม่หวังผลจากครีมอาบน้ำค่ะ เราเน้นที่พวกบอดี้โลชั่นมากกว่า
สรุปคือเป็นครีมอาบน้ำที่ทำออกมาได้ดีทีเดียว เรื่องกลิ่น เรืองความชุ่มชื้น ได้คะแนนเต็ม ซื้อใช้ต่อแน่นอน และอาจจะลองสูตรอื่นๆด้วยค่ะ

สวัสดีค่ะ วันนี้มารีวิว ผลิตภัณฑ์ที่สาวๆส่วนใหญ่ควรใช้ แต่อาจจะยังไม่เคยใช้ นั่นคือ เซรั่มลดเหงื่อระงับกลิ่นกาย พร้อมช่วยบำรุงผิวใต้วงแขนให้ขาวกระจ่างใสขึ้น ค่ะ สำหรับเราได้รับผลิตภัณฑ์ทดลองจากทีมงาน cosmenet ก็เลยได้มีโอกาสดีๆมารีวิวให้เพื่อนๆรับชมกันค่า เซรั่มตัวนี้ คือ Vaseline Dry Serum Ultra Whitening เป็นเซรั่มลดเหงื่อระงับกลิ่นกายจากแบรนด์ที่เราคุ้นเคยกันดี จุดเด่นของเซรั่มตัวนี้ คือให้ความหอมยาวนานทั้งวัน กระจ่างใสตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้
ความรู้สึกหลังจากได้ทดลองใช้เป็นระยะเวลาสองสัปดาห์ สำหรับเรา อย่างแรกเลย คือเนื้อเซรั่มบางเบา ซึมซาบไวทันทีหลังใช้ มีกลิ่นหอม สำหับเรากลิ่นมันอ่อนๆ ไม่ฉุนมากแบบโรลออนทั่วๆไป ที่สำคัญช่วยลดกลิ่นเหงื่อได้หลายชม.เลยค่ะ ในวันที่อากาศร้อนอบอ้าวก็เอาอยู่ ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นเหม็นอับใดๆ
ผลลัพธ์เรื่องการบำรุงผิวใต้วงแขน รู้สึกว่า ผิวเรียบเนียน มีความกระชับขึ้นเล็กน้อย เรื่องความขาวใสยังไม่เห็นผลชัดเจนมากนัก ต้องใช้ต่อไปอีกระยะหนึ่งจะเห็นความแตกต่างมากขึ้นค่ะ
สำหรับเรา เซรั่มตัวนี้ถือว่าคุ้มค่าน่าใช้ สำหรับคนที่ปกติใช้โรลออนระงับกลิ่นเหงื่ออยู่แล้ว ลองเปลี่ยนมาใช้เซรั่มดูค่ะ ได้บำรุงน้องจั๊กไปในตัวด้วย เซรั่มตัวนี้ มี 2 ขนาด คือ ปริมาณ 30 ml ราคา 69 บาท และ 50 ml ราคา 119 บาท หาซื้อได้ง่ายตามร้านค้าและห้างสรรพสินค้าทั่วไปค่ะ

สวัสดีค่า สาวๆชาว cosmenet  ทุกคน วันนี้เรามีรีวิวรองพื้นตัวเด็ด ตัวดัง ที่คิดว่าเป็น wish list ของสาวๆหลายคนมาฝากกันค่ะ พูดถึงคุณสมบัติของรองพื้นตัวนี้กันก่อน เจ้าตัวนี้ เป็นรองพื้น ของแบรนด์ YSL (Yves -Saint-Laurent) นั่นเอง รุ่น  YSL All Hours Foundation ค่ะ แบรนด์เคลมมาว่า ตัวรองพื้นเป็น soft matte คือมีความบางเบาแต่ก็ยังช่วยปกปิดได้ดีถึง 24 ชั่วโมง เหมาะกับทุกสภาพผิว และมีให้เลือกกันถึง 22 เฉดสี คลอบคลุมได้ตั้งแต่สาวผิวขาว ถึงสาวผิวเข้มเลยล่ะค่ะ

สำหรับตัวเทสเตอร์ที่เราได้รับมาทดลองนั้น คือ สี B30 Almond  ซึ่งถือว่าเลือกมาได้ใกล้เคียงเฉดสีผิวของเรามากที่สุด ปลื้มปริ่มค่ะ เป็นครั้งแรกที่เลือกสีรองพื้นทางออนไลน์แล้วได้สีที่ประทับใจ

สำหรับการใช้งาน เราเลือกลงรองพื้นด้วยฟองน้ำ และใช้นิ้วช่วยแทปๆเอา ก็รู้สึกได้ว่า ปกปิดได้พอสมควร รอยดำรอยแดงก็กลบได้ดี ส่วนรอยคล้ำใต้ตาก็ใช้คอนซีลเลอร์ช่วยกลบเอา รองพื้นตัวนี้ให้ความรู้สึกเบาบาง ไม่หนามากเซ็ตตัวเร็ว ใช้ใน  everyday look ได้ค่ะ

หลังการใช้งาน เราเป็นคนผิวผสม ระหว่างวันก็จะมีน้ำมันออกมาจากผิวพอสมควร ทำให้ได้ลุคผิวแบบดิวอี้ สวยกำลังดี โดยปกติเราจะเริ่มทาตั้งแต่ประมาณ 8 โมง จนถึงเลิกงานก็ 5-6 โมงเย็น ก็มีเติมแป้งบ้างนิดหน่อย แต่ตัวรองพื้นเอาอยู่ค่ะ ไม่หลุด ไม่ดรอปลงซักเท่าไหร่ โดยรวมคือยังแน่น  คิดว่าอยู่ได้เรื่อยๆ แต่น่าจะไม่ถึง 24 ชั่วโมงตามคำเคลม

สำหรับเราถือว่าประทับใจในเรื่องคุณภาพ เป็นรองพื้นเคาน์เตอร์แบรนด์ที่ดีมากตัวนึง ขนาดไซส์จริง ปริมาณ 25 ml ราคา 2,500 บาท ถือว่าราคาค่อนข้างสูง แนะนำให้ลองตัวเทสเตอร์ ประกอบการตัดสินใจก่อนค่ะ ถ้าไม่ประทับใจจะได้ไม่เสียดายเงิน สำหรับเราคิดว่า คุณภาพคุ้มราคา เราใช้แล้ว ไม่มีอาการแพ้ใดๆ สิวไม่ขึ้น ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับการทำความสะอาดด้วยนะคะ ควรใช้คลีนซิ่งเช็ดทำความสะอาดด้วย เพราะตัวรองพื้นเป็น water proof ทำความสะอาดไม่ดีอาจจะให้ผิวหน้าอุดตัน เกิดสิวได้ค่า

สวัสดีค่าเพื่อนๆชาว cosmenet ^^ วันนี้เราจะมารีวิว โลชั่นบำรุงผิว Aveeno Skin Relief Moisturizing Lotion ค่ะ  ชื่อแบรนด์เริ่มจะคุ้นหู คุ้นหน้าคุ้นตากันแล้วใช่มะ  เพราะว่าแบรนด์นี้ทำผลิตภัณฑ์ออกมาหลากหลายมากค่ะ  โดยจุดเด่นอยู่ที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ล้วนแต่เหมาะกับผิวบอบบาง แพ้ง่าย ทั้งนั้นค่า เช่นเดียวกับเจ้าโลชั่นตัวนี้ที่ ปราศจากน้ำหอมและสเตียรอยด์ ไม่มีส่วนผสมของพาราเบน ช่วยคืนสมดุลให้ผิว ทำให้ผิวแลดูสุขภาพดี และให้ความชุ่มชื้นตลอด 24 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว ว่าแต่..จะดีจริงมั้ยมาดูกันค่ะ

เริ่มจากตัวผลิตภัณฑ์ ขนาดที่เราได้มาทดลองนั้นแพคเกจเป็นหลอด ขนาด 71 มล. พกพาสะดวก เหมาะสำหรับพกไปทริปเล็กๆได้เลยค่ะ อ้อ!  ก่อนใช้ครั้งแรก จะเห็นซีลปิดเนื้อโลชั่นไว้ที่ฝาหลอดด้วย รู้สึกได้ว่าสะอาด และมีมาตรฐานมากค่ะ

ส่วนเนื้อโลชั่นนั้น ค่อนข้างเจ้มจ้นนน สีครีม ไม่มีกลิ่น!  ทาแล้วนวดวนๆไปซักพัก เนื้อโลชั่นค่อยๆซึมลงผิวจนหมด รู้สึกได้ว่าผิวชุ่มชื้นมาก บอกได้เลยว่าเหมาะสำหรับคนผิวแห้ง ถึงแห้งมากเป็นพิเศษ  และแนะนำว่าเป็นโลชั่นที่เหมาะกับใช้ตอนฤดูหนาวหรือคนที่อยู่ในห้องแอร์ มากกว่าฤดูร้อนนะคะ เพราะเมื่อเจออากาศร้อนๆมาก มันจะเหนอะหนะ  ทำให้เรารู้สึกไม่สบายผิวได้

ทั้งหมดที่ว่ามานี้ เราให้คะแนน 4/5 ค่ะ  เพราะเราเป็นคนชอบโลชั่นกลิ่นหอมๆมากกว่าแบบไร้กลิ่น แฮ่  แต่เรื่องความชุ่มชื้นนั้นต้องมอบมงให้เลย ดีงามจริงๆ ใครที่ชอบโลชั่นแบบเจ้มจ้น ไปลองหาซื้อมาใช้กันได้เลยค่ะ ไม่ผิดหวังแน่นอนนน

