จากกฏหมายคุ้มครองนโยบายความเป็นส่วนตัว ทางเว็บไซต์ www.cosmenet.in.th ขออนุญาตเก็บ ข้อมูลเพื่อนำไปใช้พัฒนาการให้บริการทางเว็บไซต์ ท่านสามารถอัปเดตข้อมูลส่วนตัว และทำความเข้าใจก่อนการยินยอมได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตกลงก่อนอื่นเราต้องเข้าใจถึงความสำคัญและประโยชน์ของครีมกันแดดกันเสียก่อน แม้ว่าสถานการณ์โรคระบาดจะยังไม่คลี่คลาย บางคนอาจจะถอดใจจากการเดินทางไปพักผ่อนช่วงฤดูร้อนนี้ แต่อย่าชะล่าใจไป เพราะแม้ว่าเราจะไม่ได้ออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งหนักๆ หรือเปลี่ยนวิธีการทำงานมาเป็นแบบ work from home ครีมกันแดดก็ยังเป็นหนึ่งในสิ่งของจำเป็นประจำบ้าน ที่ต้องทาทุกวันแม้จะไม่ได้ออกไปข้างนอก เพื่อปกป้องผิวเราจากทั้งแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาในบ้าน แสงจากหลอดไฟในบ้าน รวมไปถึงแสงจากหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ
ต่อไปเราจะมาพูดถึงปัจจัยในการเลือกซื้อครีมกันแดด เพื่อให้ได้ครีมกันแดดที่ดีที่สุดกัน
1. พิจารณาประสิทธิภาพในการกันแดด
รังสี UV A เป็นตัวการทำให้เกิดริ้วรอย และรังสี UV B เป็นตัวการทำให้ผิวหนังเกิดอาการไหม้แดง ดังนั้นเราต้องมองหาสิ่งที่ปกป้องผิวหน้าจากทั้งรังสี UV A และ UV B นั่นก็คือ ค่า SPF และ PA โดยค่า SPF ย่อมาจาก Sun Protecting Factor เป็นค่าป้องกันรังสี UV B และค่า PA ย่อมาจาก Protection grade of UV A เป็นค่ารายงานผลการป้องกันรังสี UV A
ยกตัวอย่างเช่น ค่า SPF 50 จะมีความสามารถในการดูดซับ UV B ได้ถึง 98% และ ค่า PA หมายถึงประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UV A ระดับสูงสุด
นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมีรังสีอื่นๆที่เราต้องให้ความสำคัญ เช่น High Energy Visible Light หรือ แสงสีฟ้า ที่มาจากหน้าจอต่างๆ โดยครีมกันแดดบางตัวให้ความสนใจและพัฒนานวัตกรรมเพื่อปกป้องรังสีเหล่านี้
2. หลีกเลี่ยงส่วนผสมที่อาจจะก่อให้เกิดการแพ้หรือการอุดตัน
สำหรับคนที่ผิวบอบบางแพ้ง่าย ส่วนผสมเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง จะต้องปราศจากน้ำหอม สี และพาราเบน ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ นอกจากนี้ส่วนผสมจำพวกน้ำมันและซิลิโคนซึ่งจะทำให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน ก็เป็นอีกกลุ่มส่วนผสมที่ควรหลีกเลี่ยง
ในปัจจุบันมีการผสมคาร์นิทีนในครีมกันแดดบางยี่ห้อเพื่อช่วยลดน้ำมันในรูขุมขน ลดการอุดตัน และควบคุมความมันของผิวได้ยาวนานยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับคนที่มีผิวผสมและผิวมัน
3. เลือกลักษณะของเนื้อและสีของครีมกันแดด
สำหรับคนที่กังวลเรื่องความมันและการอุดตัน ลักษณะเนื้อของครีมกันแดดก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าส่วนผสม แนะนำให้เลือกครีมกันแดดที่มีลักษณะบางเบาก็จะช่วยลดความมันบนใบหน้าได้เช่นกัน
ส่วนสีของครีมกันแดดเป็นเรื่องของจุดประสงค์และความชื่นชอบส่วนตัว ถ้าหากต้องการใช้เพื่อปกป้องแสงแดดเพียงอย่างเดียว ให้เลือกเนื้อครีมกันแดดที่ไม่ผสมสี เมื่อทาลงไปแล้วไม่ทำให้ผิวเปลี่ยนสี แต่ถ้าหากต้องการให้ผิวหน้ากระจ่างใสขึ้น ก็มีบางยี่ห้อที่ผสมสีเบจเพื่อปรับสีผิวให้กระจ่างใสยิ่งขึ้น
มาดู ตัวอย่างครีมกันแดด ที่เราจะมาแนะนำในวันนี้
1. Eucerin Sun CC Acne oil SPF50 PA
ครีมกันแดดซีซีครีม ช่วยปกป้องผิวจาก UV A และ UV B ด้วย SPF 50 PA อีกทั้งผสมลิโคไรซา ช่วยลดแบคทีเรียสะสม ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาสิว
จุดเด่น
- เนื้อเจลครีมสีเบจ ช่วยปรับสีผิว แต่มีความบางเบา ไม่ทำให้หน้ามันระหว่างวัน
- ไม่มีซิลิโคนอุดตัน เหมาะสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย
50 ml ราคา 1,200 บาท (ลดจาก 1,500) สั่งซื้อสินค้าได้ที่ https://bit.ly/33e2H81
2. Provamed Sun Face White SPF 50 PA
ครีมกันแดดเนื้อบางเบา สูตรกันน้ำ ช่วยปกป้องผิวจาก UV A และ UV B ด้วย SPF 50 PA เหมาะสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย
จุดเด่น
- มีสองสีให้เลือก (ขาว, เบจ)
- ปราศจากสารเคมี
30 ml ราคา 210 บาท (ลดจาก 350) สั่งซื้อสินค้าได้ที่ https://bit.ly/2PKS6yy
3. Preme Nobu Sunscreen SPF 50 PA
ครีมกันแดดเนื้อครีมเนื้อละเอียด สูตรกันน้ำ ช่วยปกป้องผิวจาก UV A และ UV B ด้วย SPF 50 PA เนื้อครีมกลมกลืนกับสีผิวอย่างเป็นธรรมชาติ
จุดเด่น
- มีส่วนผสมของสารสกัดจากข้าวและคอลลาเจน ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและลดความแสบร้อนเมื่อเจอแดด
50 g ราคา 420 บาท (ลดจาก 490) สั่งซื้อสินค้าได้ที่ https://bit.ly/3xyXZ2K
โดยสามารถสั่งสินค้าออนไลน์ได้เลย ผ่านทาง http://mmshop.app/ ฟรีค่าส่งเมื่อซื้อครบ 299 บาท และช่วงนี้มีโปรโมชั่นลดแหลกนึกว่าแจกฟรี ลดหนักมากทั้งเว็บ! แถมยังสามารถสะสมแต้มไว้ใช้สำหรับสินค้าอื่นๆหน้าเว็บได้อีกด้วย