Profile

วันนี้จะมารีวิว Bright & Radiant Pink Lemon & Peach ที่ได้รับจาก Cosmenet นะคะ 
บอกได้เลยว่าเปิดออกมากลิ่นหอมเป็นเอกลัษณ์แบบพีช ๆ ค่ะ จากที่เคยมีประสบการณ์การใช้ Product ของ St.Ives ที่ผ่านมา พวกครีมต่างๆ  ก็ชอบอยู่แล้วนะคะ ชอบมากด้วย เพราะปกป้องผิวจาก antioxidant และรักษาน้ำหล่อเลี้ยงผิวค่ะ พอได้โฟมนี้มาก็ยังมั่นใจว่าจะตอบโจทย์การล้างหน้าได้อย่างชัดเจนค่ะ 

เริ่มจากเนื้อ Product ก่อนนะคะ เป็นครีมข้น ๆ สีขาวสะอาดตาค่ะ หอมพีช ๆ ค่ะ ใครชอบกล่ินพีช รับรองว่าไม่ผิดหวังค่ะ  เมื่อได้ลองขยี้ผสมกับน้ำ ให้ฟองไม่มากเท่าไรค่ะ ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบฟองบูม ๆ แต่เคยสังเกตผิวตัวเองเวลาเจอฟองเยอะ ๆ นี่ แอบผิวตึง แต่ตัวนี้คือ ฟองไม่มากค่ะ ลื่นผิวไล้ผิวได้ดี ฟองละเอียดค่ะ และให้ความรู้สึกของการทำความสะอาดที่เข้าถึง เพราะหลังจาก cleansing หน้า ผิวเรามันก็เริ่มแห้ง ๆ ค่ะ พอใช้โฟมตัวนี้ไป มันรู้สึก clear ผิวขึ้น พวกเครื่องสำอางที่ตกค้างละลายไปหมดกับฟองค่ะ ผิวแบบเบาขึ้นค่ะ หน้านุ่มขึ้นค่ะ 

ผลลัพธ์ผิว หลังจากลองใช้เช้าเย็นสัก 3 อาทิตย์ ส่วนตัวเราเชื่อว่าโฟมเป็นหลักสำคัญในการทำความสะอาดผิว แต่ไม่ได้คาดหวังถึงขนาด skincare ค่ะ เพราะ skincare ที่เราใช้ส่วนใหญ่ตอบโจทย์ผิวได้ดีค่ะ สิ่งที่เรามั่นใจคือ พวกสารตกค้างต่าง ๆ คราบเหงื่อไคลหมดจดเกลี้ยงค่ะ ผิวจึงสะอาดมากกว่าเคย หลังล้างหน้าความหมองคล้ำความอ่อนล้าก็ลดลง ได้ผิวใส ๆ ที่พร้อมยิ่งกว่าพร้อมสำหรับการบำรุงผิวในขั้นถัด ๆ ไปเชียวค่ะ  ได้ผิวสดใสแบบไบร์ท ๆ มีพลังความหอมติดใจค่ะ

ครั้งหน้าเราว่าจะลองอีกกลิ่นนึงค่ะ คือ Renewing Avocado & Coconut อยากรู้ว่าอโวกาโดร กับมะพร้าวนี่จะหอมหวานๆไหมนะ

รีวิวนี้สำหรับที่เราได้ลองมาส์ก Ponds Age Miracle Ultimate Youth Essence Mask 1 แผ่นถ้วนค่ะ เป็นมาส์กกระดาษที่มีความฉ่ำน้ำพอสมควรค่ะ  ไม่มีกลิ่นค่ะ ส่วนตัวเราเป็นคนชอบแช่มาศ์กไว้ในตู้เย็นก่อนเอามาใช้ค่ะ เพื่อสร้างความฟินและผ่อนคลาย และให้ความสดชื่นไปพร้อม ๆกันค่ะ สิ่งที่สัมผัสได้คือ ความเข้มข้นจาก essence ในแผ่นมาส์กที่จัดแน่นมาเลยค่ะ ไม่มีผิดหวังเลย ตามสไตล์มาส์กก็ต้องมี 10-15 นาที ครั้งนี้เราจัดไป 15 นาทีเต็มค่ะ แอบสะดุ้งในความเย็นครั้งแรก จากนั้นก็ทำอะไรเรื่อยเปื่อยก็ทิ้งมาส์กไว้ค่ะ จากนั้นก็แกะมาส์กออกแล้วทิ้ง เป็นอันจบ 

สำหรับในความรู้สึกถึงการบำรุงต่าง ๆ ก็เพียงผิวเผินนะคะ ของแบบนี้จะต้องมีการมาส์กต่อเนื่องกันหลายสัปดาห์ แต่คงไม่มีใครมาส์กอย่างเดียว โดยไม่ต้องทาครีมบำรุงใช่ไหมคะ ดังนั้นมาส์กชีทจึงเป็นอีกวิธีนึงที่มีหน้าที่หลักในการเสริมการบำรุงความชุ่มชื้นผิวหน้า ให้การไฮเดรติ้งที่เข้มข้นอย่างเข้าถึงและล้ำลึกมากยิ่งขึ้น เราจะเป็นคนที่ชอบทาครีมบำรุงครบก่อน แล้วค่อยมามาส์กค่ะ อันนี้แล้วแต่คน เทคนิคใครเทคนิคมันค่ะ เราชอบที่จะผิวหน้าฉ่ำ ๆ ก่อนนอนค่ะ ผลลัพธ์ที่เราเคยใช้มาส์กบ่อย ๆ ก็คือ ผิวตอนเช้ามันจะนุ่มสบายมาก เบา ผิวแน่นเนียนละเอียดค่ะ ชุ่มชื้นมาก ๆ เลย พอลงเมคอัพไปนี่คือ ติดผิวดีแต่งหน้าง่ายค่ะ 

อีกอย่างที่เราเคยสังเกตคือ เราว่ามาส์กนี่เป็นตัวช่วยกู้ชีพผิวหน้าแบบด่วนเลยนะคะ วันไหนหน้าโทรมล้าเลย ได้มาส์กชีทสักแผ่น เหมือนคนไข้ได้น้ำเกลือเลยค่ะ แรงเริ่มมา ผิวเริ่มสวย หน้าปังได้เลยค่ะ 

ร่วมแชร์ประสบการณ์ที่ได้ลองใช้ POND'S Age Miracle Ultimate Youth Essence  นะคะ ชื่อยาวเชียว แต่คุณสมบัติไม่น้อยไปกว่าชื่อเลยค่ะ เรียกได้ว่าพลิกโฉมเปิดบทบาทใหม่ของ POND อีกครั้งหนึ่งของปีเลยคะ ได้เคยอ่่านรีวิวมาบ้าง น่าสนใจมากค่ะ เริ่มกันเลยค่ะ ว่า item นี้เป็นอย่างไรกันบ้าง 
 
 
 
Package : เป็นขวดสีแดงใส ๆ แต่ไม่มากค่ะ ไม่เห็นเนื้อครีมด้านใน การจะกด essence ออกมาต้องใช้ dropper กด แอบติเลยว่า dropper ไม่ค่อยสะใจ คือ กดหัวมันแล้วได้ออกมาไม่เยอะเท่าที่ควร แอบงงเหมือนกัน ทุกวันนี้กดก็ยังสงสัยอยู่ แต่ให้คะแนนในเรื่องความเป็น dropper นี่แหล่ะค่ะ เพราะเราชอบอะไรที่เป็น dropper ค่ะ มัน pure และใ้หคุณค่าดีค่ะ
 
 
 
ระยะเวลาทดลอง  2 อาทิตย์กว่าๆ ค่ะ ดีใจค่ะ ที่ cosmenet ให้เวลาเพิ่มมากขึ้นค่ะ ได้ลองนานสักหน่อยจะได้ให้คะแนนได้ถูกต้อง 
 
 
 
texture : สีขาวข้น ๆ เนียน ๆ ไม่หนืดหนาด ไม่มีกลิ่นใด ๆ ค่ะ 
 
 
 
สภาพผิวเรา : รูขุมขนกว้างค่ะ หน้าหมองคล้ำ ริ้วรอยเริ่มมาตาม Aging ค่ะ รอยด่างดำจาง ๆ ในโหนกแก้มค่ะ
 
 
 
คุณสมบัติ : ตามที่อ่านมาก็ให้พลังคุณค่าการปรับสมดุลผิว ให้ความชุ่มชื้นกระจ่างใสค่ะ ลดเลือนริ้วรอยและร่องลึกอย่างมีประสิทธิภาพ ผิวเด้ง เต่งตึง ดูอ่อนเยาว์
 
 
 
ผลลัพธ์ที่สัมผัสได้ :  แต่พอลองได้ใช้เอง เรียกว่าที่เคลมมาก็ไม่ผิดเลยค่ะ เนื้อผลิตภัณฑ์ที่ซึมลงผิวได้ง่าย สัมผัสได้ถึงการบำรุงผิวได้ดี ประสานการทำงานในทุกด้าน ในอาทิตย์แรก ๆ ก็ยังไม่รู้สึกอะไรมาก รู้แค่ว่าตื่นมาหน้าก็ชุ่มชื้นและนุ่มดี ผิวไม่แห้งค่ะ จากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์ก็เริ่มสัมผัสถึงความกระจ่างใส เปล่งปลั่ง ผิวละเอียดเรียบเนียนเล็กน้อยค่ะ แต่จุดด่างดำนี่ยังมีอยู่ แน่นอนค่ะ ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถกำจัดได้ในช่วงเวลา  2 อาทิตย์กว่าค่ะ  รับรู้ถึงสมดุลผิวที่ดีมากขึ้น เจอแดดก็ไม่รู้สึกแสบอักเสบเหมือนแต่ก่อนค่ะ ผิวสุขภาพดีแข็งแรงขึ้นค่ะ ยอมรับตรงนี้เลย ส่วนริ้วรอยที่เคยเหมือนจะเริ่มกำลังมา ก็ดูเรียบละเอียดกลืนหายไปค่ะ เรียกว่าดีกรีของพลัง essence มันดีจริง ๆ ค่ะ 
 
 
 
Recomend : เราได้ลองใช้ Product ในไลน์อื่น ๆ ของ POND จะเห็นว่าทำงานส่งเสริมกันได้ดีค่ะ หน้าไม่มัน คุมโทนได้ยาวนานตลอดวันและให้ฟีลลิ่งที่ Tone Up ขึ้นในการแต่งหน้าด้วยค่ะ 
 
 
ถ้าขวดนี้หมด เราก็จะดูโปรวัตสันและใช้ต่อค่ะ

วันนี้เราจะมารีวิว ผลิตภัณฑ์ที่กำลังจัดแคมเปญของเคาน์เตอร์แบรนด์คลินิก Collection นี้มีชื่อว่า Clinique iD ค่ะ มีหลายสูตรค่ะ เป็น skin care ที่เราสามารถ customize ได้เองว่าชอบเนื้อแบบไหน ผิวแบบไหน กังวลปัญหาอะไรได้ตรงจุด เนื้อมีให้เลือก 3 แบบ 

*Lotion+ผิวแห้ง,Gel ผิวมัน, Jelly ผิวธรรมดา

นับดูแล้วจะมีมากถึง 15 สูตร ลำดับการเลือก 

ขั้นแรก : เลือกเบสตัวมอยส์เจอร์ก่อนว่าชอบเข้มข้นแค่ไหน มี 3 ระดับ Lotion=ผิวแห้ง / Oil-Control Gel=ผิวผสมถึงผิวมัน / Gel=ทุกสภาพผิวช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ

