Bio Essence BN Top
อาหาร & ท่องเที่ยว

13 เรื่องราวที่เก็บมาเล่าให้ฟัง หลังจากได้ไปสัมผัสประเทศเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า "มัลดีฟส์"

35,400
6 พ.ค. 2559

สวัสดี มัลดีฟส์

     พูดถึง มัลดีฟส์ (Maldives) บอกเลยว่า เป็นหนึ่งในจุดหมายในฝันของผมมาตั้งแต่เด็กที่ต้องไปให้ได้ แต่ก็แค่ได้คิดและก็ปล่อยให้ผ่านไปเรื่อย ๆ จนมีวันหนึ่งมีเพื่อนในก๊วนของผมแจ้งมาว่า มีโปรโมชั่นของบางกอกแอร์เวย์แลกไมล์ได้ในจำนวนไมล์เพียงครึ่งหนึ่งของปกติ มีหรือผมและพ้องเพื่อนจะรอช้า ซึ่งก็เป็นความโชคดีที่กลุ่มเราชอบบินกับบางกอกแอร์เวย์อยู่แล้ว เลยมีไมล์สะสมอยู่ระดับหนึ่ง และเราก็โอนเพิ่มจากคะแนนในบัตรเครดิตมาอีกส่วนหนึ่ง และก็รีบกดเข้าไปจองวันแรกๆ ก็ทำให้เราได้ตั๋วมาในช่วงวันหยุดยาว และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการไปล่าฝันของผม และเป็นจุดที่ทำให้ผมได้รู้จักและเข้าใจมัลดีฟส์มากขึ้นเป็นกอง ผม MR. Help แห่งของ cosme*net จะยกมาเล่าให้ฟังสัก 13 เรื่องนะครับ


1. มัลดีฟส์ ไม่ใช่เมืองของประเทศศรีลังกาแต่ "มัลดีฟส์ ก็คือ ประเทศมัลดีฟส์"

     มัลดีฟส์ไม่ใช่เมืองของประเทศศรีลังกา แต่มัลดีฟส์ หรือหมู่เกาะมัลดีฟส์ ก็คือประเทศมัลดีฟส์ ที่มีเมืองหลวงชื่อมาเล่ (Male) เป็นประเทศที่อยู่ห่างจากศรีลังกา 700 กิโลเมตร ซึ่งเกิดขึ้นจากการทับถมของหินประการัง และมีเกาะเล็ก ๆ กระจัดกระจายอยู่ประมาณ 1,190 เกาะ แต่มีเกาะที่มีคนอาศัยอยู่ ประมาณ 200 เกาะ โดยหมู่เกาะเล็ก ๆ นั้นจับกลุ่มกันเป็นรูปวงแหวนที่เรียกว่า อะทอลล์ (Atoll) ซึ่งมีทั้งหมด 26 อะทอลล์ ประเทศมัลดีฟส์เป็นประเทศที่มีขนาดเล็กที่สุด และมีจำนวนประชากรน้อยที่สุดในทวีปเอเชีย

แผนที่ ประเทศมัลดีฟส์


2. ค่าที่พักแพงมาก! ควรตรวจเช็คราคาที่พักในฝันของคุณไว้ก่อนแล้วค่อยออกตั๋วโปรโมชั่น

     ผมก็เคยรู้มานะว่าการไปเที่ยวมัลดีฟส์มันแพง แต่ไม่เคยคิดว่ามันจะแพงขนาดนี้ กะอีแค่ที่พวกผมอยากนั่งเครื่องบินน้ำ (Sea Plane) อยากพักบ้านบนน้ำ (Water Villa) และก็อยากมีปลาฉลามตัวน้อย ๆ มาทักที่บันไดบ้านตอนเช้า แบบว่าแทบจะรีบขอคืนตั๋วเครื่องบินกันเลยทีเดียว แต่ทำไม่ได้ ตั๋วโปรโมชั้น ยกเลิกเท่ากับศูนย์ครับ แต่อีกมุมหนึ่ง ผมก็คิดนะครับว่าดีที่เพื่อนผมมัดมือชกผม ไม่บอกเรื่องราคาที่พักให้รู้ก่อน ไม่งั้นผมคงยังไม่ได้ไปมัลดีฟล์ เพราะผมคงมั่วแต่เสียดายเงินจนไม่ก้าวออกไป และก็คงปล่อยให้มันอยู่ในจินตนาการต่อไปแน่ ๆ

รีวิวเที่ยวมัลดีฟส์


3. ที่พักในมัลดีฟส์ ถ้าชื้อผ่านเอเจนซี่จะถูกที่สุดแล้ว!