สวัสดีค่ะ วันนี้ขอรีวิว ผลิตภัณฑ์โลชั่นบำรุงผิว CeraVe Facial Moisturizing Lotion PM ที่ได้รับมาจากกิจกรรมจากทาง cosmenet นะคะ

บอกก่อนว่าเราสนใจผลิตภัณฑ์ตัวนี้มาก ดูรีวิวมาเยอะ อยู่ในช่วงตัดสินใจซื้อมาทดลองใช้ เนื่องจากช่วงนี้มีปัญหาสิวเป็นพิเศษ จากคนที่ไม่เคยมีสิวเลย ช่วงนี้ขึ้นมาพรึบ พอดีมากด้วยแต้มบุญทำให้ได้รับเลือกให้ได้ทดลองใช้ เราใช้มาเป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยใช้เวลา เช้า และเย็น ได้ผลลัพธ์ดังนี้ค่ะ

เนื้อผลิตภัณฑ์เป็นครีมโลชั่น สีขาวขุ่น ไม่มีกลิ่นใดๆ ทาแล้วซึมซาบไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ลงสกินแคร์ตัวต่อไปได้เลย ซึ่งอันนี้เราชอบมาก ประหยัดเวลา เรื่องสภาพผิวหน้าที่มีสิวอักเสบขึ้นเป็นช่วงๆ เป็นตุ่มแดงๆ ก็รู้สึกว่าสิวไม่ได้ยุบลง แต่ก็ไม่เพิ่มมากขึ้น ความชุ่มชื้นเห็นผลชัดเจน หน้าไม่แห้งเป็นขุย จุดด่างดำจากรอยสิวก็ค่อยจางลง แต่ไม่ได้ชัดเจนมากในระยะเวลาที่ทดลอง ความกระจ่างใสยังไม่เห็นผล แต่ให้ความรู้สึกว่าใช้แล้วผิวแข็งแรงขึ้น ดีกว่าไม่ได้ใช้ครีมบำรุงใดๆ อาจจะเป็นเพราะส่วนผสมที่ใส่มาค่อนข้างครบถ้วน และดี ไม่มีน้ำหอม หรือสารที่ทำให้ระคายเคือง เหมาะกับคนที่ผิวแพ้ง่ายค่ะ 

ตัวแพ๊คเกจต้องขอชม  ดูดี พกพาสะดวก เป็นแบบหัวปั๊มมีฝาปิด ใช้งานง่าย  ราคาเหมาะสมกับคุณภาพค่ะ

สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่จาก clean&clear ที่เพิ่งได้มีโอกาสทดลอง คือ cleansing micellar water เป็นคลีนซิ่งเช็ดหน้าที่ใช้เทคโนโลยี Triple Micellar Technology ทันสมัยและน่าลอง ตัวขวดนั้นเป็นรูปทรงเดิมตามเอกลักษณ์ของแบรนด์ พกพาสะดวก ไม่ต้องกลัวหกเลอะเทอะ ชอบตรงนี้มาก ขอบอกว่าโดยรวมแล้วทางแบรนด์ทำออกมาได้ดีไม่ผิดหวังเลยทีเดียว จากการที่ได้ทดลองใช้ในวันที่แต่งหน้าเบาๆ จะเป็นยังไงนั้นมาดูกันค่ะ

เนื้อผลิตภัณฑ์ : เป็นตัวน้ำแร่ใสๆ มีกลิ่นหอมนิดหน่อย ไม่ฉุน เพราะไม่มีน้ำหอม และแอลกอฮอล์ 

ผลลัพธ์หลังการใช้งาน : เช็ดเครื่องสำอางออกได้ง่ายมาก  โดยที่ไม่ต้องถูหน้าแรงๆ สำหรับเราใช้สำลีสามแผ่นก็สะอาดหมดจด เช็ดแล้วไม่แสบหน้า ค่อนข้างอ่อนโยน  แต่บริเวณตาและปาก แนะนำให้ใช้ eye remover โดยเฉพาะดีกว่านะคะ เพราะจะตรงตามคุณสมบัติ มีประสิทธิภาพมากกว่า 

สำหรับคนที่มองหาคลีนซิ่งเช็ดหน้าที่ค่อนข้างอ่อนโยน   ราคาไม่แพง พกพาสะดวก แนะนำตัวนี้เลยค่า 

สวัสดีค่ะ วันนี้จะมารีวิว St.Ives Facial Cleanser สูตร  Bright & Radiant Pink Lemon & Peach

นอกเหนือจากการทำความสะอาดแล้ว ด้วยสารสกัดจากพิงค์เลม่อนและพีชจากธรรมชาติ 100%   และสารantioxidants บวกวิตามิน C จะช่วยทำให้ผิวไบรท์  กระจ่างใส ดูดีมีออร่าไปเลยค่ะ

เรามาเริ่มกันที่

เนื้อผลิตภัณฑ์  :  เป็นเนื้อครีมเหลว สีขาวนม เมื่อผสมน้ำแล้วจะกลายเป็นโฟมเนื้อนุ่ม เบาๆ ฟองไม่เยอะมาก ทำความสะอาดได้ดี ล้างออกง่ายค่ะ
กลิ่น : กลิ่นหอมมากกก ให้ความรู้สึกเฟรชสุดๆ หอมทั้งเลม่อนและพีช กลิ่นลงตัวมากค่ะ ทำให้รู้สึกฟินมากขณะล้างหน้า เราชอบมาก

ผลลัพธ์หลังการใช้ :  เนื้อโฟมล้างออกง่าย รู้สึกได้เลยว่าสะอาด ยังหลงเหลือความชุ่มชื้น หน้าไม่แห้งตึงเรื่องความขาวใสต้องใช้เวลาอีกซักระยะ และใช้คู่กับตัว moisturizer สูตรเดียวกันน่าจะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น สำหรับเราใช้แล้วไม่แพ้  หน้าดูสะอาด ไม่หมองคล้ำถือว่าตัวผลิตภัณฑ์ทำหน้าที่ได้ดี

ให้คะแนน  4.5/5 คะแนน  ^^

สวัสดีค่ะ วันนี้จะมารีวิว กันแดด La Roche-Posay Anthelios Shaka Fluid SPF50+ PA++++  (อ่านว่า ลาโรช-โพเซย์ แอนเทลิโอส ชาคคา ฟลูอิด) ที่เพิ่งออกมาใหม่นะคะ ด้วยความที่เป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ ราคาค่อนข้างแรงทีเดียว เชื่อว่าเพื่อนๆที่สนใจน่าจะต้องหารีวิวเพื่อตัดสินใจก่อนเสียเงินซื้อกันแน่ๆ เอาเป็นว่าวันนี้จะมารีวิวข้อดี ข้อเสียจากใจ เพื่อประกอบการตัดสินใจสำหรับคนที่กำลังลังเลอยู่นะคะ ^^

เริ่มจากแพคเกจ มาเป็นรูปแบบขวด มีฝาปิดเกลียวแบบหมุนปิดสนิท พกพาง่าย หยิบใช้สะดวก ไม่หกเลอะเทอะแน่นอน  ให้ 5/5 คะแนนค่ะ

เนื้อผลิตภัณฑ์ เป็นเนื้อฟลูอิด บางเบา สีขาวนม เหลวๆ เกลี่ยง่าย แต่สำหรับเรา ความรู้สึกแรกหลังจากทาคือ มันเหนอะหนะอยู่บนหน้า แอบซึมลงผิวช้า ต้องใช้เวลาซักพักในการรอก่อนจะลงเมคอัพขั้นตอนต่อไปได้  บอกก่อนเลยว่าเราเป็นคนที่ขาดครีมกันแดดไม่ได้ ใช้มาหลายแบรนด์เยอะมาก เราคิดว่ามีบางตัวทำได้ดีกว่าในเรื่องนี้ สำหรับเจ้าตัวนี้ทาแล้ว รู้สึกไม่ค่อยสบายผิวเท่าไหร่  แต่โดยรวมก็คือ ทาแล้วไม่เกิดคราบขาว หน้าไม่วอก และไม่หลุดระหว่างวัน  ในส่วนนี้ให้ 3/5 คะแนน

กลิ่น  เป็นกลิ่นแบบครีมกันแดดทั่วไป กลิ่นคล้ายยา พวกเคมิคอล หลายคนอาจจะไม่ชอบ สำหรับเราไม่มีปัญหาเรื่องนี้ค่ะ เพราะกันแดดส่วนใหญ่ที่ใช้ก็มีกลิ่นแนวๆนี้

ผลลัพธ์หลังการใช้   ด้วยความที่แดดประเทศไทยแรงมาก กันแดดขวดนี้เค้าใส่ SPF50+ PA++++  มาแบบจัดเต็มมาก และด้วย XL-Protect Technology ทำให้ช่วยปกป้องผิวเต็มประสิทธิภาพจากรังสี UVA, UVB, อินฟราเรด และมลภาวะฝุ่น pm 2.5 ตั่งต่าง สำหรับเราคิดว่าเป็นกันแดดที่มีประสิทธิภาพสูงมากตัวนึง   ในวันที่ต้องเจอแดดแรง ก็รู้สึกว่าไม่แสบหน้า และไม่ได้ทำให้ผิวคล้ำขึ้นแต่อย่างใด ส่วนในวันที่กิจกรรมแน่นๆ กันแดดก็ไม่หลุด  เพราะเค้าได้เพิ่มการปกป้องให้นานขึ้น (Very Water Resistant) กันเหงื่อ กันน้ำ ปกป้องเต็มประสิทธิภาพ แต่ถ้าถามว่าจะยกให้เป็นกันแดดที่ใช้เป็นประจำทุกวันมั้ย สำหรับเราคงไม่ เพราะยังไม่ประทับใจเรื่องเนื้อผลิตภัณฑ์ซักเท่าไหร่ แต่จะใช้เป็นตัวเลือกในวันที่ต้องการการปกป้องแบบสุดๆมากกว่า ส่วนนี้ให้ 4/5 คะแนน