ขั้นที่สอง : เลือกบูสเตอร์เข้มข้นที่เป็นแกนหลอดด้านใน มี 5 สี 5 สูตร

1⃣ สีเขียว ลดการระคายเคือง รอยแดงแพ้ บอบบางแพ้ง่าย
2⃣ สีฟ้า กระชับรูขุมขน ผิวไม่เรียบเนียน
3⃣ สีขาว ผิวกระจ่างใส สีผิวไม่สม่ำเสมอ
4⃣ สีส้ม ปรับผิวให้เต่งตึง เปล่งปลั่ง ผิวเหนื่อยล้า
5⃣ สีม่วง เติมเต็มริ้วรอย

ขั้นสุดท้าย : ใส่แกนบูสเตอร์ลงในขวดมอยส์เจอร์เป็นอันเรียบร้อย จะใช้เดี่ยวๆเลยก็ได้หรือใช้คู่เซรั่ม/มอยส์เจอร์อื่นๆก็ได้

ทั้งนี้เพื่อให้เหมาะสมกับปัญหาผิวแต่ละคนค่ะ  สำหรับสูตรนี้ที่เราเลือกเป็นสูตรที่ทางเคาน์เตอร์แบรนด์จัดให้เรา เพียงแค่เราแจ้งว่าปัญหาที่เรากังวลเกี่ยวกับผิวคือ เรื่องรูขุมขน และความหย่อนคล้อยของผิว ทาง BA ก็จัดสูตร Pores & Uneven Texture ซึ่งเหมาะสำหรับผิวที่มีรูขุมขนกว้าง ไม่เรียบเนียนมาให้ 2 ซองค่ะ 

Package : ขนาดเล็กปริมาณ 2 ml ค่ะ มีส่วนผสมเป็นซองที่แบ่งออกเป็น 2 ส่วนเล็ก ๆ สีขาวและฟ้า ซึ่งจะต้องบีบจากท้ายเพื่อไล่ส่วนสีฟ้ามาผสมกับส่วนสีขาวค่ะ โดยส่วนขาว ๆ เป็น Hydrating Jelly และส่วนที่เป็นส่วนของ clinique iD บูสเตอร์สีฟ้าซึ่งเป็นการผสมกันอย่างลงตัวระหว่าง Dramatically different มาเพิ่มความพิเศษโดยการใส่ Booster สำหรับแก้ปัญหาผิวเข้าไปค่ะ ซึ่งพอผสม 2 ส่วนหลักเข้ากันแล้วก็จะได้เนื้อครีมที่เข้มข้นผสมเข้ากันพร้อมสำหรับการใช้ค่ะ

texture : หลังบีบผสมไปมาแล้ว จะเห็นเป็นเจลใส ๆ สะอาด ๆ คลีน  ไม่มีกลิ่นใดเลยค่ะ

คุณสมบัติ : ตามคำเคลมจาก Clinique บอกว่าสูตรนี้จะเป็นสารบำรุงเข้มข้นจากกรด อัลฟ่า ไฮโดรซิล ที่ช่วยเร่งขบวนการผลัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพ ทำให้รูขุมขนกระชับขึ้น และผิวมีสัมผัสที่เรียบเนียนขึ้น ในส่วนของ Hydrating Jelly ให้ความชุ่มชื้น ฟื้นฟูเกราะปกป้องผิว พร้อมเทคโนโลยี CleanShield ที่ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะซึ่งเป็นหนึ่งในตัวการทำร้ายผิวให้เกิดปัญหาหลากหลาย

ก่อนการใช้ : สภาพผิวของเราเป็นผิวผสม ค่อนข้างแห้งค่ะ รูขุมขนกว้าง ขาดความกระชับ มีริ้วรอย Aging เล็กน้อยค่ะ แต่เรากังวลเรื่องรุขุมขนกว้างมากกว่าค่ะ เพราะมีผลถึงการแต่งหน้ากลบรูอีกสารพัดค่ะ 

ผลลัพธ์ที่สัมผัสได้ : สำหรับ 1 ซองใช้ได้เช้าเย็น 2-3 วัน รวม ๆ 2 ซองเราใช้ได้ 6 วันค่ะ หลังจากผสมแล้วฉีกใช้ซองดู เนื่้อเจลเบาบาง ทาง่ายซึมซาบลงผิวไวดีมากค่ะ ไม่มีหนึบเหนียวเลย ให้ความเป็น Moisturizer สูงค่ะ เพราะสัมผัสแรกได้ถึงความชุ่มชื้นเลยค่ะ สิ่งที่สังเกตเห็นคือ ผิวชุ่มชื้นมาก่อนเลย ใครที่ผิวแห้งเราว่าตัวนี้ก็น่าสนใจมากค่ะ เรื่องรูขุมขนเราสารภาพว่ายังไม่สังเกตเห็นได้ชัดเจนค่ะ จะรู้สึกผิวแน่นขึ้นนิดหน่อย ตอนเช้าตื่นมาผิวไม่บวมน้ำ ไม่ดูล้าหรอืหมองคล้ำค่ะ รู้สึกผิวนุ่มเนียน ยังรักษา Hydrating ที่ดี เวลาแต่งหน้าแล้วติดผิวดีทีเดียวค่ะ จากสิ่งที่สัมผัสได้ว่าผิวแน่นขึ้นเล็กน้อย และที่ผ่านมาเคยใช้ Clinique ในไลน์อื่น ๆ มาก่อนซึ่งทำได้ผลลัพธ์ดีทีเดียว จึงเชื่อแน่นอนว่าหากใช้อย่างต่อเนื่องผิวจะดูเรียบเนียนและรูขุมขนกระชับขึ้นค่ะ ไม่เกิดอาการแพ้ใด ๆ นับว่าอ่อนโยนค่ะ และน่าจะพิสูจน์ผิวที่แข็งแรงขึ้นสุขภาพดีขึ้นได้ภายในขวดแรกค่ะ 

Recomend : หากได้ใช้กับ Product ในไลน์อื่น ๆ หรือแบรนด์อื่น ๆ ที่ใช้เป็นประจำ จะเห็นว่าทำงานส่งเสริมกันได้ดีค่ะ หน้าไม่มัน คุมโทนได้ยาวนานตลอดวันและให้ฟีลิ่งที่ Tone Up ขึ้นในการแต่งหน้าด้วยค่ะ

เสนอแนะ : สำหรับในส่วนที่เป็นแพ็คเกจเล็ก อยากให้ออกแบบมาให้บีบแล้วไม่ผ่านกระดาษค่ะ เพราะพอผ่านกระดาษออกมา มอยซ์เจอร์ก็ไม่ค่อย pure เท่าไรค่ะ ยิ่งมาใช้หลาย ๆ รอบก็ไมเ่หมาะสมเลยค่ะ ยิ่งทำให้ loss product ไปอีก เสียดายจุดนี้ค่ะ แคมเปญหน้าปรับหน่อยนะคะ

วันนี้มารีวิวสำหรับ Parrot Natural Oil in Bath

Package : แพ็คเกจจิ้งขนาดเล็กกะทัดรัดขนาด 100 ml ขวดเป็นแบบกดฝาแล้วมีรูเล็กให้ครีมอาบน้ำออกมาค่ะ ขวดไม่แข็งนัก ทำให้บีบได้ง่าย ส่วนตัวทำแบบนี้ก็สะดวกดีค่ะ  เคยแบบเจอขวดหมุนเกลียวแล้วกุมขมับเลย เพราะหมุนไม่ออกสักทีค่ะ รู้สกึขวดไซส์จริงจะเป็นเกลียวด้วย ส่วนลายขวดจะคลาสสิกเป็นดอกไม้ตามสไตล์ Parrot นกแก้วเลยค่ะ 

สูตร : มี 3 สูตรครบตามที่ออกใหม่ค่ะ คือ กลิ่น 

(1) ขวดชมพู แพรอท ออยล์ อิน บาธ สูตร SOFT ROMANCE

(2) ขวดฟ้า แพรอท ออยล์ อิน บาธ สูตร HYDRO FRESH

(3) ขวดม่วง แพรอท ออยล์ อิน บาธ สูตรWHITE PERFECT

เนื้อครีมอาบน้ำ : สีขาวข้น เหมือนกันทุกขวดค่ะ 

ความหอม : มีความหอมแตกต่างกัน เป็นสไตล์พฤกษา มวลดอกไม้แนว ๆ organic ค่ะ ใครที่ชอบกลิ่นดอกไม้ ถูกใจสิ่งนี้แน่ ๆ ค่ะ 

(1) ขวดชมพู สูตร SOFT ROMANCE กลิ่นหอมหวานค่ะ 
(2) ขวดฟ้า สูตร HYDRO FRESH กลิ่นหอมสดชื่น เฟรชสมกับชื่อค่ะ
(3) ขวดม่วง สูตร WHITE PERFECT กลิ่นหอมนุ่ม ๆ ละมุนดี

สัมผัส : ให้ฟองปานกลางค่ะ ขนาดใช้ตาข่ายก็ยังไม่ได้ฟองมากพอ ส่วนตัวเราเป็นคนชอบครีมอาบน้ำที่มีฟองหนา ๆ นุ่ม ๆ ค่ะ เคยได้สัมผัสได้ใช้แล้ว ลืมไม่ลงจริง ๆ ค่ะ ของ Parrot คอลลเคชั่นนี้สำหรับเราถือว่าเราเฉย ๆ สำหรับฟองนะคะ

สัมผัสขณะใช้: เราชอบกลิ่นของขวดฟ้า สูตร HYDRO FRESH รู้สึกว่าอาบสะอาด อาบแล้วกลิ่นติดผิว สดชื่นที่สุดค่ะ ยิ่งในช่วงสัปดาห์นี้ที่ทำงานเหนื่อยล้ามายาว ๆ พอกลับบ้านมาได้อาบน้ำกลิ่นนี้ รู้สึกมีชีวิตชีวาผ่อนคลายขึ้นได้มากจริง ๆ ค่ะ แต่สูตรที่กลิ่นติดห้องน้ำไปเป็นชั่วโมงเลยคือ สูตร SOFT ROMANCE ค่ะ คนที่บ้านตามมาห้องอาบน้ำถามเลยว่าใช้ขวดไหน สำหรับการล้างทำความสะอาดไม่ยากเลยค่ะ ล้างออกง่ายค่ะ ไม่ลื่นจนเกินไปค่ะ 

สัมผัสผิวหลังการใช้ : ผิวจะรู้สึกสะอาด ใช้ต่อเนื่องเช้าเย็นเกือบอาทิตย์ ให้ความรู้สึกผิวนุ่มขึ้นเล็กน้อย และความชุ่มชื้นปานกลางค่ะ เพราะเวลาหลังอาบน้ำเราก็รีบทาโลชั่นค่ะ ความกระจ่างใสยังสัมผัสไม่ได้ค่ะ เพราะบอกตามตรงว่าช่วงที่ผ่านมาผิวโดนแดดเผามามาก สีผิวยังไม่ tone up ขึ้นจนสังเกตได้ค่ะ แต่เชื่อว่าผิวสะอาดหมดจด ถ้าได้ใช้ต่อเนื่องเป็นขวดใหญ่ ๆ ผิวจะนุ่มและหอมสะอาดจริง ๆ ค่ะ 

วันนี้มารีวิว ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าอีกตัว มีชื่อเต็ม ๆ ว่า Eucerin Pro ACNE SOLUTION CLEANSING GEL