     ด้วยผมเป็นคนชอบเที่ยวเองไม่นิยมทัวร์ และไม่เคยซื้อแพ็กเกจผ่านเอเจนซี่ หากไม่ซื้อตรงกับโรงแรม ก็เลือกจากพวกเว็บจองพักเอง แต่ครั้งนี้เมื่อเทียบแล้ว ซื้อผ่านบริษัทได้ราคาคุ้มที่สุด เพียงแต่ต้องเช็คบริษัทที่น่าเชื่อถือ เพราะค่าแพคเกจไม่ใช่น้อย ๆ และก็เคยมีคนที่โดนโกงมาแล้วถึงวันไปบริษัทปิดหายไปเฉย ๆ  ก็มี วิธีที่พวกผมใช้ก็ลอง Search ชื่อบริษัท ชื่อพนักงาน ว่าเคยมีประวัติไหม? หรือเปิดมานานแล้วยัง? ผู้คนใช้บริการพูดถึงกันว่าอย่างไร? พอโอนเงินมัดจำเสร็จและได้รับการยืนยันว่าจอง ก็รีบเช็คไปที่โรงแรมว่ามีชื่อเราจองไปจริงไหม? หากไม่มีจะได้รีบไปจัดการเงินคืนก่อนเขาจะหนีไปนะครับ และหากจองล่วงหน้ายิ่งนาน คุณก็จะได้รับส่วนลดเยอะขึ้นเยอะเลยครับ ถ้าบางช่วงเป็น Low season อันนั้นก็จะยิ่งถูกลงไปได้อีก โดยที่คุณไม่ต้องกังวลนะครับ เพราะมัลดีฟส์เที่ยวได้ทั้งปี แม้จะเป็นหน้าฝนก็จะตกแป็ป ๆ แล้วก็กลับมาน้ำใสเช่นเดิม

     แอบบอกครับ !! ถ้าชอบและสนใจที่ไหน แต่หากราคาเขาแพงกว่าอีกที่ก็ลองต่อรองราคาดู (ของผมครั้งนี้ต่อรองราคาได้มา หลังจากจ่ายงวดแรกไปแล้ว แต่ไปพบอีกที่ราคาถูกกว่า ก็เลยลองโทรไปคุย บริษัทเขาก็ใจดีมีเมตตา ลดราคาให้พวกผมด้วย ประหยัดไปเป็นหมื่นเลยนะครับ เกือบพลาดที่ตอนแรกไม่ได้ดูหลาย ๆ เจ้า)

เหล่าเอเจนซี่ทัวร์ที่น่าไว้ใจ


4. ไปมัลดีฟส์ไม่ต้องทำวีซ่า แถมใช้เงิน US$ ได้เลย

     หากคุณถือพาสปอร์ตไทยที่มีอายุการเดินทางเหลือไม่ต่ำกว่า 6 เดือน คุณก็สามารถเข้าเมืองได้เลย แถมอยู่ได้ถึง 30 วัน และสามารถแลกเงินสกุล US ดอลลาร์ โดยไม่จำเป็นต้องแลกเงินท้องถิ่นไปก็ได้ เพราะที่มัลดีฟส์เราสามารถใช้เงิน US ได้อย่างสบาย ๆ แม้แต่ร้านค้าเล็ก ๆ แต่ขอแนะนำว่าให้ติดแบงค์ย่อยไปด้วยก็ดีนะ เพราะตังค์ทอนที่ได้กลับมาจะเป็นเงินมัลดีฟส์ ซึ่งหากเอามาแลกคืนเป็นเงินไทยก็อาจจะไม่คุ้ม ส่วนเวลาที่มัลดีฟส์จะช้ากว่าประเทศเรา 2 ชั่วโมงฮะ