สำหรับกันแดดขวดนี้ ปราศจากน้ำหอมและพาราเบน  ผิวธรรมดาก็ใช้ได้  ผิวแพ้ง่ายยิ่งควรใช้ เพราะเค้าเคลมว่าเหมาะสำหรับผิวบอบบางระคายเคืองง่าย แนะนำให้ทาก่อนออกไปเจอแสงแดดประมาณ 30 นาที และทาซ้ำบ่อยๆค่ะ เพื่อประสิทธิภาพในการกันแดดที่ดียิ่งขึ้น  สำหรับใครที่อ่านรีวิวแล้วอยากไปตำนั้น ราคาอยู่ที่ 1,400 บาท ปริมาณ 50 ml. แนะนำว่าให้ไปลองเทสเนื้อผลิตภัณฑ์กันก่อนได้ที่ห้างสรรพสินค้าทั่วไป , Boots, Watsons หรือสั่งได้ที่ช่องทางออนไลน์ต่างๆ ค่ะ

สวัสดีค่ะ วันนี้จะมารีวิว วิปโฟมล้างหน้า SENKA Perfect Whip Acne Care  วิปโฟมเนื้อละเอียด สำหรับดูแลผิวที่มีปัญหาสิว มอบผิวสะอาด เนียนนุ่ม ทำความสะอาดสิ่งสกปรกอุดตันหมดจด ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิวค่ะ


เนื้อผลิตภัณฑ์  :  เป็นเนื้อครีมเนียนนุ่ม สีเทาอมเขียว เมื่อผสมน้ำแล้วจะกลายเป็นวิปโฟมเนื้อนุ่ม เราใช้คู่กับซิลิโคนขัดหน้า เพราะคิดว่าจะช่วยให้สะอาดล้ำลึกขึ้นมากกว่าเดิม มีฟองเยอะดีค่ะ


กลิ่น : กลิ่นหอมแบบธรรมชาติ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายขณะล้างหน้า อันนี้เราชอบ


ผลลัพธ์หลังการใช้ :  ตัวโฟมล้างออกง่าย ไม่ทิ้งความมันไว้บนผิวหน้า ให้ความรู้สึกว่าสะอาดจริง  เรื่องลดการเกิดสิวนั้น ปกติเราไม่ค่อยมีสิวอยู่แล้ว ใช้ตัวนี้แล้วก็ไม่แพ้ สิวก็ไม่เพิ่มขึ้น รู้สึกว่าให้ผลลัพธ์เรื่องทำความสะอาดได้ดีค่ะ


ปกติเราใช้โฟมล้างหน้าเซนกะ สีน้ำเงินอยู่แล้ว เพราะชอบส่วนตัว รู้สึกว่าทำให้หน้านิ่ม และสะอาดดี สำหรับตัว acne care ที่ได้มาลองนี้ก็ชอบค่ะ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี น่าซื้อใช้ซ้ำ  สรุปเราให้ผ่าน  คุ้มค่ากับราคา 179 บาท/100 กรัม  หาซื้อได้ง่าย ลองซื้อมาใช้กันนะคะ

สวัสดีค่า วันนี้จะมารีวิวผลิตภัณฑ์น้องใหม่ล่าสุดจาก แบรนด์  St.Ives  ที่เรารู้จักกันดี  โดยตัวใหม่ที่เพิ่งออกมานั้น ก็คือ Face Moisturizer และ Facial Cleanser ที่ให้มาใช้คู่กัน  มีด้วยกันทั้งหมด 3 สูตร นั่นก็คือ

1.  Smooth & Glowing Pudding Cream Apricot

2. Bright & Radiant Hydrating Gel Pink Lemon & Peach

และ 3. Renewing Soft Cream Avocado & Coconut Oil

ซึ่งตัวที่เราได้รับมาทดลองจากทาง cosmenet นั้นก็คือ Face Moisturizer  สูตร Smooth & Glowing Pudding Cream Apricot  นั่นเอง

สูตรนี้นั้น มีส่วนผสมจากสารสกัดจากแอปริคอตธรรมชาติ 100%  ที่จะช่วยให้ผิวนุ่ม โกลว์อย่างเป็นธรรมชาติ  ผิวหน้าใสเด้ง นุ่ม น่าสัมผัสที่สุดเลยค่ะ และที่สำคัญคือ ไม่มีพาราเบน  ไม่มีแอลกอฮอล์  ไม่มีซิลิโคน  ผ่านการทดสอบโดยผู้เชี่ยวชาญค่ะ

เอาล่ะ เรามาเริ่มจากตัวแพคเกจนะคะ  เจ้าตัวนี้ใส่กระปุกครีมมาในกล่องกระดาษแบบบาง ซึ่งเราต้องขอหักคะแนนในส่วนนี้ เพราะเราคิดว่ามันดูไม่แข็งแรง ก๊องแก๊ง เสี่ยงต่อการเสียหายเวลาขนส่งได้ค่ะ เช่น ถ้าเปียกน้ำ หรือโดนทับหลายๆชั้น เราว่ามีบุบแน่  ส่วนตัวกระปุกครีม มาในรูปแบบกระปุกพลาสติกทรงกลม ค่อนข้างแข็งแรง ทนทาน ตกได้ไม่บุบแน่นอน ><  ฝากระปุกเป็นเกลียวแบบหมุน  พร้อมฝามีพลาสติกแข็งช่วยปิดเนื้อครีมอีก 1 ชั้น ช่วยให้ไม่หกเลอะเทอะ ส่วนนี้ถือว่าทำได้ดีค่ะ พกพาได้สะดวก

ส่วนเนื้อผลิตภัณฑ์ บอกก่อนเลยว่า ทางแบรนด์เคลมว่า เป็นเนื้อพุดดิ้งสุดนุ่ม เด้งทุกครั้งที่แตะ ซึ่งเนื้อครีมแบบพุดดิ้งนั้น ฮิตมากในกลุ่มสกินแคร์เกาหลี  ซึ่ง St.Ives   นำมาใช้ในประเทศไทยเป็นที่แรก! ว้าวเลยใช่มั้ยคะ  เราก็ว้าว ><   ใช่ค่ะ หลังจากได้ลองเนื้อครีมนั้น เด้ง นุ่มมากจริงๆ มีกลิ่นหอมแบบชัดเจนตามสูตร เราคิดว่าน่าจะใส่น้ำหอมมาด้วย ทาครีมลงบนผิวหน้าแล้วเกลี่ยง่ายค่ะ แต่ต้องใช้เวลาซักพักในการวนๆครีมให้ซึมลงบนผิว  นวดๆไปด้วย หอมๆ เพลิน เหมือนกำลังทำสปาหน้าเลยค่ะ

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนะคะ บอกก่อนว่าเราเป็นคนผิวผสม หน้ามันบ้างช่วง T-Zone สกินแคร์ที่เราใช้ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเนื้อเซรั่มที่ซึมไว เพราะไม่ทำให้หน้ามัน  ปกติจะหลีกเลี่ยงพวกมอยเจอไรเซอร์ อีมัลชั่น  ต่างๆ เพราะรู้สึกว่าหนักหน้า ไม่สบายผิว สำหรับเจ้า  Smooth & Glowing Pudding Cream Apricot ตัวนี้นั้น เราใช้โบกหน้าเป็นขั้นตอนสุดท้าย หลังจากใช้เซรั่มทุกตัวแล้ว อ้อ อย่าลืมทาคอด้วยนะคะ  ก็ตามคาดค่ะ ค่อนข้างเหนอะหนะ เรานอนห้องแอร์ ข้อดีคือช่วยให้ผิวหน้าไม่แห้งยามค่ำคืน  ตื่นมาก็รู้สึกได้ว่ายังมีความชุ่มชื้นหลงเหลืออยู่ หน้าดูโกลว์ วาวๆ  คิดว่าเหมาะสำหรับคนที่ชอบให้หน้าดูอิ่มน้ำ ดูฉ่ำๆ  สำหรับเราใช้แค่ตอนก่อนนอน ใช้แล้วไม่แพ้ ไม่มีสิวขึ้นเพิ่มเติม  ไม่เห็นผลเรื่องความขาวใสใดๆ แต่รู้สึกว่าหน้าได้รับการบำรุงให้ชุ่มชื้น ดูนิ่มเด้งมากขึ้นค่ะ

จบแล้วสำหรับการรีวิว  Face Moisturizer   สูตร Smooth & Glowing Pudding Cream Apricot หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับสาวๆที่กำลังมองหาครีมบำรุงผิวหน้าดีๆซักตัวนะคะ  สำหรับคนที่สนใจเจ้าตัวนี้ มีขนาดบรรจุ 45 กรัม ราคา 439 บาท และมีแบบซองด้วย  หาซื้อได้ที่ ร้านค้า และห้างสรรพสินค้าทั่วไป watsons, boots, 7-11 และช่องทางออนไลน์ ตั่งต่างค่า  