Package : แพ็คเกจจิ้งดีมาก เป็นขวดปั๊มขนาด 200 ml ขวดผอมกดปั๊มสะดวก ไม่ต้องหมุนฝาให้เปิดยากลำบากด้วย 
กดปั๊มทีละ 2-3 ปั๊มตามขนาดหน้า และการจัดเต็ม make up บนหน้า

texture : เป็น cleansing gel แบบน้ำใส ๆ สะอาด มีความเหลว ๆ เกือบคล้าย Oil ดูข้นนิดหน่อย แต่ไม่มันไม่หนืดแบบ Oil ค่ะ

คุณสมบัติ : เป็นผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสำหรับผิวเป็นสิว คนที่ผิวหน้าเป็นสิวง่าย หรือเป็นสิวอยู่ สามารถใช้ล้างหน้าได้สะอาดค่ะช่วยดึงความมันและคราบ make up จากชั้นผิวให้หลุดออกอย่างอ่อนโยน ผิวหมดจดและไม่ทำให้ผิวแห้งตึงจนเสียสมดุล ข้อดีคือ ช่วยลดโอกาสเกิดสิวได้

เริ่มพิสูจน์กันเลยค่ะ 

*วันนี้สำหรับผิวเราก็มีเมคอัพจัดปานกลาง พิสูจน์การทำความสะอาดผิว โดยกดปั๊มทีละ 2-3 ปั๊ม เนื้อผลิตภัณฑ์จะเป็นน้ำใส ๆ สะอาดเหลว ๆ ข้นนิดหน่อย แต่ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่มีกลิ่น ปราศจากสบู่และนำ้หอม บริสุทธิ์เลยค่ะ การล้างก็จะมีผสมน้ำนิดหน่อยก็จะลื่น ๆ คราบเมคอัพเริ่มละลายออกง่ายดาย สำหรับที่ดวงตา เราใช้สำลีชุบทำความสะอาดเพื่อความอ่อนโยนด้วยค่ะ จะเห็นว่ามีฟองน้อยมาก ผสมน้ำเล็กน้อยช่ยให้การล้างหน้าง่ายขึ้น ค่อย ๆ นวดอย่างเบามือในทุกจุด เพื่อให้เจลล้างหน้าดึงเอาค วามมันออกมาค่ะ  ผลลัพธ์ที่ได้รับการทำความสะอาดล้ำลึก ก็จะได้ใบหน้าที่สะอาดสดใส ไร้คิ้ว และไร้สิวค่ะผิวดูหมดจด ผิวดูเรียบเนียนน่าสัมผัส ดูสดใส ไม่ทิ้งคราบหรือความรู้สึกลื่นๆ ไว้บนผิว ไม่แห้งตึง ดูชุ่มชื้นค่ะ  ผิวหน้าที่สะอาดหมดจดสดใส เรียบเนียน ที่แท้ทรู 
สิ่งที่สัมผัสได้คือ ผืวเราไม่แพ้ไม่ระคายเคืองค่ะ แม้ว่าเนื้อเจลจะข้นคล้าย oil แต่ไม่หนืดไม่เหนียว การล้างทำความสะอาดให้ฟองน้อย จึงไม่ทำให้ผิวตึงค่ะ สามารถล้างได้อย่างอ่อนโยนจริง ๆ ค่ะ สามารถใช้ได้ทั้งกับผู้มีสิวและผิวแพ้ง่ายค่ะ เมื่อผิวไม่แห้งตึง จะทำให้การบำรุงหลังล้างหน้ าดีมากขึ้น ผิวกระชับขึ้นค่ะ และแน่นอนว่าหากใช้อย่างต่อเนื่องผิวจะดูเรียบเนียนและรูขุมขนกระชับขึ้นค่ะ ลองใช้และพิสูจน์กันนะ 

สำหรับครั้งนี้ เราได้  Clearasoft Intensive Clear Acne Gel จัดส่งมาจากทางกิจกรรม Cosmenet นะคะ เป็นช่วงเวลาที่สิวกำลังขึ้นพอดีเลยค่ะ ที่จริงก็ไม่ได้ขึ้นเยอะแยะอะไร แต่ก็พอทำให้รำคาญรกหูรกตาได้เหมือนกันแหล่ะ มี 3 เม็ดที่แก้มและมุมปากค่ะ วันแรกคันยิบๆนิดหน่อย เผลอนิดเดียวก็แดงเป็นตุ่มสิวจิ๋วๆขึ้นมาค่ะ ก็เลยได้เวลางัดเอา เจลแต้มสิว Clearasoft Intensive Clear Acne Gel มาใช้ค่ะ 

texture เป็นเจลสีขาวบางเบา ไม่มีกลิ่นค่ะ ใช้แตะที่บริเวณที่เป็นสิวคลึงเบา ๆ ก็ซึมลงหมดแล้วค่ะ สำหรับเราก็ทาที่เจ้าสิว 3 ตุ่มนี้ค่ะ ไม่แสบไม่คันไม่ระคายเคืองใดๆค่ะ

ผลลัพธ์ที่เห็นคือ ผ่านไปเพียงแค่คืนเดียว สิวก็ยุบหายไปเลย อันนี้เราพิสูจน์เองได้เลยนะคะ บริเวณที่เป็นสิวไม่ลอกด้วย คือ ยุบหายไปแบบหมดจดเลยค่ะ ปกติสภาพผิวเราค่อนข้างแข็งแรงอยู่แล้วด้วย นาน ๆ ทีจะมีสิวขึ้นค่ะ และสิวที่เกิดในเคสเรานี้มันยังไม่ทันเจริญเติบโตด้วย เจลแต้มสิว Clearasoft Intensive Clear Acne Gel จึงสกัดกั้นกระบวนการเติบโตของสิวน้อยนี้ได้ทันทีค่ะ  

ที่สำคัญคือ ผิวเรียบค่ะ  ไม่ทิ้งรอยแดงหรือรอยด่างดำให้รำคาญใจด้วยค่ะ กู้หน้าใสได้ทันใจค่ะ และนี่คือ  5 ดาวเทหมดเลยค่ะ

วันนี้เราจะมาร่วมรีวิว Clean & Clear
Essentials Oil-Control Toner ค่ะ ได้มาจาก Cosmenet ค่ะ เป็น Toner ในขวดใส เทออกมาเป็นสีฟ้าอ่อน ๆ ค่ะ เนื้อน้ำเหมือนน้ำตบเลยค่ะ ไม่หนืดหนาดค่ะ มีกลิ่นสดชื่น ๆ แบบ Clean&Clear ค่ะ และแอบมีแอลกอฮอล์จาง ๆ  ด้วยความบางเบามาก จึงสามารถเทใส่สำลีและกดเข้าสู่ผิวได้เลย เพื่อให้ปรับสภาพสมดุลผิวให้พร้อมรับการบำรุงในลำดับขั้นถัด ๆ ไปค่ะ และสามารถเป็น Cleansing ขั้นสุดท้ายเพื่อให้ผิวสะอาดมากขึ้น 

ผลลัพธ์หลังจากการทดลองใช้ สามารถสัมผัสได้ว่าผิวสะอาดสดชื่นกระจ่างใสขึ้น ไม่เกิดอาการระคายเคืองใด ๆ ค่ะ

ในช่วงที่เราเป็นสิว เราจะใช้ Clean & Clear
Essentials Oil-Control Toner เช็ดที่ผิวหน้าก่อนค่ะ เพื่อความอ่อนโยนต่อผิวค่ะ ผิวที่เป็นสิวจะลดอาการคันค่ะ สิวจะดูแห้ง ๆ ลงค่ะ จากนั้นค่อยทายาแก้อาการอักเสบสิวค่ะ เราว่าเหมาะกับผิวในช่วงเป็นสิวค่ะ

วันนี้เราจะมารีวิว ALLIE EXTRA UV FACIAL GEL ค่ะ  item นี้เป็นกันแดดแบบ limited ค่ะ แพ็คเกจจิ้งเป็นขวดขาวละมุนขนาด 60 g ค่ะ ขนาดกำลังดี สะดวกต่อการพกพาค่ะ เป็นกันแดดรุ่นฮิตที่ญี่ปุ่นค่ะ เคยเห็นบล็อกเกอร์รีวิวอยู่ เป็นกันแดดที่น่าสนใจทีเดียว

สำหรับเนื้อสัมผัส เป็นสีขาวข้นเจล ๆ เราคิดว่ามันค่อนข้างเข้มข้นมากกว่าจะเป็นเจลค่ะ ต้องบอกก่อนนะคะ เราเป็นคนผิวผสมค่ะ เราใช้ประมาณ 1 ข้อนิ้วกว่า ๆ สำหรับทากันแดดที่หน้าค่ะ พอลองเกลี่ย ๆ ก็ใช้เวลาสักหน่อยสำหรับการเกลี่ยค่ะ  เพื่อให้เนื้อเคลือบกันแดดผิวได้ดีค่ะ แต่เนื้อระดับนี้ก็ไม่ถือว่าหนักหน้าเกินไปนะคะ เพราะเนื้อไม่ได้เข้มข้นมาก  ให้ความเรียบเนียนสดใสกระจ่างใสค่ะ ให้ความเป็นเมคอัพเบสด้วย เพราะดูแล้วแต่งหน้าได้สนิทดี ไม่วอกไม่มัน ไม่เป็นคราบใด ๆ ค่ะ กลิ่นยังแอบหอมอ่อน ๆ ด้วยค่ะ ไม่มีกลิ่นแอลกอฮอล์ค่ะ และตลอดทั้งวันผิวก็ไม่ดร็อปค่ะ แม้จะมีเหงื่อออกมาก็ทำให้ผิวเป็นคราบ และไม่มีความมันเกิดขึ้น ผิวยังดูสดใสยาวนานตลอดวัน เหมือนจะช่วยให้การติดเครื่องสำอางดีมากขึ้นด้วย โดยรวมให้การปกป้องผิวได้ดีทีเดียวค่ะ 

ส่วนตัวเคยใช้ทาผิวหน้าตอนไปว่ายน้ำกับลูกชายค่ะ เล่นอยู่ประมาณ 3 ชั่วโมง กลับมาผิวก็ยังดูสดใสค่ะ ไม่หมองคล้ำ ไม่แสบผิวค่ะ ถือว่าผ่านในเรื่องของการกันน้ำค่ะ ปลื้มตรงนี้ค่ะ 

ให้ 4/5 ดาวค่ะ หักนิดเดียวเรื่องการเกลี่ยบนผิวค่ะ อยากให้ปรับสูตรอีกนิดค่ะ 

วันนี้เราจะมารีวิว NIVEA Extra White C & E Vitamin Lotion ที่ได้รับเป็น tester ขนาดใหญ่จากทาง cosmenet นะคะ บอกก่อนเลยว่าขวดโลชั่นใหญ่สุดคุ้มค่ามากจริง ๆ 

โลชั่นนีเวียขวดนี้ทำมาเพื่อตอบโจทย์คนผิวแห้ง ต้องการป้องกันแสงแดดอันร้อนระอุบ้านเรานะคะ เพราะเนื้อโลชั่นผสมผสานพลังจากวิตามินซีเข้มข้นหลายชนิด รวมทั้งวิตามินอี ทำให้นอกจากจะปกป้องผิวจากแสงแดดแล้วยังช่วยปกป้องความชุ่มชื้นในชั้นผิว ด้วยพลังจากวิตามินซีหลายชนิดมีส่วนช่วยในการปกป้องผิวให้ต่อต้านอนุมูลอิสระได้ดี ผิวไม่เหี่ยวย่น ไม่ถูกทำลายจากมลภาวะได้ง่ายค่ะ