ไปเที่ยว มัลดีฟส์ ก็ใช้เงินดอลลาร์ได้เลย


5. ตัดสินใจถูกอย่างยิ่งที่เลือกเดินทางกับ Bangkok Airway ระดับ Blue Ribbon Class

     ผมก็อยากลองใช้ชีวิต แบบไฮซ้อ ไฮโซ กับเขาสักหน่อยนะครับ! และบางกอกแอร์เวย์ก็ตอบโจทย์ สนองความ Need ของผมได้เป็นอย่างดี เริ่มตั้งแต่ เคาน์เตอร์เช็คอิน ปูพรมแบบไม่ต้องรอคิว ต่อด้วยเลานจ์แบบ Full Service ตั้งแต่อาหารจานหลัก, ของว่าง, เครื่องดื่มจัดเต็ม กินเสร็จมีที่นวดนอนดูทีวีรอขึ้นเครื่องแบบสบ๊ายสบาย จริง ๆ มีห้องอาบน้ำด้วยนะครับ แต่เช้าผมอาบน้ำมาแล้วเลยไม่เข้าอาบ ถึงเวลาขึ้นเครื่องก็ได้รับเชิญให้ขึ้นเครื่องก่อน และบริการด้วยรถเฉพาะผู้โดยสาร Blue Ribbon Class โดยเฉพาะเท่านั้นอีกด้วย

บรรบากาศภายในเลานจ์ของ Bangkok Airway
cr photo : loungeguide.net



     เราจะใช้เวลาบินจากกรุงเทพไปถึงมัลดีฟส์ เพียง 4.30 ชั่วโมง แบบบินตรงไม่ต้องแวะต่อเครื่อง เก้าอี้โดยสารของบางกอกแอร์เวย์ในระดับ Blue Ribbon Class หรือชั้น Business ก็กว้างขวางนั่งสบาย อาหารก็อร่อยแบบจัดเต็ม พอกินอาหารเสร็จ แค่ยืดที่วางขาออกไป เผลอหลับแบบสนิทไปเลยเกือบ 2 ชั่วโมง ทั้งที่ผมตื่นเต้นกับทริปนี้มาก ๆ นะครับ ที่ลืมเล่าไม่ได้ คือ ความน่ารักของพนักงานสายการบินนี้ น่ารักมีมิตรไมตรี ตั้งแต่พนักงานที่เคาน์เตอร์เช็คอินที่ห้องรับรอง จนพนักงานต้อนรับบนเครื่อง สมแล้วที่เป็นสายการบินอันดับหนึ่งในใจของหลาย ๆ คน

ที่นั่ง Blue Ribbon Class ของ Bangkok Airway


6. หมู่เกาะต่าง ๆ นั้น เขาเรียกว่า "อะทอลล์" (Atoll)

     หลังจากกินอาหารเสร็จแล้วเผลอหลับไป 2 ชั่วโมง ผมก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเปิดหน้าต่างเครื่องบินมองออกไปข้างนอกสิ่งที่ผมเห็นทำให้ผมถึงกบร้อง WOW! ออกมา มันสวยมาก ๆๆๆๆ จากที่ผมเห็นคือภาพเกาะเล็ก ๆ ที่รายล้อมด้วยทรายสีขาว และน้ำทะเลสีฟ้าจากเพียงเกาะเดียว และก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งผมคิดไม่ถึงว่าจากที่เคยเห็นอยู่ในโปสเตอร์หรือตามอินเตอร์เน็ตนั่นก็ว่าสวยแล้ว แต่ของจริงมันจะสวยอะไรขนาดนี้! และผมก็พยายามถ่ายรูปมันออกมา แต่ถ่ายยังงัยมันก็ไม่สวยเท่าของจริงได้เลยครับ และผมก็เพิ่งมารู้ว่าที่ผมเห็นเป็นหมู่เกาะต่าง ๆ นั้น เขาเรียกว่าอะทอลล์ (Atoll)

มัลดีฟส์ จะเรียนเกาะว่า อะทอลล์

วิวมัลดีฟส์จากเครื่องบิน


7. เมืองหลวงที่เล็กที่สุดในโลก "กรุงมาเล่ สาธารณรัฐมัลดีฟส์"

     สนามบินนานาชาติของมัลดีฟส์ ก็คือ Ibrahim Nasir International Airport เป็นสนามบินเล็ก ๆ ที่อยู่บนเกาะหนึ่งใกล้ ๆ กับเกาะที่เป็นเมืองหลวง ที่มีชื่อว่า มาเล่ (Male) โดยพวกเราสามารถเดินทางไปยังเกาะต่าง ๆ ได้โดยใช้เรือด่วน (Speed Boat) หรือเครื่องบินน้ำ (Sea Plane) รวมถึงการที่จะไปยังเมืองหลวงด้วย จะมีเรือเมล์วิ่งจากสนามบินข้ามไปยังเมืองมาเล่ทั้งวัน