สวัสดีค่า  วันนี้จะมารีวิวสกินแคร์ในหมวดAnti-Aging  สำหรับสาววัยรุ่นที่เริ่มเข้าสู่วัยกลางคนแน่นอนนอกจากอายุที่เพิ่มขึ้นแล้วก็ยังมีริ้วรอยร่องลึกสารพัดปัญหากวนใจอะไรก็แล้วแต่  ดังนั้นสำหรับใครที่กลัว“แก่”  การลงทุนกับสกินแคร์ดีๆซักตัวเป็นสิ่งจำเป็นมากค่ะสำหรับตัวที่เราเอามาแนะนำในวันนี้นั้นเป็นแบรนด์ที่คนไทยรู้จักกันดีเชื่อถือได้และไว้ใจได้มีขายมานานนั่นก็คือPOND’S Age Miracle Ultimate Youth Essence หลังจากเห็นโฆษณาว่าเป็นเซรั่มที่เน้นในเรื่องของการลดเลือนริ้วรอยทำให้ผิวอ่อนเยาว์ในราคาเปิดตัวเท่านี้(30 ml.  ราคา599 บาท) เราว่าน่าลองมากเลยทีเดียวจนวันนี้ได้ลองแล้วจะประทับใจยังไงมีมารีวิวบอกต่อค่ะ   

เริ่มจากสภาพผิวเดิมของเรา  เป็นคนผิวผสม  และสีผิวไม่ได้ขาวมากแต่ค่อนข้างเรียบเนียนไม่มีปัญหาสิว  ในเรื่องริ้วรอยด้วยวัย25+ ก็รู้สึกได้ว่าเริ่มมีริ้วรอยเป็นร่องเล็กๆบริเวณร่องแก้มหน้าผากเล็กน้อยเวลาขมวดคิ้วจะเห็นชัดแต่ส่วนที่เห็นชัดมากคือริ้วรอยเป็นเส้นๆใต้ตาใช้คอนซีลเลอร์กลบก็เอาอยู่แต่ก็ยังแอบกังวลเบาๆว่ามันจะเพิ่มมากขึ้นอีกมั้ย= =’


ต่อมาเรามาดูเรื่องแพคเกจ

เป็นขวดแก้วสีแดงมีความสวยงามและดูหรูหราเกินราคาขนาดปริมาณ30 มล. หัวdropper เป็นแบบปั๊มสำหรับเรารู้สึกว่ายังปั๊มไม่ค่อยออกต้องกดย้ำหลายครั้งไม่ค่อยประทับใจในส่วนนี้  แต่ต้องขอชมเพราะหัวdropper จะช่วยเรื่องความสะอาดได้ดีทำให้ตัวเซรั่มไม่หกเลอะเทอะสำหรับคนที่มองหาวันหมดอายุนั้นอยู่ใต้ขวดค่ะพิมพ์ไว้ชัดเจนดี


เนื้อผลิตภัณฑ์

เป็นเซรั่มเนื้อเอสเซนส์สีขาวขุ่นๆ  กลิ่นหอมชัดเจนแบบของพอนด์แต่ไม่รู้สึกว่าฉุนมากพอรับได้เมื่อทาลงผิวหน้าไม่ได้ซึมลงทันทีต้องนวดหรือตบเบาๆซักพักก็จะค่อยๆซึมลงไปให้ความรู้สึกผิวยังชุ่มชื้นเหมือนมีอะไรมาเคลือบอยู่บนผิวหน้าแต่ไม่หนักหน้าด้วยกลิ่นทำให้รู้สึกผ่อนคลาย


ต่อมาเป็นเรื่องที่ถือว่ามีความสำคัญอย่างมากในการตัดสินใจเลือกสกินแคร์นั่นก็คือส่วนประกอบหลักๆที่ทางแบรนด์ใส่มา  จากข้อมูลบนกล่องบรรจุภัณฑ์ด้านนนอกพบว่ามีส่วนประกอบหลักที่น่าสนใจคือ

-  Sodium Hyaluronate   เป็นมอยซ์เจอไรเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นได้ดี  ช่วยกักเก็บน้ำให้ผิวป้องกันการสูญเสียน้ำจะช่วยให้ริ้วรอยดูจางลงช่วยให้ชั้นผิวแข็งแรงขึ้นเหมาะกับทุกสภาพผิว

- Bifida Ferment Lysate เจ้าตัวนี้มีราคาค่อนข้างสูงมีจุดเด่นในเรื่องการซ่อมแซมผิวที่สึกหรอสามารถลดเลือนริ้วรอยได้เป็นAnti-Aging ที่ดีมากๆ

- Niacinamide  ช่วยในเรื่องทำให้ผิวเรียบเนียนดูกระจ่างใสทำให้จุดด่างดำดูจางลงลดรอยแดงรอยดำจากสิว

นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบที่เรารู้จักดีอย่างเช่นRetinol   Collagen และ  Aloe Vera  เป็นต้นซึ่งถือว่าทางPOND’S ทำสกินแคร์ออกมาได้ราคาถูกกว่าเคาน์เตอร์แบรนด์แต่มีคุณภาพใกล้เคียงกันถูกและดีจริงๆค่ะ


ความรู้สึกหลังใช้

โดยภาพรวมแล้วเราค่อนข้างประทับใจค่ะนอกจากตัวเนื้อเซรั่มที่ทาแล้วให้ความสบายผิวชุ่มชื้น  ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือรู้สึกว่าผิวหน้าดูอิ่มฟู  ผิวกระชับมากขึ้น  ในส่วนเรื่องริ้วรอยเรารู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการบำรุงรักษาริ้วรอยร่องลึกต่างๆสำหรับเราสัมผัสได้ว่าริ้วรอยเล็กๆและรอยดำรอยแดงเริ่มจางลงไม่เพิ่มมากขึ้น  แต่สำหรับสาวๆที่กังวลเรื่องนี้มากๆเราขอแนะนำว่าไม่ควรหวังผลกับสกินแคร์มากนักถ้าต้องการแบบเร่งด่วนรวดเร็วทันใจก็ต้องพึ่งมีดหมอหรือฉีดโปรแกรมต่างๆค่ะ  เห็นผลมากกว่าในระยะสั้นเลย


ในฐานะที่เราเองใช้มาแล้วหมดไป1 ขวดเลยเอามารีวิวให้เพื่อนๆดูกันเพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเลือกใช้สกินแคร์หรือแนะนำแนวทางให้ถูกต้องตามความต้องการและงบประมาณที่เรามี  หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับสาวๆทุกคนนะคะ

สวัสดีค่า วันนี้จะมารีวิว ครีมอาบน้ำ Parrot Natural Oil in Bath ที่ได้มาจากกิจกรรม Beauty Tester นะคะ เราได้มาลองทั้งหมด 3 สูตร 3 กลิ่นเลยทีเดียว ขอบอกว่า ฟินมากกก ส่วนตัวเป็นคนชอบใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นหอมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นครีมอาบน้ำ โลชั่น แชมพู น้ำหอมต่างๆ เราว่าสเน่ห์ของผู้หญิงอย่างหนึ่งก็คือ กลิ่น นี่แหละค่ะ เอาเป็นว่ามาเข้าเรื่องกันเลยยย

ครีมอาบน้ำ Parrot Natural Oil in Bath เป็นครีมอาบน้ำเนื้อน้ำนม ผสมออร์แกนิค อาร์แกน ออยล์ ซึ่งเป็นสุดยอดน้ำมันบำรุงผิวล้ำลึกจากโมร็อคโค มอบสัมผัสผิวให้เนียนนุ่ม ชุ่มชื่น อิ่มน้ำ ที่มาพร้อมกับกลิ่นหอมหรูสไตล์ฝรั่งเศส สามกลิ่นด้วยกัน ได้แก่ SOFT ROMANCE, WHITE PERFECT และ HYDRO FRESH

และนี่คือออ ผลลัพธ์ทีได้จากการทดลองใช้ ครีมอาบน้ำในวันนี้นะคะ

เนื้อผลิตภัณฑ์ : เป็นครีมอาบน้ำเนื้อน้ำนม เหลวๆ ลื่นๆ หอมๆ ไม่มีสครับ ทุกครั้งที่เราใช้ครีมอาบน้ำเราจะเอาไปตีให้เป็นฟองกับใยขัดผิวค่ะ กลายเป็นฟองโฟมนุ่มๆ ลูบไล้ไปตามผิวกาย และล้างออกง่ายด้ดวย เพิ่มระดับความฟินไปอีกกก

กลิ่น : บอกก่อนเลยว่าได้ทดลองใช้ทั้ง 3 สูตร สูตรละ 1 วัน เพื่อทดลองว่าสูตรไหนจะหอมติดผิวได้นานกว่ากัน ปรากฏว่ามงลงที่ สูตร WHITE PERFECT ขวดสีชมพูค่า กลิ่นของนางจะหอมแบบน้ำหอมจัดเลย ใครที่ไม่ชอบกลิ่นแรงๆอาจจะไม่ค่อยปลื้มน้า แต่สำหรับเราคือดีเลย หอมติดผิวนาน และทำให้ห้องน้ำหอมฟุ้งไปอีกค่า ส่วนอีก 2 สูตรก็หอมนะ แต่อาจจะไม่แรงมาก คือ กลิ่นผู้ดีแบบเบาๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายระหว่างอาบน้ำค่ะ

ผลลัพธ์ที่สัมผัสได้หลังการใช้ : แยกเป็นแต่ละสูตร ดังนี้นะคะ

- SOFT ROMANCE ที่ผสมเชียบัตเตอร์ ให้ความรู้สึกผิวเนียนนุ่ม อันนี้สัมผัสได้จากครั้งแรกที่ใช้เลย หลังอาบน้ำเสร็จแล้ว ยังหลงเหลือความชุ่มชื้นบนผิวอยู่ค่ะ ผิวไม่แห้งเลย ใครที่ชอบผิวนุ่มๆ น่าจะถูกใจสูตรนี้

- WHITE PERFECT ผสมวิตามิน B3 ไม่ค่อยอินกับคำเคลมของครีมอาบน้ำที่โฆษณษว่าช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส ซักเท่าไหร่ เพราะคิดว่ามันบำรุงผิวเราขณะอาบน้ำแค่แปปเดียว ถ้าอยากขาวใสควรเน้นบำรุงด้วยวิธีอื่นมากกว่า สำหรับเจ้าตัวนี้ก้ใช้แล้วหอมดีค่ะ เรื่องผิวกระจ่างใสยังไม่เห็นผล เพราะเราเพิ่งเริ่มใช้ คงต้องใช้ต่อเนื่องไปอีกซักพัก