เมือ่ทาโลชั่นแล้วผิวจะให้ความกระจ่างใสเปล่งปลั่งค่ะ เนื้อโลชั่นเนียนขาวเหลว ไม่หนืดไม่เหนอะหนะให้รำคาญใจ ซึมซาบผิวได้ง่าย ช่วยให้ผิวเนียนนุ่มยาวนานตลอดวันค่ะ เราชอบกันแดดทาผิวของนีเวียในคอลนี้ค่ะ เลยซื้อใช้เองมาก็ 3 ขวดได้แล้วค่ะ ถ้าใครได้ลองต้องติดใจเหมือนที่เราติดใจแน่นอนค่ะ

รีวิวสำหรับ Aveeno Daily Moisturizing Lotion นะคะ ได้มาจาก Cosmenet นี่ขวดใหญ่โตกว่าที่คิดอีกค่ะ เป็น product ที่เห็นผ่านตาตามห้างสรรพสินค้า drugstore ทั่วไปค่ะ หาซื้อได้ง่ายค่ะ และต้องยอมรับว่าเป็นครั้งแรกที่เราได้ลองใช้ตัวนี้ค่ะ ความรู้สึกของกลิ่นที่ได้สัมผัส ต้องบอกเลยว่า นึกว่าเป็นครีมสมุนไพรผสมยาอะไรสักอย่าง แต่เราเฉย ๆ นะกับพวกครีมเอย skincare ที่กลิ่นแปลก ๆ เพราะส่วนใหญ่ได้ใช้แล้ว ผลลัพธ์มันดีจริงค่ะ 

สำหรับเรื่องเนื้อสัมผัส ก็แบบฉบับDaily Moisturizing Lotion ค่ะ เหนียวข้น แบบความชุ่มชื้นในชั้นผิวนี่เอาอยู่แน่นอนค่ะ พอชโลมบนผิว ก็ต้องขยันถูสักหน่อย จะได้ซึมเข้าผิวได้ดีค่ะ ใช้มาสัก 3-4 ครั้ง ช่วงกลางคืน กับการนอนในห้องแอร์ ก็บอกได้ว่า ผิวแน่นไม่ดูแห้งเหี่ยวเหมือนตอนตื่นเช้าเมื่อก่อนเลยค่ะ ผิวดูสดใสกว่าเดิม เป็นครีมทาผิวกายที่ม้ามืดสำหรับเราจริง ๆ ค่ะ

สำหรับ Neutrogena Rapid Wrinkle Repair Regenerating Cream นี้เคยเห็นผ่านตาเพราะพรีเซนเตอร์เป็นพี่ป๊อก ปิยะธิดา พรีเซนต์ให้ค่ะ  พี่ป๊อกนี่แบบหน้าเด็กมากค่ะ พอ cosmenet เสนอ กิจกรรมร่วม test สินค้าและรีวิว เราก็กำลังจะเข้าวัย 35 กล่าง ๆ มาแล้ว ริ้วรอยก็มาเยือนแล้วเช่นกัน อะไร ๆ ที่เคยตึงก็เรียงตัวกันหย่อนไม่แพ้กัน จากที่ลองใช้มาตั้งแต่ปณ.ส่งมาก็เกือบอาทิตย์ การเห็นผลลัพธ์อาจจะยังไม่ชัดเจน แต่สิ่งที่สัมผัสได้คือ 

เนื้อสัมผัสที่ดูฟู ดูแน่น ดูเข้มข้นเข้าใจได้ในสิ่งที่เป็นผลิตภัณฑ์ต่อต้านริ้วรอยค่ะ 

สิ่งที่สัมผัสได้อันพับถัดไปคือ ผิวหน้าดูชุ่มชื้น เรียบเนียน สุขภาพดี อ่อนโยนต่อผิว ผิวดู bright เมื่อตื่นนอนตอนเช้าเลยค่ะ เรื่องริ้วรอยเราขอให้เวลาอีกต่อไปนะคะ แล้วจะมาบอกผลลัพธ์กันนะ

สำหรับเราได้ยินชื่อ Tomei มานานแล้วค่ะว่าเป็นผลิตภัณฑ์ช่วยในการรักษาสิว ส่วนตัวนาน ๆ ทีจะเป็นสิวเม็ดเป้ง ๆ สักที แต่สิวอุดตันละ่ไม่น้อยเลย เผลอ ๆ ก็มากันเต็มค่ะ 

แต่วันนี้ เห็นตรงกลางระหว่างคิ้วเริ่มคันยิบ ๆ รู้เยว่า กำลังมีสิวจะมาเยือน ไม่ต้องถามหมอไหน ใครก็รู้

เห็นกำลังแดง ๆ ถ้าขึ้นตอนเช้าวันทำงานคงไม่งามแน่นวลลล ก็คว้า Tomei ที่ได้จาก cosmenet นี่แหล่ะ บีบปึด ๆ ออกมานิดหน่อย เพียงพอจะทาตรงจุดเริ่มต้นสิวนี้ทันทีค่ะ 

สิ่งที่สัมผัสได้คือ ไม่รู้สึกยิบ ๆ แล้วค่ะ ทาแล้วไม่แสบเหมือนยี่ห้อบางอย่างที่เคยใช้ และทาเนียนเรียบ แม้ว่าไม่ได้เป็นเนื้อบางเบาที่ใช้ทาสิว หรือไม่เป็นเจล แต่ตรงบริเวณที่ทาก็ไม่เกิดเป็นความมันบริเวณผิว แค่เท่านี้พรุ่งนี้ก็เห็นผลล่ะค่ะว่าจะขึ้นไม๊ 

"Review with Eucerin UltraSENSITIVE Q10X Night"


ร่วมแชร์ประสบการณ์และแบ่งปันรีวิวผลลัพธ์หลังการใช้ Eucerin UltraSENSITIVE Q10X Night ที่ได้รับจากการร่วมกิจกรรม Beauty Hunter (Thailand) ค่ะ


นับจากวันที่ได้รับผลิตภัณฑ์จนถึงตอนนี้เราใช้ Eucerin UltraSENSITIVE Q10X Night ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาประมาณ 10 วันค่ะ


ก่อนอื่นเริ่มที่ต้นว่าก่อนที่เราจะมาเริ่มใช้นั้น โดยรวมผิวเราก็ดูจะขาว ๆ ใส ๆ ค่ะ ภาพรวมเหมือนผิวจะดูไม่มีปัญหาอะไร แต่โดยพื้นฐานผิวหน้าเราก็แห้ง ๆ ขาดน้ำค่ะ ความชุ่มชื้นผิวน้อย ทำให้ริ้วรอยเกิดขึ้นได้ง่ายค่ะ เวลายิ้มก็นี่ก็เผยให้เห็นริ้วรอยที่มีอยู่ค่ะ บวกกับอายุตอนนี้ก็เลข 3 กลาง ๆ แล้วค่ะ ผิวที่เคยแข็งแรงก็อ่อนแอง่ายขึ้น หมองคล้ำ ดูไม่มีชีวิตชีวา ก็มองหา product ว่าตัวใดที่ช่วยในการเร่งฟื้นฟูผิว แม้ว่าโดยปกติก็เป็นคนใส่ใจดูแลผิวหน้าอยู่แล้วนะคะ แต่ช่วงนี้เป็นช่วงอ่านหนังสือสอบ Toeic เยอะค่ะ พอขาดการบำรุงไปหน่อย ผิวหน้ามันก็โทรมล้าลงไปเยอะทีเดียวค่ะ


พอมีโอกาสได้รับแคมเปญจาก Beauty Hunter ได้ร่วมทดลองใช้ Eucerin UltraSENSITIVE Q10X Night สำหรับการบำรุงผิวยามค่ำคืน ก็เกิดความสนใจขึ้นมาค่ะ


เนื้อครีม : เป็นครีมข้นหนืด สีครีมอ่อน ๆ ค่ะ ดูมัน ๆ ซึ่งคาดว่าเจ้ามัน ๆ นี้ก็คือการผสมผสานกันของ BioActive และ Q10X ในเนื้อครีมที่มีส่วนช่วยในการลดเลือนริ้วรอยค่ะ


รีวิวการใช้ : ขั้นตอนแรกในการใช้ค่ะ หลังจากที่เราลงผิวด้วย Toner แล้ว เราจะลงซีรั่มทั่ว ๆ ไปที่ใช้ประจำ เราจะปาดครีมออกมาประมาณครึ่งข้อนิ้ว จากนั้นเราจะค่อย ๆ เอาครีมแตะไปตาม 5 จุดท็อปไฮไลท์ จะทำให้เราสามารถควบคุมปริมาณครีมได้ดีขึ้น จากนั้นแล้วค่อย ๆ กดเบา ๆ นวดประโลมให้เนื้อครีมค่อย ๆ ซึมเข้าไปชั้นผิวได้ง่ายค่ะ แรก ๆ ก็คิดว่าจะต้องมันแน่ ๆ ค่ะ แต่เพราะผิวเราค่อนข้างแห้งขาดน้ำอยู่แล้ว พอค่อย ๆ ประโลมครีมจนหมด หน้าก็ไม่ได้มันหนักอะไรค่ะ เพราะแม้เนื้อครีมจะเข้มข้นไปนิด แต่ครีมก็ซึมเข้าสู่ผิวได้ไม่ยากเลยค่ะ ท่องไว้ค่ะ มีแต่สารดี ๆ ทั้งนั้น


ทริกนิดหน่อยคือ เวลาเราทาครีม เราจะไม่ไล่เนื้อครีมปาดลงมาตามหน้านะคะ เราจะไล้ขึ้นย้อนแรงโน้มถ่วงโลกค่ะ เราสังเกตเอาจากตอนที่เราไปนวดหน้าหรือทรีตเมนท์หน้าค่ะ เป็นวิธีที่ได้ผลดีค่ะ เพราะเนื้อครีมจะผ่านไปตามรุขุมขนเราที่มันกว้างเนี่ย และเข้าไปกระชับพื้นที่เจ้ารูนี่ซะ รูขุมขนจะได้เล็กลงบ้างค่ะ ส่วนตรงที่เป็นริ้วรอย เราก็เอานิ้วเราปาดครีมมาบาง ๆ มากด ๆ กระชับเข้าผิวบริเวณนั้นค่ะ 3-4 ที เบา ๆ ค่ะ อย่างของเรา เรากดที่ตรงที่เป็นริ้วรอยยิ้ม ๆ ค่ะ กับตรงหน้าผากค่ะ เท่านี้ก็เรียบร้อยเสร็จพิธีค่ะ พอเราไล้ ๆ ผิวหน้าเราว่าหน้าเราไม่มันค่ะ