Ibrahim Nasir International Airport

Ibrahim Nasir International Airport

เรือเมล์ที่มัลดีฟส์


     
กรุงมาเล่ (Male) สาธารณรัฐมัลดีฟส์ เป็นเมืองหลวงที่เล็กที่สุดในโลก มีลักษณะเป็นเกาะเล็ก ๆ แต่มีบ้านเรือนอาคารหนาแน่นมาก มีพื้นที่แค่ 5.8 ตารางกิโลเมตร ซึ่งใหญ่กว่าเกาะล้านบ้านเรานิดเดียวเอง (เกาะล้านมีพื้นที่เพียงประมาณ 4 ตารางกิโลเมตร) ดังนั้นถ้าจะเที่ยวที่นี้วันเดียวด้วยการเดินเท้าก็คงครบทุกจุดที่น่าสนใจแล้วแหละครับ

เมืองหลวงมาเล่ ประเทศมัลดีฟส์


     โดยอาคารบ้านเรือนในกรุงมาเล่ผมว่าก็มีเอกลักษณ์ และสีสันที่ทำให้เรามองเห็นถึงความเป็นชาวมัลดิเวียน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมงและค้าขายตามอย่างบรรพบุรุษ และเคร่งศาสนา แต่ก็ดูมีความคึกคักตามแบบเมืองใหญ่ทั่วไป ถนนที่นี้แคบมากครับ และรถก็เยอะมาก ๆ พวกเขาจะกดแตรกันตลอดเวลา แต่เขาไม่ได้ทะเลาะกันนะครับ และเท่าที่เห็นอุบัติเหตุก็ไม่ค่อยมี ส่วนเรื่องอาหารการกินไม่ต้องห่วง เพราะอาหารถูกปากคนไทยมากเลย แต่ไม่มีเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ขายนะครับ นักดื่มที่ติดดื่มทุกวันอยู่ที่นี้ไม่ได้นานแน่ ๆ ส่วนเรื่องการช้อปปิ้งผมคิดว่าแม้จะเป็นเกาะเล็ก ๆ แต่หากคุณอยากได้อะไรก็น่าจะหาซื้อได้หมดแหละ ก่อนผมจะมามีคนบอกว่าที่มาเล่ไม่มีอะไรไม่ต้องแวะก็ได้ แต่ถ้าผมแนะนำผมว่าควรจะแวะไปสักครั้งนะครับ เพราะที่นี่เขาก็มีเสน่ห์ของเขา ที่ไม่ได้มีบนเกาะที่เป็นโรงแรมที่พักแน่นอน และสิบปากว่าก็ไม่เท่าตาเห็นจริง ๆ ครับ!

บรรยากาศเมืองหลวงมาเล่ มัลดีฟส์

การจราจรในมาเล่


8. ถึงที่พักในเมืองมาเล่จะเป็นโรงแรมเล็ก ๆ แต่ราคาและบริการไม่เล็กนะครับ

     คืนแรกพวกเราเลือกพักที่ The Somerset Hotel โรงแรมระดับสี่ดาวราคาเกือบหมื่นสำหรับ 2 คน พร้อมอาหารเช้า ห้องไม่ได้ติดทะเล แต่ทำเลก็ดี ไปไหนมาไหนง่ายมาก หากคุณมาที่นี่เพื่อชมเมืองหรือติดต่อธุรกิจที่นี่เหมาะเลยครับ ห้องพักไม่ใหญ่ แต่ถือว่ากว้างขวางแล้วสำหรับโรงแรมในเมืองมาเล่ มีห้องนั่งเล่นกับห้องนอนแยกกัน ความสะอาดและบริการถือว่าโอเค

The Somerset Hotel โรงแรมในมาเล่

The Somerset Hotel โรงแรมในมาเล่


     ถ้าคุณพักที่นี้ จะมีคนไปรับคุณถึงสนามบิน พามาขึ้นเรือเมล์ และต่อรถแท็กซี่มาส่งยังโรงแรม โดยจะมีเจ้าหน้าที่ของโรงแรมคอยส่งคุณเป็นทอด ๆ และจ่ายค่าโดยสารให้ เคยอ่านรีวิวมีนักท่องเที่ยวจะบ่นว่าทำไมไม่มีเรือกับรถเป็นของตัวเอง แต่สำหรับผมชอบนะ ผมว่าไอเดียดี และก็ไม่ได้รู้สึกว่าลำบากอะไร เพราะต่อให้เขาจะมีเรือหรือรถเป็นของตัวเอง เราก็ต้องเปลี่ยนลงเรือขึ้นรถเหมือนกัน