และกลิ่นสุดท้ายคือ HYDRO FRESH ผสมน้ำแร่ธรรมชาติ ซึ่งเจ้าตัวนี้ก็เฟรชสมชื่อค่ะ อารมณ์ประมาณความสดชื่นหลังจากอาบน้ำ สบายผิว เหมือนทำสปาผิว ทำให้ผิวอิ่มน้ำ

จากการทดลองใช้ทั้งสามสูตร เราปลื้มสูตร SOFT ROMANCE และ WHITE PERFECT มากที่สุด เท่าๆกันค่ะ ชอบเรื่องกลิ่น และความชุ่มชื้นของผิวหลังอาบน้ำ เราว่าทั้งสองสูตรทำได้ดีพอๆกัน โดยภาพรวมคุ้มค่าที่จะซื้อมาใช้ค่ะ มีคุณสมบัติของครีมอาบน้ำที่ดีค่อนข้างจะครบถ้วน เพราะฉะนั้นไปตำกันเลยยย ><

สวัสดีค่า วันนี้จะมาทำหน้าที่ Beauty Tester รีวิว เจ้ากันแดดหน้าพุ่ง Biore UV Bright Milk SPF50+/PA++++ ผลิตภัณฑ์ตัวทดลองที่ได้มาจากทีมงาน cosmenet นะคะ ซึ่งเจ้าตัวนี้เป็นกันแดดเนื้อน้ำนม ผสมเมคอัพเบสสีชมพู นอกจากจะทำหน้าที่กันแดดแล้ว ยังช่วยให้ผิวดูไบรท์มากขึ้นค่ะ

ต้องบอกก่อนเลยว่า เราใช้ครีมกันแดดของ Biore มานานมากกก หมดไปหลายหลอด นั้นคือเจ้าตัว Biore aqua rich water essence ตัวดังนั่นแหละค่ะ ชอบในความบางเบา กันแดดได้ดี แต่ก็สุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนเพราะรู้สึกว่าใช้แล้วรูขุมขนกว้างมากขึ้น เป็นปัญหากวนใจเลยค่ะ

คราวนี้มาพูดถึง Biore UV Bright Milk SPF50+/PA++++ กันบ้างค่ะ หลังจากได้ทดลองใช้แล้ว รู้สึกได้ดังต่อไปนี้

อันดับแรกเลย จากกลิ่นและเนื้อสัมผัส รู้สึกถึง แอลกอฮอล์ที่น่าจะใส่มาเยอะมาก ซึ่งปกติแล้ว กันแดดของ Biore มีแอลกอฮอล์แทบจะทุกตัว เป็น signature ของแบรนด์เลยก็ว่าได้ สำหรับเรา มันไม่โอเคเลยง่ะ กลิ่นแรง และทำให้รูขุมขนกว้างมากขึ้น ไม่ประทับใจในจุดนี้ ขอหักคะแนนนะค๊า

ต่อมาด้วยเนื้อผลิตภัณฑ์ เป็นเนื้อน้ำนม ผสมเมคอัพเบสสีชมพู ทำให้ทาลงไปแล้ว เกลี่ยง่าย ไม่เป็นคราบ ทำให้ผิวดูไบรท์ กระจ่างใสขึ้นกว่าเดิม แต่งหน้าเสร็จใหม่ๆ ก็หน้าพุ่งตามคำเคลมของผลิตภัณฑ์เลยค่ะ อันนี้จัดว่าดี เป็นกันแดดพร้อมเมคอัพได้เลย

แต่ แต่ แต่ หลังจากเซ็ตหน้าไบรท์ๆ ออกไปใช้ชีวิตประจำวันได้ไม่นานก็พบว่า นางไม่คุมมันค่ะ คือเราเป็นคนผิวผสม หน้ามันช่วงทีโซน แต่ไม่คิดว่าหน้าจะเยิ้มเร็วขนาดนี้ ทำให้ต้องซับหน้าบ่อย และคิดว่ากันแดดคงจะหลุดออกไปด้วย ทำให้คนที่หวังผลเรื่องประสิทธิภาพในการกันแดดจริงๆ น่าจะต้องทาซ้ำระหว่างวัน หลายๆรอบค่ะ

สุดท้าย เรื่องการทำความสะอาด แนะนำว่าหลังจากทากันแดดทุกครั้ง ต้องใช้คลีนซิ่งในการคลีนหน้าก่อนนะคะ เพราะกันแดดส่วนใหญ่จะเนื้อหนัก จะทำให้อุดตันผิวหนังได้ ซึ่งสำหรับเจ้าตัวนี้ก็ล้างง่ายค่ะ อาจจะเป็นเพราะเนื้อน้ำนมด้วย ไม่หนักมาก บางเบาเลยทีเดียว สำหรับราคาเท่านี้ ประสิทธิภาพได้ขนาดนี้ ก็ถือว่าคุ้มราคาค่ะ แต่ใครแพ้แอลกอฮอล์ต้องหลีกเลี่ยงนะคะ จบการรีวิวเพียงเท่านี้ค่า ...

สวัสดีค่า ^ ^  สำหรับเราเพิ่งได้มีโอกาสลอง นูโทรจีนา ดีพคลีน คุชชั่นโฟม สูตรใหม่ ก็เลยจะมารีวิวผลลัพธ์กันนะคะ ก่อนอื่นเลยเจ้าโฟมตัวนี้นั้นมีความน่าสนใจตรงที่ทางแบรนด์ได้เคลมไว้ว่า สามารถทำความสะอาดสิ่งสกปรก และมลภาวะ ฝุ่นพิษที่มีขนาดเล็กอย่าง PM2.5 ได้สะอาดหมดจดถึง 99% โอ้วโหว -O-  เข้ากับสถานการณ์ฝุ่นกทม.ตอนนี้เลย ต้องลองซักหน่อยแล้ววว 

ตัวผลิตภัณฑ์ : เป็นแบบหลอด มีซีลปิด ได้มาตรฐานความปลอดภัยดีค่ะ

เนื้อผลิตภัณฑ์  : เป็นเนื้อโฟมสีขาวครีมข้นๆ บีบออกง่ายไม่เลอะเทอะ เมื่อผสมน้ำก็กลายเป็นคูชั่นโฟมนิ่มๆ ถูหน้าเบาๆยืดหยุ่นดี  ล้างอออกง่าย และมีกลิ่นหอมค่ะ

ผลลัพธ์หลังการใช้ :  หลังจากล้างหน้าแล้วรู้สึกหน้าไม่เอี๊ยด ไม่ตึง คือหน้านิ่มดีไม่แห้งเลย อันนี้เป็นคุณสมบัติของโฟมล้างหน้าที่ดีเลยค่ะ  โดยทำความสะอาดได้ดีหมดจดระดับหนึ่ง ส่วนฝุ่น PM2.5 นั้นไม่สามารถพิสูจน์ได้ แต่ส่วนตัวคิดว่าก่อนล้างหน้าเราควรใช้คลีนซิ่งทำความสะอาดเป็นขั้นตอนแรกก่อนทุกครั้งค่ะ ส่วนเรื่องความขาวกระจ่างใส อันนี้ยังไม่เห็นผลกับเรา ยังคงต้องใช้ต่อเนื่องไปอีกซักพักค่ะ 

สรุปโดยรวม ถือว่าเป็นคูชั่นโฟมที่ทำออกมาได้ดีตัวหนึ่ง ทำหน้าที่ทำความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับสาวๆที่ต้องเจอมลภาวะ มลพิษ ฝุ่นควัน ในชีวิตประจำวันค่ะ :) 

สวัสดีค่ะ วันนี้มารีวิว NIVEA Extra White C&E Vitamin Lotion เป็นโลชั่นวิตามินบำรุงผิวที่มาพร้อมวิตามินซีเข้มข้นหลายชนิด มาพร้อมกับวิตามินอีที่ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นขึ้น ทางแบรนด์เคลมว่า ช่วยให้สาวๆ มีผิวขาวใส ฉ่ำเด้ง เห็นผลลัพธ์ภายใน 7 วันกันเลยทีเดียวค่า เอ๊ะ ! จะทำได้จริงรึป่าวนั้น มาดูกันค่ะ ....