7-8 วันผ่านไป : ผิวหน้าจะนุ่ม ๆ ผิวจะเรียบเนียนขึ้น ความหมองคล้ำที่เคยมีลดลง ผิวสดใสขึ้น เพราะมีส่วนผสมของ BioACITVE ในเนื้อครีมที่ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส รอยดำบางส่วนจางลงค่ะ ส่วนเรื่องรูขุมขนที่ค่อนข้างกังวล สังเกตว่าดูกระชับขึ้นกว่าเดิมค่ะ สำหรับเรื่องริ้วรอยที่ไม่ได้ลึกมากในบางส่วนของผิวเรา เราก็เห็นได้ว่าจางลงนิด ๆ นะคะ แต่เรื่องริ้วรอยที่ลึกมากกว่าหรือมีนานแล้วเป็นเรื่องที่ต้องใช้ระยะเวลาวัดใจนานกว่านี้อีกสักหน่อยค่ะ แต่เราเข้าใจตรงจุดหนึ่งคือ นี่เป็นครีม มันไม่ใช่เลเซอร์ โบท๊อกซ์ที่จะให้ผลได้รวดเร็วทันทีค่ะ จุดหนึ่งที่สำคัญคือเราได้ผลพลอยได้ตรงที่พอหน้าเนียนกระชับขึ้น เวลาเราลงรองพื้น ลงแป้ง สามารถลงได้เนียนขึ้นค่ะ ไม่ต้องเติมไปเติมมากว่าจะให้ผิวดูเนียนค่ะ และที่สำคัญคือ เราไม่แพ้ ไม่ระคายเคือง อ่อนโยนกับผิวเรา ไม่ก่อให้เกิดสิวค่ะ เพราะ UltraSENSITIVE Q10X NIGHT และ สำร Q10X ในเนื้อครีมอ่อนโยนและช่วยเสิรมพลังต่อต้านริ้วรอยค่ะ


10 วันผ่านไป : ผลลัพธ์ยังเหมือน 7-8 วันเช่นกันค่ะ แต่ผิวดู firm กระชับมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องใช้เวลาในการสังเกตความเปลี่ยนแปลงจากผลของครีมอีกเป็นเดือนค่ะ


สำหรับบางวันเรามีผลการวัดความชุ่มชื้นด้วย Applicator ส่วนตัวนะคะ จะมีบางวันถ้าเราลงครีมหนักมือไป ก็ยอมรับว่าค่า Oil จะขึ้นสูงจริง ๆ ค่ะ แต่ถ้ามาวัดผลตอนเช้า ค่า Oil จะลดลง ผิวตอนเช้าดูเด้งฟูอิ่มขึ้น แต่ความชุ่มชื้นจะอยู่ในระดับที่ดีค่ะ และถ้าบางวันลงครีมเบามือ ค่า Oil จะอยู่ในเกณฑ์ต่ำ แต่ความชุ่มชื้นสูง การวัดผลตอนเช้าก็ยังมีค่าเท่าเดิม ปัจจัยส่วนหนึ่งคือ เรานอนห้องแอร์ทุกคืนนะคะ แต่ที่เห็นได้ชัดเจนคือ ผิวไม่อุดตัน ไม่ก่อให้เกิดสิว หรืออาการระคายเคือง ผิวตอนเช้าสดใสและละเอียดเนียนค่ะ ริ้วรอยและจุดด่างดำบางส่วนจางลง สังเกตเวลาแต่งหน้าทุกวันว่าผิวที่ละเอียดขึ้น ทำให้การแต่งหน้าง่าย และติดทนค่ะ เพราะผิวฟื้นฟู อาการขาดน้ำในชั้นผิวลดลงค่ะ ระหว่างวันหน้าก็ไม่มัน ผิวไม่ดร็อปค่ะ ตรงนี้เพราะ Anti Oxidant ช่วยเสริมความแข็งแรงของผิวให้ดีขึ้น ปกป้องผิวจากมลภาวะภายนอกค่ะ


คะแนนรวม : 9/10 ค่ะ


หักคะแนน : เรายังคิดว่าไม่ค่อยเหมาะกับคนผิวมันนะคะ แต่คนที่ผิวแพ้ง่าย ผิวบอบบาง คนที่ต้องการฟื้นฟูผิว รวมทั้งคนที่ผิวขาดน้ำจะใช้ได้ผลดีเลยค่ะ


//////////////////////////////////////


ดูรูปประกอบรีวิวการใช้ครีม Eucerin UltraSENSITIVE Q10X Night นะคะ


/////////////////////////////////////


#Eucerin #ยเูซอริน #EUCERINUltraSENSITIVE #EUCERINQ10x

หลังจากได้รับแป้งฝุ่นtranslucent แบบโปร่งแสงของ Deleaf Thanaka แล้ว ก็รีบแกะแพ็คเกจออก ลองใช้ในเช้าวันรุ่งขึ้นเลยค่ะ บอกก่อนเลยว่าแพ็คเกจกระปถกน่ารักพอตัวเลยค่ะ รูปรุสำหรับเทแป้งเห็นแล้วนึกถึง แก้มสาวพม่า เวลาประแป้งค่ะ  เนื้อแป้งแบ่งเป็น 2ด้าน สีเหลืองกับชมพู ซึ่งเป็นส่วนของทานาคากับสารสกัดจากทับทิม เวลาเราใช้จะบิดแล้วเคาะมารวมกันค่ะ ค่อยตบที่แก้ม และกระจายแป้งให้ทั่วผิวหน้า สัมผัสได้ว่าแป้งเนื้อบางเบา ไม่หนักผิว ไม่เหนอะหนะ สบายๆ ผิวดูสว่างๆขาวเป็นธรรมชาติ ดูเรียบเนียนดีค่ะ 

หลังจากออกแดด ไปเผชิญมลภาวะภายนอกทุกๆวัน สังเกตได้ว่าผิวไม่มันแต่อย่างใด เนื้อแป้งไม่เป็นคราบ ไม่เป็นก้อนค่ะ ชิมเมอร์ละเอียดดี ติดเรื่องเดียวคือ เม็ดชิมเมอร์ใส่มาเยอะมากไป เวลาเกลี่ยแป้งเสร็จ ต้องปาดชิมเมอร์ออกไปสักรอบค่ะ จะได้ชิมเมอร์ประกายกำลังดีค่ะ เรื่องลดการอักเสบสิวและริ้วรอย กันแดด เรายังมั่นใจในสกินแคร์มากกว่าแป้งฝุ่นชนิดบางเบาค่ะ 

สรุปว่าแป้งฝุ่นนี้ตบในตอนเช้าได้ วันที่ไม่ต้องการปรุงแต่งเยอะ สวยสายชิล ตื่นสายรีบออกก็มาใช้ได้ค่ะ ถ้าวันที่ต้องการเนี๊ยบทางการ แป้งฝุ่นอาจไม่ตอบโจทย์ค่ะ

Natural Power C Miracle Brightening Complex Advanced Brightening Serum หรือที่เราเคยใช้สมัยก่อน OP Vit C ฺBooster Serum เป็นการใช้ซีรั่มแบบสามัญประจำโต๊ะแป้งยาวนานหลายขวดแล้วค่ะ เริ่มตั้งแต่รู้จัก Skin Care เลยก็ได้ นับว่าเป็น product ของ oriental หลัก ๆ ที่ชอบและประทับใจมาก จนกระทั่งวันนี้ได้ลองมาใช้แบบที่เป็น Brightening Serum ซึ่งยังคงความประทับใจไว้ได้อย่างตราตรึงใจเช่นเดิม และยิ่งเห็นผลได้ชัด ให้การบำรุงในระดับที่หวังผลได้ค่ะ ในช่วงที่ผ่านมาทำงานเครียด พักผ่อนน้อย ทั้งทำงานทั้งเรียน ทั้งมลภาวะ ทำให้ผิวโทรมและหมองคล้ำ พอได้ Natural Power C Miracle Brightening Complex Advanced Brightening Serum  ทาก่อนนอนทุกๆวันมา 2 อาทิตย์ ผิวก็เริ่มกลับมาฟื้นฟูกระจ่างใส ผิวสดใส และประทับใจกับเนื้อสัมผัสใหม่ของ Vit C ขวดนี้ที่ซึมซาบได้ไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึมเข้าผิวง่าย ทาแล้วรู้สึกลื่นผิว ตอนนี้ผิวดีขึ้นมาก รูขุมขนกระชับมากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ ในฐานะที่เป็นสมาชิก OP อยู่แล้ว จะต้องมีไปซื้อสูตรใหม่นี้มาใช้ต่ออีกอย่างแน่นอนค่ะ

สำหรับ Biotherm life plankton essence ตัวนี้ ต้องบอกก่อนเลยว่า ถ้าเทียบกับยาสามัญประจำบ้านแล้ว essence ตัวนี้เปรียบเสมือนยาพาราที่ต้องมีประจำเลยทีเดียวค่ะ นับตั้งแต่วันเปิดตัวเมื่อ 5 ปีก่อน เราก็ไปซื้อหามาใช้และพิสูจน์ด้วยตัวเองเลยค่ะ ด้วยนิยามเด่น ๆ ของ essence นี้ที่ว่า เอสเซนต์เพื่อผิวอ่อนเยาว์ลง 3 ปี ภายใน 8 วัน* มอบผิวสวย 8 ประการ เพื่อผิวที่เปล่งปลั่ง สีผิวสม่ำเสมอ ริ้วรอยลดเลือนเรียบเนียน ชุ่มชื่น ยืดหยุ่น นุ่ม ปลอบประโลมผิว และแน่นอนว่าทั้งสาว ๆ จะวัยไหน หรือจะผู้ชายคนไหนที่ได้ลองใช้ด้วยตัวเอง จะสามารถสัมผัสถึงผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ทุกปัญหาทุกสภาพผิวเลยทีเดียวค่ะ เราเองก็เป็นหนึ่งในผู้หญิงตั้งแต่วัย 28 ปีที่ได้ใช้ essence นี้กับผิวหน้าตัวเอง และค่อย ๆ สัมผัสได้ถึงพลังจากธรรมชาติที่ plankton essence ได้มอบให้กับผิวค่ะ ปัญหาผิวที่ขาดน้ำ ขาดความชุ่มชื้น ขาดการบำรุงเอาใจใส่เท่าที่ควรจะเป็น ภายในระยะเวลา 8 วัน จบทุกปัญหาไปอย่างคลายข้อสงสัยค่ะ ถึงแม้ว่าแรกเริ่มจะมึน ๆ กับกลิ่นประจำตัวของ life plankton บ้าง เพียงระยะเวลาไม่นานก็กลายเป็นปรับตัวเคยชินแล้วค่ะ พอใกล้จะหมดก็ต้องมองหาโปรโมชั่นเพื่อซื้อมาสำรองเอาไว้ทันทีค่ะ รีวิวผลลัพธ์จากความทีี่เราเป็นผู้ได้ใช้งานอย่างจริงจังมานานมากนะคะ ด้านกลิ่น : แรก ๆ อาจจะไม่เคยชินว่าเป็นกลิ่นบูดของอะไรสักอย่าง แต่ไม่นานนักจะเร่ิมชินและจมูกก็ปรับกลิ่นให้คุ้นเคยได้ไม่ยากเย็นค่ะ เนือ้สัมผัส : เข้มข้นด้วยเนื้อ essence ขุ่น ๆ ข้น ๆ ในขวด แต่เข้าใจได้ว่านี่คือ life plankton ที่ออกแบบมาจากห้องทดลองให้เหมาะกับสภาพผิวทุกคนค่ะ เหนอะหนะหนืดกับผิวนิดหน่อย แต่พอได้สัมผัสลงบนผิวหน้า ค่อย ๆ ตบลงบนผิวก็ค่อย ๆ ซึมตัวเข้าผิวได้ไม่สบายมากค่ะ สัมผัสได้ถึงความฉ่ำ ๆ ดิวอี้บนผิวค่ะ ผลลัพธ์หลังการใช้ติดต่อกัน 8 วัน : เราเชื่อแน่นอนค่ะว่าหลาย ๆ คนได้ทดลองใช้ ก็คงจะประทับใจลและติดใจในผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ผิวค่ะ ทั้งความฉ่ำชุ่มชื้นอย่างต่อเนื่องของผิว ความกระจ่างใส พูดได้เลยว่าประทับใจผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้นค่ะ และเมื่อใช้ต่อเนื่องจาก 8 วันเป็นอาทิตย์ - 2 อาทิตย์จะรู้สึกได้ว่า มีการช่วยฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงกระชับ ลดเลือนริ้วรอยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ปกป้องผิวให้แข็งแรง เติมเต็มความชุ่มชื้น บำรุงเข้าสู่ผิวชั้นในเต็มประสิทธิภาพค่ะ นับว่าเรื่องการดูแลผิวบำรุงล้ำลึกไว้ใจ BIOTHERM Life Plankton™ Essence ได้เลยค่ะ เป็น essence ที่ให้คุณค่ากับผิวมากรอบด้านจริง ๆ ค่ะ เป็น essence ที่เราสามารถใช้ได้ทั้งช่วงเช้าและก่อนนอนค่ะ ทุกวันนี้คนรอบตัวจะทักว่าผิวสวยใสมาก เราก็ภูมิใจค่ะว่าเราได้เลือก ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่เหมาะสมกับผิวหน้าเพื่อการบำรุงระยะยาวอย่าง life plankton ของ biotherm ค่ะ