บริการของโรงแรมที่มาเล่


     อีกอย่างความน่ารักของที่นี่ พวกผมจะออกตั้งแต่ตีห้าซึ่งอาหารเช้าจะยังไม่ได้เสิร์ฟพอพวกผมลงมาพนักงานจัดกล่องอาหารไว้ให้ พวกเราเอาไปทานบนรถที่จะไปส่งขึ้นเรือข้ามฟากกันด้วยครับ ต้องบอกเลยว่าถึงจะเล็กและแอบแพง (แต่มันก็ปกติของโรงแรมที่นี่) แต่ก็ประทับใจในภาพรวมครับ

อาหารเช้าที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้


9. เจ้าเครื่องบินน้ำ (Sea Plane) มันเป็นยังนี้นี่เอง!

     ที่ Check in จะอยู่ในสนามบินหลักที่เราลงเครื่องนั้นแหละครับ ต้องบอกเลยว่า การขึ้นเครื่องบินน้ำ (Sea Plane) จะเข้มงวดเรื่องน้ำหนักของกระเป๋าที่เราเอาไปพอสมควร ขนาดกระเป๋าหิ้วของผู้หญิงถ้าใบใหญ่นิดหนึ่งก็เอามาชั่งน้ำหนักด้วยนะครับ คนหนึ่งให้ไม่เกิน 20 กิโลกรัม หลังจากนั้นก็จะมีรถพาเราไปส่งที่ท่าขึ้นเครื่องบิน ซึ่งอยู่อีกด้านของสนามบิน

บรรยากาศก่อนเตรียมตัวขึ้นเครื่องบินน้ำ


     ไปถึงก็มีห้องรับรองให้นั่งรอขึ้นเครื่อง อาหาร ขนม เครื่องดื่ม พร้อม (แต่ไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นะครับ) จะนั่งเล่นชมวิว หรือออกไปเดินเล่นในท่าจอดเครื่องบินน้ำก็ได้นะครับ

ท่าเรือสนามบินน้ำ

ห้องรับรองก่อนขึ้นเครื่องบินน้ำ

ห้องรับรองก่อนขึ้นเครื่องบินน้ำ


     รีสอร์ทที่เราไปจะใช้เวลาบินไปประมาณ 25 นาที ซึ่งผมว่ากำลังเหมาะนะครับ ได้ชมวิว ได้สัมผัสประสบการณ์ชมวิวจากเครื่องบินน้ำ เพราะถ้านานกว่านี้จะหูอื้ออย่างมาก และที่นั่งก็ไม่ได้กว้างขวาง แถมตัวเล็กเหมือนเก้าอี้พับเสริมบนรถตู้ นั่งนาน ๆ อาจจะเมื่อยได้ แต่วิวสวยมากกกกกถึงมากที่สุด จนคุณอาจจะลืมไปเลยว่าเก้าอี้มันตัวเล็ก

วิวรีสอร์ท Constance Moofushi Resort

วิวรีสอร์ท Constance Moofushi Resort


     เจ้าหน้าที่จะมีนักบินและผู้ช่วยอีกหนึ่งคน และมีพนักงานบนเครื่องอีกคน ตอนแรกคิดว่ามีหน้าที่ยกกระเป๋า แต่เหมือนมีหน้าที่ยกสมอเรือ หรือสายผูกมากกว่า ส่วนนักบินนอกจากขับเครื่องบินแล้วต้องมาช่วยยกกระเป๋าให้ผู้โดยสารด้วยนะครับ แต่ต้องขอบอกว่านักบินหน้าตาดีมาก แม้จะใส่แค่ชุดลำรองใส่รองเท้าแตะก็ดูดีถูกใจสาว ๆ แน่นอนครับ

นักบินทำหน้าที่ทุกอย่าง บริการประทับใจมาก


10. ห้องพักแบบ Water Villa ที่ Constance Moofushi Resort พร้อมให้เราว่ายน้ำเล่นกับปลาได้ตั้งแต่บันไดบ้าน