จากการที่เราได้ทดลองใช้ นีเวีย C&E โลชั่นตัวนี้ เป็นเวลา 2 สัปดาห์ นับตั้งแต่ได้ผลิตภัณฑ์มาทดลอง บอกก่อนว่าสภาพผิวของเรา คือผิวสองสี โทนเหลือง ช่วงนี้จะคล้ำเป็นพิเศษเพราะชอบออกกำลังกายกลางแจ้ง ประกอบกลับอยู่ในช่วงหน้าร้อนประเทศไทย ซึ่งในแต่ละวันแดดแรงมากกก ทำลายผิวสุดๆค่ะ ต้องใช้ตัวช่วยกันหน่อยค่าาา 

อันดับแรกเลย เรามาดูเนื้อผลิตภัณฑ์ค่ะ เจ้าตัวนี้เป็นแบบโลชั่นในรูปแบบเซรั่มสีขาว ตัวเนื้อครีมไม่หนัก บางเบา ทาแล้วซึมลงผิวได้เร็ว เกลี่ยง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่เป็นคราบให้รำคาญใจ ในส่วนนี้เราประทับใจค่ะ

ในเรื่องประสิทธิภาพ และผลลัพธ์หลังใช้ พบว่า ผิวสว่างขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ได้ชัดเจนมาก มีอยู่ช่วงนึงที่ต้องลงพื้นที่ทำงานกลางแจ้ง ก็รู้สึกว่าผิวไม่ได้คล้ำขึ้นมากเท่าไหร่ คิดว่าเป็นเพราะการบำรุงจากโลชั่นตัวนี้ด้วย และที่เห็นผลลัพธ์อีกเรื่องนึง คือผิวชุ่มชื้นมากขึ้น จากผิวที่แห้งกร้านเป็นขุย ก็ดูชุ่มชื้นมากขึ้น ทำให้ผิวดูสุขภาพดีค่ะ

สรุปนะคะ สำหรับเราใช้แล้วเห็นผลเล็กน้อย ในเรื่องความขาวใส และค่อนข้างเห็นผลชัดเจนเรื่องความชุ่มชื้น แนะนำให้ใช้เป็นโลชั่นบำรุงผิวประจำวันได้ค่ะ แต่ควรใช้กันแดดที่มีประสิทธิภาพสูงด้วย เพราะถ้าบำรุงอย่างเดียว ไม่ได้ป้องกันเลย ก็อาจจะไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนนะคะ สำหรับเจ้าโลชั่นตัวนี้ ให้คะแนน 4/5 คะแนนค่า

สวัสดีค่า ♥  วันนี้จะมารีวิว ครีมกันแดด NIVEA Sun Protect & Refresh Cooling Spray SPF50 สเปรย์กันแดดเย็นสุดขั้ว สูตรกันน้ำ ค่ะ ซึ่งเจ้าตัวนี้ เราได้มาลองเทสต์พร้อมกับอากาศร้อนสุดโหดพอดิบพอดี เข้ากับสถานการณ์ตอนนี้มากค่ะ  

เริ่มจากแพคเกจนะคะ โดยมีให้เลือก 2 สูตร คือ Lotion หรือ Spray  ส่วนตัวเราเลือกแบบ ขวด Spray มาค่ะ ก็ใช้งานง่าย พกพาสะดวก ไม่ต้องกลัวหกเลอะเทอะ  ขวดแข็งแรง

ต่อมาเรื่องกลิ่น ก็จะเป็นเคมี แบบกันแดดทั่วไป ไม่ได้หอมมาก (ในความคิดเรา) ใครที่ไม่ชอบกลิ่นแบบนี้ อาจจะรู้สึกเวียนหัวได้ ^^”  แต่นานไป กลิ่นก็จางลงค่ะ ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด 

ในส่วนเนื้อผลิตภัณฑ์  เมื่อฉีดออกมาแล้ว ก็จะเป็นละอองน้ำ ฝอยๆ แต่รู้สึกว่ามันยังกระจุก กระจายตัวไม่ดีเท่าที่ควร แต่ก็ไม่เป็นคราบ ให้ความรู้สึกเย็นๆดีค่ะ  มีเหนียวบ้างเล็กน้อย ตามสไตล์กันแดดทั่วไป ไม่ได้ซึมลงผิวทันทีที่ทา เหมือนมันเคลือบผิวไว้มากกว่า 

เรื่องประสิทธิภาพในการกันแดด จากการที่เราลองใช้เจ้าครีมกันแดดตัวนี้ ก่อนออกแดดในทุกๆวัน  โดยไลฟ์สไตล์ปกติของเรา คือเจอแดดในช่วงเช้า ช่วงพักทานอาหารกลางวัน และช่วงเย็นในเวลาที่เราออกกำลังกาย  ก็คิดว่าปกป้องผิวจากแสงแดดได้ดีในระดับหนึ่ง ผิวไม่คล้ำไปมากกว่าเดิมมากนัก แต่ก็มีความรู้สึกว่าคล้ำขึ้นบ้าง เพราะช่วงข้อมือเราใส่นาฬิกา จะเห็นความแตกต่างได้ชัดเจนตามรูป  ><  สำหรับเราคิดว่าถ้าใช้ในชีวิตประจำวัน วันปกติที่ไม่ต้องเจอแดดแรง หรือมีกิจกรรมกลางแจ้งมากมาย ก็แนะนำให้ใช้ได้ค่ะ แต่ถ้าต้องไปทะเล ไป adventure หนักๆ แนะนำเป็นตัวอื่นที่เน้นประสิทธิภาพมากกว่านี้ค่ะ หรือเน้นทาซ้ำๆ บ่อยๆ ก็อาจจะช่วยมากขึ้นค่า

สวัสดีค่ะ ^^ วันนี้ขอรีวิวครีมอาบน้ำ Parrot Natural Natural Filler Hyaluron ต้องขอบคุณทาง cosmenet มากๆนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์มาให้ลอง ซึ่งแพคเกจของเจ้าครีมอาบน้ำตัวเทสนี้เป็นขวด พลาสติก มีฝาเปิดปิด แต่รู้สึกว่าไซส์ใหญ่สุดจะเป็นแบบหัวปั๊มนะคะ สะดวกเลยทีเดียว  สูตรที่เราได้รับคือ Morning Peony กลิ่นหอมสไตล์หวานโรแมนติก โดยรวมแพคเกจน่ารักค่ะ  มีลายดอกพีโอนี่สีชมพูอยู่บนขวด ดึงดูดให้หยิบมาลองค่ะ

จากการได้ทดลองใช้ครีมอาบน้ำตัวนี้ เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ใช้ทุกวัน เช้า – เย็น ได้ผลลัพธ์ดังนี้ค่ะ

ความรู้สึกแรกหลังจากเปิดขวด คือได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ไม่ฉุนนะคะ หอมแบบกลิ่นดอกไม้ จากนั้นก็บีบเนื้อครีมออกจากขวด ซึ่ง Texture ของผลิตภัณฑ์ เป็นเนื้อครีมอาบน้ำนุ่มๆ สีชมพูอ่อนๆ เราใช้ร่วมกับตาข่ายตีฟองอาบน้ำ ปรากฏว่าฟองเยอะมากและนุ่มมากด้วย ตามภาพเลยค่ะ ทั้งนุ่มทั้งหอม รู้สึกเบาสบายผิว ได้ทั้งดีท็อกซ์และบำรุงผิวในคราวเดียวกัน  และล้างออกง่าย ไม่ทิ้งความลื่นเอาไว้ และที่ชอบมากคือ กลิ่นหอมติดผิวนานมาก

ความเปลี่ยนแปลงที่สัมผัสได้ หลังจากทดลองใช้ คือเห็นผลเรื่องความนุ่มชุ่มชื้นขึ้นเล็กน้อย  ยังไม่เห็นผลชัดเจนเรื่องความขาวใส เพราะเราว่าผลิตภัณฑตัวนี้น่าจะเน้นเรื่องดีท็อกซ์ผิวให้สะอาด กับบำรุงผิวให้นุ่มเด้งมากกว่า ดูจากส่วนผสมหลัก ที่ใส่มาคือไฮยาลูรอน และไมเซล่านะคะ  

สรุปว่า Parrot Natural Natural Filler Hyaluron  เป็นครีมอาบน้ำที่ช่วยบำรุงผิวที่ดีตัวหนึ่ง เหมาะสำหรับคนผิวแห้งที่ต้องการความชุ่มชิ้น ผิวนุ่มเด้ง และเหมาะสำหรับคนที่ต้องการช่วงเวลาผ่อนคลายค่ะ เพราะกลิ่นเค้าหอมจริงๆ แนะนำค่ะ

     สวัสดีค่า  ^^   อันดับแรก  ขอขอบคุณทาง cosmenet มากๆนะคะ ที่ส่ง คลีนซิ่ง Nivea Micellair Skin Breathe Micellar Rose Water  มาให้ลอง  ต้องบอกเลยว่าเปิดกล่องมาแล้วเซอไพรส์มาก  เพราะขวดใหญ่มากกกจ้า สีสันฟรุ้ง ฟริ้งสุด  ขวดใสเห็นเนื้อผลิตภัณฑ์สีชมพูอ่อนๆ  มาพร้อมดอกกุหลาบน่ารักๆเป็นลายบนตัวขวด  มโนถึงเด็กสาววัยแรกแย้มดั่งดอกกุกลาบเพิ่งผลิบาน <3 คือแค่แพคเกจจิ้ง ทาง NIVIA เค้าก็ใส่ใจรายละเอียด ทำออกมาได้ประทับใจสาวๆมาก หลงรักเลยค่า 

      ต่อมา เรามาดูเนื้อผลิตภัณฑ์กันค่ะ  เจ้าตัวนี้เป็น Cleansing ที่แยกชั้นมา ด้านบนเป็น  Dry Oil ด้านล่างน้ำใสๆ คือ Rose Water  ก่อนใช้เราต้องเขย่าให้ทั้งสองตัวเข้ากันก่อน แล้วเทออกมาบนสำลีให้ชุ่มระดับหนึ่ง ซึ่งเราประทับใจกลิ่นของเจ้าตัวนี้มากค่ะ คือมันหอม หอมอ่อนๆแบบกุหลาบ กลิ่นถูกใจคนชอบกินชากุหลาบแบบเรามาก ดีงามจริงๆ

    ** ต้องบอกก่อนว่า เราเป็นคนแต่งหน้าไปทำงานทุกวัน  ใช้เครื่องสำอางกันน้ำเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นรองพื้น มาสคาร่า อายไลเนอร์ รวมทั้งลิปสติก ซึ่งคลีนซิ่งที่ใช้อยู่ประจำ ก็ทำความสะอาดได้ดีระดับหนึ่ง แต่มันยังไม่สุด เราคิดว่าต้องมีสิ มันต้องมีที่ดีกว่านี้อีก…. **

      และแล้ววว หลังจากได้ลองน้องกุหลาบ Nivea Micellair Micellar Rose Water  โดยเทลงบนสำลีจนชุ่ม และปาดเบาๆ  (ไม่ต้องถู) ลงบนใบหน้าที่เมคอัพแน่นเว่อร์ แถ่น แท๊นนนน .....