ร่วมแชร์ประสบการณ์หลังจากได้ทดลองใช้ NIVEA Extra Bright Make Up Clear Micellar Water นะคะ ซึ่งเป็น Cleansing Make up ล้างเครื่องสำอางบนผิวหน้าค่ะ นีเวียเขาออก NIVEA Micellar Water ที่มีให้เลือกด้วยกัน 3 สูตรคือ (1) NIVEA White Oil Control Make Up Clear Micellar Water (สีเขียว) สำหรับสาวผิวผสมถึงผิวมัน (2) NIVEA Acne Care Make Up Clear Micellar Water (สีม่วง) สำหรับสาวผิวมัน ผิวที่มีปัญหาสิว (3) NIVEA Extra Bright Make Up Clear Micellar Water (สีชมพู) สำหรับสาวผิวธรรมดา มีปัญหาผิวหมองคล้ำ ช่วยให้เราสามารถเลือกและปรับใช้ให้เหมาะตามสภาพของผิวหน้าและปัญหาของผิวค่ะ ซึ่งตอนนี้ต้องบอกกันตรง ๆ ว่าในกลุ่ม Cleansing นั้นมีกระแสของ Micellar Water ที่ออกมากระหน่ำอยู่ในกระแสหลายแบรนด์เลยค่ะ ตอนนี้ก็ติดลมบนไปแล้ว เพราะความดีงามของเจ้า Micella Water นี้มันมีจุดขายอยู่ตรงที่การทำความสะอาดได้หมดจดและอ่อนโยนต่อผิว ซึ่งหลังจากเช็ดทำความสะอาดแล้ว ผิวหน้ายังคงความชุ่มชื้นไว้บนผิว ไม่ทำลายเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติ การทำงานของ Micella นี้จะถูกปรับสูตรให้มีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดให้เช็ดเครื่องสำอางได้ดียิ่งขึ้น โดยเข้าไปเป็นตัวช่วยดักจับคราบเมคอัพ สิ่งสกปรกและความมัน ทำให้สามารถเช็ดเครื่องสำอางออกสะอาด ไม่ทิ้งคราบมันบนผิว พร้อมกับเติมออกซิเจนบนผิวด้วย ที่เรียกว่า ออกซิเจนฐูสเตอร์ จึงมีความสามารถการทำความสะอาดดีเยี่ยมไม่แพ้ Cleansing Oil เลยค่ะ แถมยังให้ความชุ่มชื้นบนผิวด้วย เหนือชั้นเลยค่ะ ไหน ๆ ก็พล่ามมาจนขนาดนี้แล้ว ต้องบอกก่อนว่าเราเป็นคนผิวผสมนะคะ ช่วงนี้อากาศเย็นสลับร้อนกัน ทำงานในห้องแอร์ ตอนนี้ผิวก็อาจจะมีงง ๆ เหมือนกันว่าจะหนาวหรือร้อนกันแน่ แต่เราต้องการให้ผิวเราเพิ่มความกระจ่างใสค่ะ ดังนั้น วันนี้เราก็เลือกที่จะมารีวิวสูตร... NIVEA Extra Bright Make Up Clear Micellar Water เพื่อพิสูจน์พลังการทำความสะอาดของ Make Up Clear Micellar Water ซึ่งสูตรนี้ เค้าบอกว่า เป็นสูตรสำหรับสาวผิวธรรมดาที่ต้องการความกระจ่างใส ให้สีผิวดูสม่ำเสมอเรียบเนียน มีส่วนผสมของสารสกัดจากเมล็ดองุ่น และวิตามินซีจาก Acerola Cherry ที่ช่วยให้ผิวคล้ำเสียดูกระจ่างใสขึ้นได้ จากที่เคยกินวิตามินยี่ห้อหนึ่งที่มีส่วนประกอบของ Acerola Cherry นี่ ช่วงนั้นคือผิวจะดีงามผ่องใสเป็นพิเศษเลยค่ะ พอมาอยู่ในรูป cleansing ตัว Acerola Cherry นี้เป็นสารที่อุดมด้วยวิตามินซี ช่วยลดผิวคล้ำหมองได้ เมื่อเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางให้ผิวดูกระจ่างเด้งใส สีผิวดูสม่ำเสมอ ชุ่มชื้นอ่อนเยาว์จนสัมผัสได้ วันนี้แต่งหน้าจัดอยู่ และหน้ามัน ทั้งคราบเหงื่อความมัน เครื่องสำอาง ชิงดีชิงเด่นไม่แพ้กันค่ะ เราจะทำความสะอาดครึ่งหน้าเพื่อเปรียบเทียบ 2 ฝั่งผิวนะคะ ว่าสะอาดกว่ากันขนาดไหนเทียบกับ ด้านที่ไม่ได้ล้างทำความสะอาด ในขั้นตอนแรกที่เป็นวิธีการทำความสะอาด เขาบอกว่า มี 3 ช ค่ะ จำง่าย ๆ ว่า ชุบ-แช่-เช็ด Step แรกคือ ชุบค่ะ เราก็สาดเลยค่ะ เอ๊ย!!! เท cleansing ลงบนสำลี เราก็เอาให้ชุ่มค่ะ เวลาทำความสะอาดผิว จะได้เต็มที่กันไปเลย เราใช้สำลีแต่ละแผ่นให้คุ้มค่ะ พลิกกลับด้านสำลีไปมา และทำทีละ step ตามวิธีการใช้ ไล่เช็ดจากตา ริมฝีปาก แก้ม คาง วนมาเช็ดตาซ้ำอีกครั้งค่ะ แล้วแผ่นสุดท้ายก็พลิกด้านเก็บรายละเอียด รวมทั้งเก็บที่ตาอีกครั้ง เพราะส่วนใหญ่ เครื่องสำอางกันน้ำมาสคาร่ากันน้ำ อยู่ที่ตาทั้งนั้นค่ะ เก็บรายละเอียดผิวอีกนิดนึง จากนั้นใช้ NIVEA Extra Bright Make Up Clear Micellar Water ของเรามาชุบสำลีแผ่นสุดท้าย เพื่อประลองดูว่า มันหมดจดไม๊กันค่ะ มาเทียบความกระจ่างใส ดูชุ่มชื้นแล้ว เห็นได้ชัดว่าด้านซ้ายที่เช็ดเครื่องสำอางเมคอัพ สิ่งสกปรกความมันออกไป ผิวดูชุ่มชื้น ดูหมดจด ดูฉ่ำค่ะ นี่คือผลลัพธ์จากออกซิเจนบูส ที่เติมเข้าผิวไป ผิวจึงดูชุ่มชื้นแบบนี้ แล้วแต่เทคนิคใครนะคะ ว่าใครอยากทำความสะอาดส่วนไหนก่อน การชุบแช่เช็ดเพียงครั้งเดียว จะยังไม่สามารถทำความสะอาดเครื่องสำอางกันน้ำได้หมด อย่างน้อยก็ต้องวนรอบที่ 2 ค่ะ ส่วนเครื่องสำอางและออยล์ ก็ทำความสะอาดเพียงรอบเดียวไม่ทิ้งคราบใด ๆ บนผิวค่ะ นอกจากนี้ การทดสอบลองใช้ช่วง 2 อาทิตย์นี้ ก็ไม่พบอาการแพ้ เพราะ0% แอลกอฮอล์นะคะ จึงไม่มีระคายเคืองใด ๆ เวลาใช้ เราใช้คู่กันกับ Make up Remover Eye and lip ค่ะ ส่วนตัวเราเห็นว่าการล้างเครื่องสำอางกันน้ำสำหรับตากับริมฝีปากยังเป็นสิ่งจำเป็นนะคะ ทำให้การล้างด้วย Micellar Water เร็วขึ้นมากด้วยค่ะ Nivea Extra Bright Make Up Clear Micellar Water สำหรับสูตรออกซิเจน บูสท์นี้เพิ่มการส่งผ่านออกซิเจนระหว่างเซลล์ผิว เหมือนเติมออกซิเจนทุกครั้งที่ใช้ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ดูอิ่มน้ำ ทำให้การใช้ทำความสะอาดผิวแต่ละครั้ง มันรู้สึกบริ๊งและผ่องใสค่ะ ผลโดยรวม ก็ถือว่าให้ผลลัพธ์การทำความสะอาดที่ดี ไม่มีกลิ่นฉุน เนื้อสัมผัสไม่ต่างจากน้ำเปล่า สบายผิวจริง ๆ เป็นไอเท็มของ Nivea Make up Clear Micellar Water ที่ทำออกมาได้ดี ตอบโจทย์สาว ๆ เทรน Beauty และรักผิวหลายคน มีความรู้สึกว่าผิวค่อนข้างผ่องใส ชุ่มชื้นขึ้น ถึงแม้ว่าบางทีล้างหน้าแล้วไปจัดข้าวของอะไร สักชั่วโมงก็ยังรู้สึกสะอาดดีอยู่ ตอนนี้ก็ใช้จนจะหมดขวดแล้วค่ะ ทั้งใช้เอง และ test ด้วย ราคาไม่แพง โปรโมชั่นมาหลายช่วงมาก หาซื้อได้ง่ายมาก ๆ ค่ะ ให้คะแนนเต็ม 10 ได้เลยค่ะ