     ที่ Constance Moofushi Resort เป็นรีสอร์ทที่อยู่ทางตอนใต้ของ Ari Atoll หากจากเมืองมาเล่ 70 กิโลเมตร  ต้องเดินทางมาโดยเครื่องบินน้ำเท่านั้น โรงแรมนี้แม้มีพื้นที่ตัวเกาะเล็ก แต่มีแนวปะการังและอ่าวน้ำตื้นขนาดใหญ่มาก อีกทั้งทะเลสงบทำให้เหมาะมากสำหรับการชมปะการังทั้งตื้นและลึก และเหมาะกับการเล่นน้ำทั้งเด็กแบเบาะยันคนแก่

Constance Moofushi Resort


     เมื่อเข้าถึงโรงแรม คุณจะรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าของโรงแรม เพราะจะมีคนมาดูแลเราและอธิบายสิ่งต่าง ๆ เกี่ยวกับโรงแรมทั้งหมด ไปทางไหนมีแต่คนทักทายต้อนรับตั้งแต่พื้นทางเดินหรือแม้แต่ในห้องรับรอง ห้องอาหารที่นี่พื้นจะเป็นทรายที่ละเอียดมาก ๆ เดินแล้วนุ่มมาก ทรายแทบจะไม่ติดเท้าเราเลย ถ้าอยากไปเดินเล่นหรือดำน้ำเล่นที่ไหนก็ไปได้สะดวกตามแต่สภาพร่างกายเรา ใครแข็งแรงก็ว่ายน้ำห่างจากฝั่งไปซัก 3-4 กิโลเมตรก็ยังได้ เพราะน้ำตื้นมาก

ถึงโรงแรม Constance Moofushi Resort แล้ววว


     พวกผมเลือกพักบ้านแบบ Senior Water Villa เพื่อจะได้ระเบียงบ้านที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งตัวบ้านพักภายในก็สวยงาม มีระเบียงกว้างขวาง มีระยะห่างระหว่างแต่ละหลังกำลังดี มีอ่างอาบน้ำวนแบบ Out Door ที่สามารถมองลงไปเห็นปลา ทุกหลังที่เป็น Water Villa ลงมาก็เล่นน้ำได้เลย ใต้วิลล่า น้ำใสมาก มองเห็นปลา เจอฉลามน้อย ปลากระเบน มาทักทายกันถึงบันได้บ้านกันทีเดียว แบบที่จินตนาการไว้เลยครับ

ที่พักแบบ Water Villa ของ Constance Moofushi Resort

ที่พักแบบ Water Villa ของ Constance Moofushi Resort

ที่พักแบบ Water Villa ของ Constance Moofushi Resort

ที่พักแบบ Water Villa ของ Constance Moofushi Resort


     เครื่องดื่ม ของกินเล่นพร้อม เปลี่ยนเติมและขอเพิ่มได้ทุกวัน และแม้ตัวบ้านพักกับภัตตาคารจะอยู่ไกล แต่ก็สามารถเรียกพนักงานให้ขับรถมารับเราถึงหน้าบ้านได้ โดยรวมก็จัดว่าดีมาก ยิ่งกลางคืนสวยมาก หากเป็นช่วงพระจันทร์เต็มดวงทะเลก็สว่างมากราวกับกลางวัน ใครกลัวผิวดำก็มาเล่นน้ำช่วงนี้ยังได้เลยนะครับ

เครื่องดื่ม ของกินเล่น หมดแล้วเติมใหม่ได้ไม่อั้น


11. แค่ 4 วัน 3 คืน บนรีสอร์ทแห่งนี้ยังน้อยไป

     ที่นี่มีกิจกรรมหลากหลายมาก เช่น ดำน้ำแบบ Scuba หรือแบบ Snorking จะตกปลา หรือออกไปดูโลมาจอมเล่นตัวที่ไม่ชอบมาโผล่ให้นักท่องเที่ยวเห็นตอนล่องเรือ เอาเป็นว่ามาที่เกาะนี้อยู่ไม่เป็นสุขแน่ ๆ และที่กล่าวมาผมยังทำไม่ครบเลย ก็เสียดายเหมือนกันนะครับเพราะมันก็รวมอยู่ในค่าห้องพัก และถ้าใครกระเป๋าหนัก ก็สั่งรายการพิเศษเพื่อการฮันนีมูนเพิ่มอีกก็ได้ อาทิ ดูหนังริมชายหาด กินอาหารริมทะเลพร้อมคบไฟ เหมาเรือชมตะวันตกทะเล ตกปลาหมึกยามดึก หรือดำน้ำตื้นตอน 2 ยาม หรือจะสปาแบบแพคคู่ก็น่าสนใจครับ