     ปรากฏว่า คือดี  เช็ดออกได้ง่ายยย ไม่ต้องถู ไม่ต้องขยี้ให้เกิดริ้วรอยบนหน้า  และไม่ระคายเคือง ใช้สำลี 3-4 แผ่นก็คลีนทั้งหน้า สะอาดหมดจด  เช็ดรอบดวงตาและริมฝีปากก็ได้ ไม่ต้องแยกใช้ eye remover เหมาะกับพกพาไปทุกทริป สะดวกจริงๆ (แต่ขวดใหญ่ไปนิด ><) หลังใช้ผิวยังชุ่มชื้น หน้าไม่แห้ง ไม่มีเอี๊ยด และไม่มัน !! แถมยังได้กลิ่นหอมอ่อนๆอยู่บนใบหน้าด้วย ดีต่อใจจจ 

       สรุปนะคะ  น้องกุหลาบ นางทำหน้าที่ได้ดีจริงเหมือนที่เคลมไว้  ไม่จกตา แล้วก็ไม่แสบตาด้วย เป็น cleansing ที่ถูกและดี มีความอ่อนโยน ใสๆ เหมาะกับทุกสภาพผิว วันนี้เราเจอที่ร้านวัตสัน ขนาด 400 ml. ราคา 299 บาท ขวดใหญ่ใช้ได้นาน คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม แนะนำให้เพื่อนจัดมาเรียบร้อยแล้วค่า

      สุดท้ายยย ขอเสนอแนะ ให้ทาง NIVIA ทำแบบขวดเล็ก พกพาสะดวก สำหรับคนชอบเดินทางด้วยนะคะ เชื่อว่าจะตอบโจทย์อีกหลายๆคนเลย และแล้วก็ขอจบการอวย(จากใจ) และการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ อิ่อิ่  ขอบคุณค่า  ^______^  

สวัสดีค่า  ^^  ขอรีวิวโลชั่น Aveeno Daily Moisturizing Lotion ซึ่งเป็นโลชั่นทาผิว สูตร Daily Moisturizing  สูตรนี้เหมาะสำหรับคนผิวแห้ง และใช้ได้ทุกวันนะคะ  ตัวโลชั่นใส่สารสกัดธรรมชาติจากข้าวโอ๊ต  พร้อมมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มาเข้มข้น  โดยปราศจากน้ำหอมและแอลกอฮอล์ชนิดที่เป็นต้นเหตุทำให้ผิวแห้ง

ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า โลชั่นบำรุงผิวจากฝั่งอเมริกา ตัวนี้ อาจจะราคาสูงนิดเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ แต่ก็มาพร้อมกับ ส่วนผสมที่ใส่มาอย่าง  premium และขวดใหญ่ปริมาณที่จุใจ เรียกได้ว่า คุณภาพ ปริมาณคุ้มราคาค่ะ 

 จากการได้ทดลองใช้เป็นเวลา 1 สัปดาห์ โดยใช้ทาเป็นอันดับแรก ร่วมกับครีมกันแดดตัวในตอนเช้า และทาบำรุงผิวช่วงก่อนนอน  ซึ่งเราเปิดแอร์นอนทุกคืนนะคะ  ต้องบอกก่อนว่าส่วนตัวไม่ได้มีปัญหาผิวแห้งมาก แต่จะมีปัญหาเรื่องผิวไม่ค่อยยืดหยุ่น  ไม่เนียนลื่นมากกว่า  ซึ่งโลชั่นตัวนี้ทำให้เราสัมผัสได้ถึง คำว่า “ผิวยืดหยุ่นได้” ค่ะ  อาจเป็นเพราะตัวโลชั่นให้ความชุ่มชื้นได้ยาวนานถึง 24 ชั่วโมง   ช่วยให้ผิวไม่ลอก  ช่วยฟื้นบำรุงผิว  ประทับใจในระดับหนึ่งค่ะ

และอีกอย่างหนึ่งที่ค่อนข้างเซอไพรส์เลย คือ กลิ่นของโลชั่นค่ะ  เพราะคิดไว้ว่าน่าจะเป็นกลิ่นแบบยา เพราะอ่านรีวิวของเพื่อนๆก่อนหน้านี้ ซึ่งมีคนบอกว่ากลิ่นแปลกๆ ไม่ปลื้มเท่าไหร่ ^^’  แต่สำหรับเรา เราโอเคค่ะ รู้สึกถึงกลิ่นบางๆ  แบบธรรมชาติ เพราะไม่ได้ใส่น้ำหอม  และที่สำคัญคือเนื้อครีม แตกต่างจากแบรนด์อื่น คือตัวนี้เนื้อโลชั่นจะเป็นแบบนิ่มๆ ลื่นๆ หยุ่นๆ มาก  ซึมเข้าผิวได้ดี  พอทาแล้วจะรู้สึกเหมือนเคลือบผิวไว้ซักแปปนึง แล้วซึมลงค่ะ  ไม่เหนอะหนะผิว และให้ความรู้สึกว่าชุ่มชื้นดี แต่กลางวันเจออากาศร้อนก็มีซึมๆ บ้างเหมือนกัน 

โดยรวมแล้วสำหรับเรา ใช้แล้วไม่เกิดอาการแพ้ใดๆ  เห็นผลลัพธ์เรื่องความชุ่มชื้น  สำหรับคนที่มีปัญหาผิวแห้ง ถึงแห้งมากเป็นพิเศษ  เราแนะนำค่ะ  

สวัสดีค่ะ ^^ วันนี้ขอรีวิวครีมลดเลือนริ้วรอย จาก Neutrogena นั่นก็คือ Neutrogena Rapid Wrinkle Repair Cream ซึ่งทางแบรนด์ได้เปิดตัวครั้งแรกในเมืองไทย และเคลมไว้ว่าช่วยฟื้นบำรุงผิวล้ำลึก ให้ริ้วรอยลดเลือน ผิวดูกระชับได้ใน 1 สัปดาห์ ต้องขอบคุณทาง cosmenet มากๆนะคะ ที่ส่งผลิตภัณฑ์มาให้ลอง ซึ่งแพคเกจของตัวกระปุกครีมนั้นเป็นขวดแก้ว  ฝาเกลียว เปิดปิดง่าย ค่อนข้างมีน้ำหนัก  โดยรวมเรียบหรูดูดี สมราคาค่ะ

จากการได้ทดลองใช้ Neutrogena Rapid Wrinkle Repair ขั้นต้น เป็นเวลา 3 วัน โดยการทาเช้า – เย็น ร่วมกับเซรั่มบำรุงผิวกลุ่ม whitening ตัวอื่นๆที่เราใช้อยู่ ซึ่งบอกก่อนว่าสภาพผิวหน้าของเราเป็นผิวผสม และจะมีมันบ้างช่วง T-Zone ได้ผลลัพธ์ดังนี้ค่ะ

ความรู้สึกแรกหลังจากเปิดกระปุก สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ ไม่ฉุน ไม่แน่ใจว่ามีส่วนผสมของน้ำหอมด้วยรึเปล่า จากนั้นลองปาดเนื้อครีมซึ่ง Texture ของครีม เป็นเนื้อครีมข้น และเกลี่ยลงบนผิวหน้า พบว่าครีมซึมลงสู่ผิวได้ค่อนข้างดี แต่ก็มีเหนอะหนะเล็กน้อย ควรนวดเบาๆ และรอซักประมาณ 2-3 นาที ก่อนลงครีมบำรุงตัวอื่นๆต่อ

ความเปลี่ยนแปลงที่สัมผัสได้ หลังจากทดลองใช้ประมาณ 3 วัน และไม่มีอาการแพ้หรือระคายเคืองใดๆทั้งสิ้น  สำหรับเราพบว่าผิวหน้าดูนุ่มชุ่มชื้นขึ้นเล็กน้อย  ไม่แห้งกร้าน ซึ่งดูจากในรูปคือสภาพผิวเราหลังตื่นนอนในตอนเช้าค่ะ และที่ชัดเจนคือ แต่งหน้าแล้วเครื่องสำอางติดทนมากขึ้น น่าจะเป็นเพราะตัวครีมช่วยเติมน้ำให้ผิว ทำให้ผิวยืดหยุ่น ส่วนในเรื่องริ้วรอยตีนกา ร่องแก้ม และผิวกระชับ ยังไม่เห็นผลลัพธ์ชัดเจน คิดว่าต้องลองใช้อีกซักระยะแล้วจะมารายงานผลค่ะ  

คะแนน 4/5  ถ้าใช้ต่อเนื่องแล้วเห็นผลเรื่องริ้วรอยและความกระชับ จะมาแก้คะแนนให้เต็มนะคะ ^^

เป็นสบู่ที่กลิ่นหอม ให้สัมผัสโฟมครีมนุ่ม ล้างออกง่าย ไม่รู้สึกตึงผิว มีถุงตาข่าย ใช้ง่าย ชอบมากค่ะ

ดินสอแท่งหมุนแบบหัวตัด ที่มาพร้อมกับแปรงปัดคิ้วในตัว และคุณสมบัติกันน้ำ ที่หลายคนใช้แล้วฟิน มีให้เลือก 2 สี คือ Light Brown และ Deep Brown ราคาประมาณ 225 บาท