ร่วมแชร์ประสบการณ์ที่ได้ลองใช้ POND’S Age Miracle Day Cream สูตรใหม่ที่ผลลัพธ์ดียิ่งกว่าเดิมค่ะ ส่วนตัวเราเป็นคนชอบลองครีมบำรุงใหม่ ๆ อยู่แล้ว อะไรๆที่ใครบอกว่าอันนี้ปรับสูตรใหม่ ถ้าบอกว่าเห็นผลลัพธ์ที่ดีกับผิวหน้ายิ่งกว่าเดิม จะทำให้อยากลองใช้ด้วยตัวเองอย่างด่วนเลยค่ะ และสำหรับ POND’S Age Miracle Day Cream สูตรใหม่นี้ เริ่มที่ในครั้งแรกเห็น Blogger คุณแป้ง Kirarista รีวิวไว้ว่าได้ลองใช้จริง เห็นผลลัพธ์ของการลดเลือนริ้วรอยได้มากกว่า 80 % น่าสนใจมากค่ะ พอได้มีโอกาสเข้าไปร้านสะดวกซื้อเห็นมีแบบเป็นซอง รีบคว้ามาทดลองเลยค่ะ เดิมปัญหาผิวของเราก็จะเป็นความหย่อนคล้อยไม่กระชับ มีริ้วรอยร่องแก้ม หน้าผาก หน้าหมองคล้ำดูโทรม ซึ่งเกิดจากความเครียด และวัยค่ะ เราจึงเดินหน้าที่จะพิสูจน์ว่า POND’S Age Miracle Day Cream สูตรใหม่นี้จะช่วยฟื้นฟูกู้สภาพผิวหน้าให้สดใส ดูอ่อนเยาว์ได้อีกครั้งหรือไม่ เริ่มจากเนื้อผลิตภัณฑ์เป็นเนื้อครีมสีชมพูข้นกลิ่นหอมอ่อน ๆ สำหรับผิวแห้งนี่ต้องชอบใจแน่นอนเลย ที่ซองมีรายละเอียดว่า Wringcle Corrector Day Cream SPF18PA++ และมีคำเคลมว่า โบท็อก เลเซอร์ เฟสลิฟท์ นั่นคือ ช่วยในการลดเลือนริ้วรอยพร้อมกับยกกระชับผิวหน้า ลดเลือนรอยด่างดำได้ รวมทั้งป้องกันแสงแดด ป้องกันรังสี UV ได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งยังไงก็ตามเราต้องทาครีมกันแดดอยู่แล้วนะคะ ในขั้นตอนการบำรุง เราเลือกให้ลงเป็นอันดับหลังจากลงโทนเนอร์ค่ะ พอลองลงที่ผิวก็รู้สึกหนึบนิดหน่อย แต่พอลงและเซ็ตอัพเกลี่ยดีๆแล้วก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกหนึบหนับหรือหน้ามันเลยค่ะ ผิวแบบพอดี ๆ เลย อยากเน้นตรงไหนให้ชุ่มชื้นก็ได้ หลังจากลงผิวเรียบร้อยทั่วใบหน้าก็ทากันแดดและแต่งหน้าตามปกติค่ะ แรก ๆ เดียร์ยังไม่ได้สัมผัสถึงความเนียนใสใด ๆ นะคะ หลังจากใช้ต่อเนื่องเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ก็เร่ิ่มสังเกตดูสภาพผิวที่เปล่งปลั่งขึ้น ผิวที่ล้าดูโทรมได้รับการบำรุงฟื้นฟู ผิวดูอิ่มเอิบ ความหมองโทรมลดลงค่ะ ผิวนุ่มในทุกวันค่ะ ริ้วรอยยังคงมีให้เห็นอยู่ค่ะ ติดตามกันต่อไป..... หลังจากใช้ต่อเนื่องเป็นเวลา 3 สัปดาห์ รู้สึกว่าริ้วรอยจาง ๆ บริเวณข้างแก้มกับมุมปากเลือนลงไปบ้างค่ะ ผิวดูเรียบเนียน เริ่มเห็นผิวกระจ่างใสใหม่อีกครั้ง จุดนี้รักผิวเลยค่ะ ผิวสุขภาพดี ปลื้มเลยค่ะ ที่สำคัญผิวไม่แพ้ ไม่ระคายเคือง ไม่อุดตันแม้จะเป็นครีมที่ข้นสักหน่อยค่ะ แต่ก็เข้มข้นด้วยสารบำรุงที่ให้คุณค่ากับผิว สำหรับสิ่งที่รักใน “POND’S Age Miracle Day Cream สูตรใหม่” นะคะ ▪ ช่วยคงความชุ่มชื้นได้ดีมาก ช่วยฟื้นฟูผิวแห้งกร้านได้อย่างชัดเจนเลยค่ะ ▪ ไม่ทำให้หน้ามันมากขึ้น หลังจากลงครีมจนเซ็ตตัวดีก็ทากันแดด และลงเครื่องสำอางได้เลยค่ะ ไม่ทำให้เป็นคราบให้รำคาญใจ ▪ ใช้มาประมาณ 2 อาทิตย์จะสัมผัสได้ว่าผิวหน้านุ่มมาก มีความนุ่มอิ่มฟูเด้ง ผิวเรียบเนียน ยิ่งในช่วงหลังยิ่งเผยออร่าค่ะ ▪ เร่ิ่มเห็นผลเรื่องความกระจ่างใสค่อนข้างชัดเจนเลยค่ะ (ตามรูป) มันกระจ่างใส และในสัปดาห์ที่ 3 รอยเหี่ยวย่นที่เคยมีเป็นเส้นบาง ๆ ก็เลือนลงไปค่ะ ราวกับว่าผิวได้ไปเลเซอร์มาค่ะ ▪ สำหรับความ lifting เรายังไม่สามารถสัมผัสได้ชัดเจนนะคะ อาจจะต้องใช้เวลาเป็นเดือนได้พิสูจน์ค่ะ แต่เท่านี้เราก็พอใจในประสิทธิภาพแล้วล่ะค่ะ สรุปตรงนี้แล้ว “POND’S Age Miracle Day Cream สูตรใหม่” ใช้แล้วประทับใจผลลัพธ์ค่ะ ใช้ลงทุกวันก็หมดซองพอดีๆ คงได้เวลาไปซื้อกระปุกไซส์จริง ๆ แล้ว เราเชื่อว่าหากใครที่กำลังมองหาครีมบำรุงครบสูตรที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้น ความขาวกระจ่างใส ลดความหมองคล้ำ คืนความอ่อนเยาว์ ลดเลือนริ้วรอยให้ผิวหน้า เพิ่มสุขภาพดีให้กับผิว เราว่าตัวนี้จะตอบโจทย์เพื่อน ๆ ได้เป็นอย่างดีค่ะ

▪ เราจะมารีวิว Beneficial Ultimate Coverage Foundation Powder ของ Oriental Princess ตลับที่ได้รับมาจาก Cosmenet ค่ะ ซึ่งเราได้เบอร์ 02 สีเบจค่ะ เหมาะกับผิวผสมขาวเหลืองแบบเราเลยค่ะ ซึ่งแบรนด์นี้เป็นแบรนด์ที่เราใช้มาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยเลยค่ะ สำหรับแป้งรองพื้นนี้ทางแบรนด์เคลมไว้ว่า เป็นแป้งผสมรองพื้นเนรมิตผิวเนียนเรียบไร้ที่ตินะคะ เราก็อยากจะลองมาพิสูจน์ให้รู้ถึงคุณภาพกันค่ะ ▪ ด้วยเราเป็นคนที่มีผิวผสมค่อนข้างมันทีโซนและข้างแก้มจะแห้งสักหน่อยค่ะ ผิวเราจะค่อนข้างมีริ้วรอยอยู่บ้าง ช่วงไหนที่พักผ่อนน้อย ผิวจะดูหมองคล้ำ โทรม ดูหย่อนคล้อย ผิวจะดูไม่เปล่งปลั่งเลยค่ะ รูขุมขนก็มีข้างแก้ม แถมมีรอยด่างดำอยู่ด้วย ดังนั้นด้วยพื้นฐานผิวแบบนี้ ต้องบำรุงผิวให้มีสมดุล และเวลาแต่งหน้าต้องค่อนข้างปกปิดในระดับที่ดูกริบ ให้ผิวดูสุขภาพดี ดูเป็นธรรมชาติ และด้วยนิสัยของเราเป็นคนที่แต่งหน้าครั้งเดียวในวันแล้วจะไม่ค่อยมาเก็บรายละเอียดในระหว่างวันเลย อะไรก็เกิดขึ้นได้ ดังนั้นเราจะซีเรียสมากกับการเลือกแป้งที่มีคุณสมบัติที่ไม่เกิดคราบไม่เกิดการแตกบนชั้นผิว ในระหว่างวันที่ต้องเจอทั้งสภาพอากาศร้อน หรือห้องแอร์ที่ผิวแห้ง ไม่ว่าจะเกิดเหงื่อหรือเจอกับฝุ่นละอองใด ๆ ผิวต้องยังดูสดใส ไม่เกิดเป็นคราบให้กังวลใจค่ะ เริ่มที่เนื้อแป้งของ Beneficial Ultimate Coverage Foundation Powder นะคะ ก็เป็นแป้งที่เนื้อนวล ดูบางเบาดีค่ะ ลองทาที่หลังมือก็ดูกลมกลืนเรียบเนียนละเอียดค่ะ จากนั้นลองใช้กับผิวหน้าจริงดูค่ะ หลังจากลงกันแดดเอย ไพรเมอร์เอยเรียบร้อย ถึงเวลาได้ลงแป้งรองพื้นของเราสักทีค่ะ ซึี่งในระหว่างที่ทาก็ใช้วิธีแท็บเอา เราว่าจะทำให้การลงงานผิวเนียนมากขึ้น สิ่งที่สังเกตคือ เมื่อทาเสร็จแล้ว สังเกตเนื้อแป้งค่อนข้างเบาให้ความรู้สึกคล้ายการลงแป้งฝุ่นค่ะ ผิวดูเนียนสนิทขึ้นมากจริงๆ ปกปิดรอยสิวได้เรียบเนียนละเอียด ผิวดูยกกระชับไม่หมองโทรมไม่ดูล้า ร่องรูขุมขนค่อนข้าง full coverage ดีค่ะ เนื้อแป้งโทนเบจสีที่ให้ลุคที่ดูเป็นธรรมชาติกับผิวที่สุด ผิวหน้าดูมีความเปล่งปลั่งกระจ่างใส ผิวดูชุ่มชื้นฉ่ำ ๆ ดูดิวอี้ให้ลุคแบบสาวญี่ปุ่นนิด ๆ เกาหลีหน่อย ๆ ค่ะ เป็นโมเม้นผิวที่ feel good เลยค่ะ ผิวดูสุขภาพดีปกปิดในระดับที่เป็นธรรมชาติค่ะ คนรักผิวนี่คงเข้าใจฟีลนี้เลยค่ะ พอเมคอัพด้วยบรัชออน อายแชโดว์แต่งแต้มสีสันผิวหน้า ทำให้ดูสดใสเข้ากันเลยค่ะ ▪ วันนั้น Activity ที่เราต้องไปคือ Outdoor ทำธุระทั้งวัน แล้วยังต้องพาครอบครัวไปกินอาหารปิ้งย่างอีกค่ะ เป็นบทพิสูจน์ใหญ่เลยว่าผิวหน้าหลังจากเมคอัพเรียบร้อยแล้ว ผิวจะยังสวยสดใสเหมือนเดิมรึเปล่า ระหว่างกินปิ้งย่างที่สุดจะร้อนและแสนจะมัน มีโอกาสที่แป้งจะลอกล่อนละลายออกมาและจะเกิดความมันได้ ก็ลองซับผิวหน้าดู กระดาษซับมันมีความมันนิดหน่อย ผิวยังดูฉ่ำดี ผิวเนียนเรียบ และไม่เกิดเป็นคราบเลยค่ะ ปกปิดได้ดีเยี่ยมไร้ที่ติยาวนานตลอดวันค่ะ พอกลับมาถึงบ้านก็ลองซับมันผิวดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง ก็มีมันนิดหน่อย แต่โดยรวมผิวก็ยังคงดูสว่าง แป้งยังสีกลมกลืนกับผิว ไม่มีเปลี่ยนสีใด ๆ ผิวหน้าไม่หมองคล้ำ ดูผิวเรียบเนียน ไม่มีคราบเหงื่อ คราบแป้งแตกหรือละลายมากับความร้อนหน้าเตาปิ้งย่างเลยค่ะ ตามที่แบรนด์เคลมเลยค่ะว่า คุมมันได้ยาวนาน 8 ชั่วโมงค่ะ ▪ นับว่าเป็นแป้งที่ตอบโจทย์ผิวสาว ๆ ที่รักกิจกรรม outdoor ชอบการออกกำลังกาย ไม่ว่าจะโยคะ จะวิ่ง หรือเล่นในยิมค่ะ เพราะต้องเจอทั้งแดด ความร้อน เหงื่อ ต่าง ๆ ที่สามารถทำให้เมคอััพหลุดลอกล่อนละลายออกมาได้ ซึ่งอาจทำให้เสียลุคสวย ๆ ไปได้ หรือแม้กระทั่งสาวสายกินชอบกินอาหารหน้าเตาปิ้งย่าง บุฟเฟต์ก็จะได้พิสูจน์กันว่าความร้อนหรือเหงือ่ไม่ละลายแป้งให้เป็นคราบออกมาให้เสียความมั่นใจค่ะ เป็นแป้งที่ปกปิดได้ดีเยี่ยมอย่างยาวนานตลอดวันค่ะ นับว่า oriental princess ออกแป้งรองพื้นนี้ได้ถูกใจสาว ๆ ในราคาชิล ๆ กระเป๋าจริง ๆ ค่ะ ▪ สาว ๆ ที่ได้อ่านรีวิวของเราแล้วอยากลองดูบ้างก็ลองไปทดลองเทสเนื้อแป้งกันได้ที่ Oriental Princess ทุกสาขา มีให้เลือกถึง 6 เฉดสีนะคะ