บรรยากาศบนเกาะมัลดีฟส์


12. All Inclusive สำหรับคนชอบดื่มแอลกฮอล์ลอย่างผมคุ้มสุด ๆ

     อาหารจัดเต็มแบบอลังมาก เป็นแบบบุฟเฟ่ต์นานาชาติทุกมื้อ รสชาติปานกลาง จะไม่เผ็ดมาก อาหารทะเลก็มีให้เลือกหลากหลาย แต่ละวันก็เปลี่ยนธีมไปเรื่อย ๆ เครื่องดื่มต่าง ๆ มีให้ไม่อั้น บริการประทับใจ มีความเป็นส่วนตัวและอิสระในการเลือกจุดทานอาหารได้ตามใจชอบ อาหารมีเสริฟ 3 มื้อ และมีของว่างตอนบ่ายอีกหนึ่ง และจะมีพิเศษจัดโต๊ะบนหาด รับประทานอาหารใต้แสงเทียนแบบส่วนตัวที่ไม่ใช่บุฟเฟ่ต์ให้อีกหนึ่งมื้อด้วยนะครับ เรียกง่าย ๆ ว่าตราบใดที่ยังไม่ถึงวันเช็คเอาท์ ก็ทานกันได้เต็มที่ รวมทั้งเหล้า ค็อกเทล ไวน์ กินดื่มฟรี 24 ชั่วโมง ไวน์ที่นี่ไม่ได้เสริฟเป็นแก้วนะครับ จะเอามาให้เป็นขวดเลย คุณจะกินกี่ขวดก็ได้ ชิมแล้วไม่ชอบขอเปลี่ยนก็ได้ครับ (ยกเว้นขวดที่แพงมากๆ เขาจะคิดเงินเพิ่ม) แต่วันเช็คเอาท์ออก กินได้แค่มื้อเช้าเท่านั่นนะครับ เผลอกินข้าวเที่ยงอีกมื้อด้วยก็หัวละ 50 US$ จ้า

อาหารที่ Constance Moofushi Resort

อาหารที่ Constance Moofushi Resort

อาหารที่ Constance Moofushi Resort


13. ภาพที่คุณได้จะสวยทุกรูป แม้คุณจะใช้แค่กล้องมือถือห่วย ๆ ถ่ายก็ตาม

     ด้วยความใสของน้ำทะเลและท้องฟ้า และธรรมชาติที่เหนือคำบรรยายทำให้คุณแค่หยิบมือถือออกมากดมั่ว ๆ ไปยังไงก็สวย ขนาดฟ้าครึ้มฝนตกถ่ายไปเถอะครับ สวยแบบว่าคุณไม่ต้องไปเสียเวลาปรับแสงหรือใช้แอพอะไรแต่งเลย รีสอร์ทที่ผมไปพักแม้จะกว้างใหญ่พอสมควร แต่ก็มี Wifi ไปเกือบทุกจุด ถ้าเป็นไปได้ผมแนะนำให้คุณเก็บอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิดนะครับ อย่าเอาเวลาไปเสียกับโลกโซเชียลหรือมั่วแต่เล่นมือถือ รวมถึงมั่วแต่ดูรูปที่คุณถ่ายมา เอาเวลาไปเสพมัลดีฟส์ให้ชุ่มปอดดีกว่าครับ เพราะภาพกลับมาดูได้ที่บ้านเรา รับรองภาพสวยแน่นอนครับ

บนเกาะมัลดีฟส์ ถ่ายยังไงก็สวย


     ถ้าถามผมว่าคุ้มไหมกับเงินที่จ่ายไป ผมต้องบอกเลยว่าตอนแรกที่ผมไปถึงและสัมผัสที่นั่นในวันแรก ๆ ผมก็คิดว่าครั้งเดียวก็พอ เพราะถึงโรงแรมที่ว่าดีมาก บ้านเรา ถ้าเป็น 5 ดาวก็ไม่แพ้เขานะ อาหารที่ว่าจัดเต็ม เครื่องดื่มอย่างอลัง บ้านเราก็มีและไม่ได้แพงขนาดนั้น ก็แค่เราไม่มีธรรมชาติที่สดและเจ๋งสุด ๆ แบบสุดโต่งเหมือนมัลดีฟส์เท่านั้นเอง