ช่วยได้ทั้งรอยแดง รอยดำจากสิวนะ เคลมเรื่องหลุมสิวด้วย ตัวยานี่เน้นที่ Allium Cepa เป็นสารสกัดจากหอมใหญ่ ที่ช่วยลดรอยแผลเป็น ลักษณะเป็นเจลค่ะ ออกสีเหลืองนิดหน่อย เนื้อสัมผัสดีและซึมไว ทาก่อนลง skincare ค่ะ

เป็น Concealer แบบครีม มาในรูปแบบตลับ ซึ่งเวลาใช้นะ ต้องเอาแปรงหัวแบนๆ ไปจิ้มจุ่ม และค่อยฟาดที่หน้าเรา หรือ บางคนถนัดฟองน้ำ ใช้ฟองน้ำลงรองพื้น ที่มีส่วนหัวแหลมๆ ได้ค่ะ ดีงามค่ะ อยู่ทน ปกปิดดี เนียนกริบ

อารมณ์แบบยาแต้มสิวสีเนื้อ ปกปิด และ ทำให้สิวยุบด้วย ดีหมด แต่เสียตรงที่มันมีสีเดียว คนผิวสองสี อาจจะต้องไปใช้ยี่ห้ออื่นแทน

พาเลทอันลือชื่อของ Naked ล่ะค่ะ ข้อดีคือสีแน่น มีทั้งแบบมีชิมเมอร์และเนื้อแมตต์ จะสโมคกี้อายหรือจะลุคใสๆก็เอาอยู่ในพาเลทเดียวค่ะ

มีสีให้เลือกหลากหลาย เม็ดสีแน่น ชัดเจน ติดทน กลบสีปากมิด ราคาไม่แพงมาก หาซื้อได้ง่าย

ทาแล้วเห็นผลการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ ชุ่มชื่นมากๆแล้วก็หอมอ่อนๆ แพคเกจดูแพงแต่ราคาไม่แรงเลยค่ะ เพียง 60-70 บาทเท่านั้น ริมฝีปากนุ่มชุ่มชื่น ทาก่อนทาลิปแมตต์เหมือนโลกทั้งใบเปลี่ยนไปเลยค่ะ รักมากจริงๆ สาวๆปากแห้งทั้งหลายไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงค่ะ

แป้งเนื้อเนียนกลิ่นหอมอ่อนๆ คุณค่าเกินราคาอีกแล้ว กับการคุมมัน ปกปิด เรียบเนียน แถมเซ็ทตัวเข้าที่แล้วดูใสเป็นธรรมชาติกลืนไปกับผิวเลยค่ะ แต่ถ้าลงซ้ำก็มีแอบหนาเหมือนกัน

แนะนำมากๆตัวนี้สำหรับสาวๆที่มีหนังตามัน ทาอะไรก็เยิ้ม เพราะตัวนี้ปัดแล้วไม่เยิ้มค่ะ คอนเฟิร์มจริงๆ ไม่มีแพนด้าระหว่างวัน แต่ปัดแล้วอาจจะไม่ได้ดูเป็นฟาร์มขนตาดำขลับขนาดนั้น แต่ช่วยในเรื่องขนตาดูยาว ดูหนาขึ้น และที่สำคัญคือไม่หลุดไม่เยิ้มแน่นอนค่ะ

อายไลน์เนอร์สีเข้ม ไม่แมทต์มาก หนังตามันมากๆก็ไม่ค่อยแพนด้าเท่าไหร่ ติดทนนานดีมากค่ะ เวลาใช้อาจจะต้องรอให้แห้งก่อนนิดนึงค่อยลืมตานะคะ แห้งช้าไปนิดนึง

แป้งตลับประจำกระเป๋าค่ะ ความสามารถของไอเทมนี้คือคุมมันค่ะ อาจต้องเติมบ้างระหว่างวันถ้าผิวหน้ามันอยู่แล้ว แต่รับรองได้ว่าเนียบกริบ

ปกปิดความแพนด้าที่มีอยู่ใต้ตาของเรา อดนอนมาหรอคะ จัดไปค่ะ คอนซีลเลอร์ตัวนี้นอกจากราคาจะเบาแล้วเนื้อคอนซีลเลอร์เองก็เบาด้วย ไม่ดูหนาดูโป๊ะ ไม่ตกร่องระหว่างวัน แนะนำให้ใช้แปรงทาคอนซีลเลอร์กดๆ เพื่อให้ดูปกปิดอย่างเป็นธรรมชาติค่ะ สาวผิวเข้มก็สามารถใช้ได้ เหมาะกับสีผิวคนไทยเป็นอย่างยิ่ง

การันตีได้ว่า แน่น เนียน นาน! คงทนทุกสภาวะอากาศและที่สำคัญคือถูกมาก!! เลอค่าที่สุด

เคล็ดลับความงามของสาวไทยที่บอกได้เลยว่าแป้งตัวนี้ไม่แพ้เคาท์เตอร์แบรนด์ชั้นนำเลยค่ะ แป้งศรีจันทร์นอกจากจะ Repackage มาในสีม่วงสุดหรูหูรูดแล้ว การคุมมันก็ถือว่าไม่เป็นสองรองใคร สำหรับสาวๆท่านไหนที่มีปัญหาหน้ามัน ที่สำคัญเป็นแป้งโปร่งแสง ผิวสีไหนก็ไฉไลกับแป้งตลับนี้ได้ค่ะ ราคาก็ไม่แพงเกินเอื้อมแน่นอน คอนเฟิร์ม

ปกติเป็นคนชอบทำเคมีกับผมค่ะ ทั้งทำสีและยืด ดัดบ้าง เปลี่ยนสไตล์บ่อยค่ะ ก็เลยชอบลองตัวช่วยบำรุงผมเป็นพวกทรีตเม้น ออยต่างๆเยอะมาก ชอบสรรหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆมาบำรุงผมไปเรื่อยๆ จนได้มาเจอ Argan Oil Hair Treatment Oil ตัวนี้ได้มาจากร้านวัตสัน เพราะส่วนตัวก็ใช้สเปรย์จัดแต่งทรงผมแบรนด์ LUCIDO-L อยู่แล้ว คือขวดนึงใช้ได้นานมาก ใส่นิดหน่อยที่ปลายผม ผมนุ่มมีน้ำหนัก หวีลื่น ไม่พันกัน เป็นน้ำมันบำรุงเส้นผมที่ดีสำหรับผมทำสี ทำให้สีเปล่งประกายเงางาม เคลื่อบสีผมในตัว จัดว่าเป็นตัวครองใจสาวผมทำสีเลยทีเดียวค่ะ บางครั้ง ใส่ก่อนเป่าไดร เพราะเนื่อบางเบาไม่เหนียว ช่วยเคลือบและบำรุงเส้นผมปกป้องความร้อนได้ กลิ่นหอมน่าใช้ค่ะ เพิ่มความเงางามแก่เส้นผม อาจเป็นเพราะมีส่วนผสมของน้ำมันที่สกัดได้จากผลอาร์แกน จะอุดมไปด้วยสารอาหารนานาชนิดและให้ความชุ่มชื้นแก่เส้นผม เพิ่มความแข็งแรง ความยืดหยุ่นแก่เส้นผม โดยรวมแล้วพอใจกับผลลัพธ์มากค่ะ คุ้มค่าแบบนี้ ซื้อใช้ต่อแน่นอนค่ะ

ขนาดเครื่องใช้งานง่าย พกพาสะดวก เท่าที่เคยใช้ผมก็ไม่เสียมาก อยู่ทรงนาน ไม่เคยมีปัญหาอะไรค่ะ

เคยทานอยู่ช่วงนึง เพื่อควบคุมความมันบนใบหน้า และลดการเกิดสิว โดยรวมก็พอใจค่ะ แต่ขนและหนวดยาวขึ้น เล็บแข็งแรง

เนื้อผลิตภัณฑ์เข้มข้นแบบทรีตเม้นทั่วไป หลังทดลองใช้คู่กับแชมพูและตัวแฮร์มาส์กในไลน์เดียวกัน รู้สึกว่าผมนุ่มนิ่มและได้กลิ่นหอมอ่อนๆหลังสระมากขึ้นค่ะ เมื่อเทียบกับเวลาใช้ทรีตเม้นของแบรนด์อื่นๆ ของแพนทีนล้างออกง่าย ไม่ทิ้งความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะไว้ ผมทำสีมารู้สึกได้ว่าบำรุงฟื้นฟูเหมือนไปอบไอน้ำมา โดยรวมถือว่าประสิทธิภาพดี ราคาสมเหตุสมผล ซื้อใช้ต่อจ้า :)

คลีนซิ่งออยตัวนี้ ใช้เช็ดล้างเครื่องสำอางได้ดีระดับหนึ่ง มีความสะอาด หน้าไม่แห้งตึง แต่ต้องล้างด้วยโฟมตามด้วย ไม่ระคายเคือง ไม่แพ้ค่ะ

แป้งฝุ่นทานาคา ได้มาแบบส่งต่อ เพราะเพื่อนใช้แล้วแพ้ ก็เอามาลองใช้ เนื้อละเอียด กลิ่นอ่อนๆ ไม่ฉุนมาก ทาแล้วเบาสบาย ไม่หนักหน้า ไม่แพ้ ไม่อุดตันค่ะ

เคยทดลองใช้อยู่ช่วงหนึ่ง ตัวสีขาว แบรนด์เคลมว่าทำให้หน้าชุ่มชื้น เหมือนเติมน้ำให้ผิว ก็โอเคในระดับหนึ่ง ตบๆ แล้วก็ซึมลงไป แต่ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงมากนัก

แป้งเด็กกลิ่นหอมอ่อนๆ มีความอ่อนโยน ไม่ระคายเคืองผิว พกติดตัวไว้ระหว่างมัน เป็นแป้งฝุ่นที่ขาดไม่ได้ตัวนึงเลยค่ะ