     แต่เมื่อผมกลับมาทำงานผมแปลกใจตัวเองมาก ที่ความฟ้าและความใสของน้ำทะเลของที่นั้น มันติดตาผมแบบหลับตาก็ยังฟ้าอยู่เป็นอาทิตย์ ผมฝันถึงที่นั่นอยู่เป็นเดือน แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหลังจากไปเที่ยวที่ไหนมา จนทำให้ผมคิดว่า ผมจะกลับไปที่นั้นอีกแน่นอนครับ ตอนนี้ก็พยายามสะสมทั้งเงินและไมล์ของบางกอกแอร์เวย์อยู่ครับ ทริปมัลดีฟส์ครั้งที่ 2 ตามมาอีกแน่นอน


"มัลดีฟส์" สวรรค์กลางมหาสมุทรอินเดียที่ผมอยากให้คุณได้ลองสัมผัสสักครั้งก่อนตาย


เรียบเรียงข้อมูลโดย : เว็บรีวิวเครื่องสำอาง cosmenet.in.th

What's new
ป้ายยา! 5 โฟมล้างหน้าลดสิว เคลียร์ทุกสิว ผิวสะอาดใส ไบร์ทขั้นสุดรีวิว  Evergreen 5-Layer Cotton Sheets สำลีแผ่นรีดขอบ เช็ดหน้าสะอาด ประหยัดได้ทั้งสำลีและสกินแคร์รีวิวไพรเมอร์สกินแคร์ SHISEIDO บำรุงผิวเรียบเนียน เมคอัพติดทนMEDMAKER Vitamin E Cream (เมดเมเกอร์ วิตามินอี ครีม)...ลด 3 รอย พร้อมบำรุง...ครีมวิตามินอีที่ควรมีติดบ้าน7 ประโยชน์ของชาเชียวมัทฉะ เครื่องดื่มที่ให้คุณประโยชน์ที่มากกว่าความอร่อย10 สเปรย์กันความร้อน เอาใจคนชอบทำผม ลดปัญหาเส้นผมแห้งเสีย10 สกินแคร์ผิวกระจก (Glass Skin) เคล็บลับหน้าเงาฉ่ำแบบพส.เกาหลีดูดวงความรัก การงาน การเรียน การเงิน ระหว่าง 14 - 20 เม.ย. 67 (ทุกราศี) แพ้น้ำ สิวขึ้น ทําไงดี? 6 วิธีรักษาสิว ผิวแพ้น้ำ กู้หน้าพังหลังเล่นสงกรานต์กิจกรรม :: ชวนทดลองใช้ กันแดด BSC Expert White Spot Protect Sunscreen SPF50+ PA++++ ปิดจบทุกจุดดำ ผิวปังรับซัมเมอร์ จำนวน 50 รางวัล
COMMENTS
10 ความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
น่าไปมากกกกก ><
10 พ.ค. 2559 เวลา 17:08 น.
ความคิดเห็นที่ 9
ว้าว
7 พ.ค. 2559 เวลา 23:25 น.
ความคิดเห็นที่ 8
ขอบคุณค่ะ
6 พ.ค. 2559 เวลา 23:05 น.
ความคิดเห็นที่ 7
โอย.. บรรยายซะอยากไปเดี๋ยวนี้เลย >_<
6 พ.ค. 2559 เวลา 21:24 น.
ความคิดเห็นที่ 6
น่าไปมาก อยากไปมากกกก แต่..ต้องถูกหวยรางวัลที่ 1 ก่อนค่ะ!!
6 พ.ค. 2559 เวลา 15:41 น.
ความคิดเห็นที่ 5
อยากไปมากค่าาา
6 พ.ค. 2559 เวลา 13:58 น.
ความคิดเห็นที่ 4
อยากไปมากกกกกกกก
6 พ.ค. 2559 เวลา 13:23 น.
ความคิดเห็นที่ 3
สวยมากกกก อยากไปสักครั้งเหมือนกัน
6 พ.ค. 2559 เวลา 8:19 น.
ความคิดเห็นที่ 2
^_______^
6 พ.ค. 2559 เวลา 8:13 น.
ความคิดเห็นที่ 1
สักครั้งในชีิวิต ต้องไปค่ะ
6 พ.ค. 2559 เวลา 1:01 น.