สวัสดีค่ะ สำหรับวันนี้เดียร์จะมาร่วมรีวิวแชร์ความรู้สึกหลังใช้ SNAILWHITE Body Booster SPF30 นะคะ ใช้ประจำทุกเช้าเลยค่ะประมาณ 1 เดือนแล้วนะคะ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าผิวเดียร์จะเป็นผิวแห้งแทบไม่มีขนขึ้นเลยค่ะ ต่างกับผิวหน้าที่จะเป็นผิวผสม สำหรับผิวกายที่แห้งนี้ เดียร์ก็หมั่นบำรุงเพื่อไม่ให้แห้งแตก เพราะผิวแบบเดียร์ถ้าบำรุงบกพร่องไปหน่อยเดียว มันจะลอกเหมือนสมัยเด็กเลยค่ะ พอโตเป็นสาวก็เริ่มบำรุงผิวกายก่อนผิวหน้าอีกค่ะ ก็ยังแห้งอยู่เหมือนเดิม ยิ่งต้องทำงานในออฟฟิศและบางครั้งต้อง outdoor เจอแดดแรงบ้างก็ต้องมีวินัยดูแลผิวกายมาก ๆ เลยค่ะ ถือว่าโชคดีที่ผิวคนจีนมันจะดูผ่องใสค่ะ แต่ผิวแห้งก็ยังคงแห้งอยู่ เรารู้ตัวเราดีค่ะ หลังจากที่ได้ครอบครอง SNAILWHITE Body Booster SPF30 แล้วเริ่มพิสูจน์ในด้านต่าง ๆ ของ Body Cream Booster นี้ค่ะว่าเป็นอย่างไรบ้าง ▪ เนื้อสัมผัส สำหรับเดียร์ที่เคยมีประสบการณ์ครีมบำรุงผิวมาหลากหลาย ก็ต้องบอกว่าครีมของ SNAILWHITE Body Booster นี้ค่อนข้างเข้มข้นและเนื้อแน่น เนียนขาวข้น ตามสไตล์ Snail White ที่อัดคุณค่าเมือกหอยทากที่เต็มไปด้วยสารบำรุงความชุ่มชื้นผิว จึงค่อนข้างข้นเลยค่ะ ตอนแรกคาดว่าคงจะหนึบหนับ แต่ก็ไม่ได้เป็นแบบที่คิดเลยค่ะ เดียร์เพียงแค่นวดวน 2-3 ทีเกลี่ยเนื้อครีมเข้าผิวพอชิล ๆ เนื้อครีมก็เข้าสู่ผิวได้ไม่ยากเลยค่ะ ไม่ได้รู้สึกเหนอะหนะหนึบหนับใด ๆ ค่ะ ซึมเข้าผิวสบาย ๆ ค่ะ และไม่มีระคายเคืองผิวใด ๆ เนื้อครีมอ่อนโยนต่อผิวดีค่ะ ▪ กลิ่น เป็นกลิ่นสะอาด ๆ ค่ะ เป็นกลิ่น Original ตามสไตล์ Snail White เมือกหอยทากเลยค่ะ ไม่แสบ ไม่ฉุน ไม่หอมหลงใหลพิเศษอะไรค่ะ ไม่แน่ใจว่าในอนาคตทาง Namu จะมีการปรับปรุงสูตรเรื่องกลิ่นรึเปล่านะคะ หรืออาจจะไม่นิยมใส่น้ำหอมเพราะกลัวเรื่องการแพ้นะคะ ส่วนตัวเราเป็นคนชอบกลิ่นผลไม้ค่ะ สำหรับ Snail White เราเฉย ๆ กับกลิ่นค่ะ ▪ ประสิทธิภาพ จากการพิสูจน์ในช่วงวันแรก ๆ ก็กังวลว่าผิวเราจะเป็นยังไง จะสะท้อนแดดไปเลยไหม จะดูวอกลอยรึเปล่า ซึ่งจริง ๆ ก็ไม่เลยค่ะ ผิวดูฉ่ำดูผิวดีผ่อง ๆ ค่ะ เวลาแดดสะท้อนมาผิวดูดิวอี้ละมุน ๆ ด้วยค่ะ ยิ่งผสม SPF30 ให้ความมั่นใจในการเผชิญกับแสงแดดแรงแค่ไหนก็ไม่มีหวั่นค่ะ พอลองใช้ไปเข้าในสัปดาห์ที่ 3 ก็เร่ิ่มสังเกตว่าผิวเราปรับสภาพดูมีความชุ่มชื้นมากขึ้นค่ะ ผิวดูมีออร่าเป็นธรรมชาติค่ะ ผิวกายดูละเอียดขึ้น แต่ก่อนผิวเดียร์ไม่ละเอียดเรียบเนียนขนาดนี้ค่ะ ซึ่งเริ่มสังเกตว่างานผิวละเอียดมากเลยค่ะ นอกจากความฉ่ำและขาวเนียนแล้วผิวก็ทั้งนุ่มและกระชับหยุ่น ๆ ด้วยค่ะ (〃⌒∇⌒) และในช่วงสัปดาห์ที่ 4 ก็มีทริปไปเที่ยวภูเก็ตค่ะ ที่นี่ถือว่าแดดแรงมากค่ะ แถมร้อนด้วย สังเกตในสัปดาห์นี้ว่า ผิวเดียร์เวลาเจอแสงแดดก็ดูไบร์ทบริ๊งค์ขึ้นมากกว่าเดิม เสมือนว่าผิวฟื้นฟูมาเรื่อย ๆ ในช่วงที่ได้ใช้ SNAILWHITE Body Booster SPF30 ที่ผ่านมา ผิวจึงเปล่งปลั่งกระจ่างใส ยิ่งได้ใส่เสื้อสีขาว สีฟ้านี่ ยิ่งช่วยให้งานผิว Boost up ขึ้นไปอีกค่ะ พลังความกระจ่างใส ออร่าพุ่ง damage สุด ๆ ค่ะ ขนาดฝรั่งเห็นเรายังชมผิวเราเลย เพราะผิวเราใสมากค่ะ ที่สำคัญคือเราทำสปาสครับผิวมาด้วยเพื่อให้สครับกำจัดเซลล์ผิวที่ตากหลุดลอกร่อนออกไป ทำให้รู้สึกว่าผิวละเอียดละออเนียนเรียบ ผิวที่เคยเป็นกระบาง ๆ ถูกกลืนไปเป็นผิวฉ่ำใสสวยที่สุขภาพดีน่าสัมผัส แม้ว่าในทริปภูเก็ตผิวเราจะเจอแดดแรงมากแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถทำให้ผิวดำได้เลยค่ะ แม้แต่ความหมองคล้ำสักนิดก็ไม่มีค่ะ แดดทำอะไรผิวสวยใสของเราไม่ได้เลยค่ะ เพราะผิวเรามี SNAILWHITE Body Booster SPF30 ปกป้องอยู่เต็มประสิทธิภาพเลยค่ะ ▪ ความรู้สึกหลังใช้ใน 1 เดือนที่ผ่านมาเราพูดได้ชัดเจนว่า ประทับใจ SNAILWHITE Body Booster SPF30 ค่ะ ยิ่งพอมาอ่านข้างขวดว่าทำไมผิวถึงทั้งขาวออร่ากระจ่างใส และทั้งนุ่มทั้งหยุ่นและผิวก็ละเอียดได้มาก ก็พบว่าใน SNAILWHITE Body Booster SPF30 มีส่วนผสมของแอสตาแซนทีนที่มีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว และมีเซรามายด์ ซึ่งเท่าที่ทราบคือ เซรามายด์จะเป็นกลุ่ม Vitamin B3 ที่เป็นเสมือนเกราะปราการช่วยให้ผิวเปล่งปลั่งดูใสและสุขภาพดีค่ะ ความหมองคล้ำลดเลือน จึงทำให้ผิวขาวมีออร่านี่เองค่ะ SNAILWHITE Body Booster SPF30 ก็ขึ้นเป็น body cream ใน list ปีนี้ของเราไปแล้วค่ะ ว่าเป็นของที่คู่ควรเป็นของขวัญให้กับผิว เป็นของที่ต้องมีค่ะ

ร่วมแชร์ประสบการณ์การทำความสะอาดผิวด้วย Caring Micellar Water สูตร Dry Skin ค่ะ ▪ เราจะทำความสะอาดรอบดวงตา คิ้ว และริมฝีปากก่อน โดยใช้ Caring Micellar Water เพราะสำหรับดวงตาและริมฝีปากเป็นส่วนที่มีเมคอัพชนิด waterproof ล้างออกยากที่สุดก่อน ต้องการความอ่อนโยนมาก เราจะชุบสำลีให้ชุ่มแล้วค่อย ๆ เช็ดเมคอัพออกจากดวงตาและริมฝีปากอย่างเบามือ เพื่อถนอมให้ผิวไม่ช้ำค่ะ ▪ จากนั้นจึงต่อด้วยการทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยน โดยใช้ Caring Micellar Water ชุบสำลีให้ฉ่ำเพื่อลบล้างคราบเครื่องสำอาง เมคอัพกันน้ำ สิ่งสกปรก ฝุ่นและมลภาวะ บนใบหน้าออก โดยชุบสำลีและเช็ดเครื่องสำอางออกจากด้านบนหน้าผาก ลงมาจมูก ข้างแก้ม คางค่ะ เปลี่ยนสำลีเช็ดจนสำลีขาวสะอาดค่ะ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไมเซลล่าวอเตอร์นี้ยังมีคุณสมบัติพิเศษในการรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวหน้าด้วย หลังล้างหน้าจะเห็นว่าผิวสะอาดหมดจด ไม่แห้งตึง ดูนุ่มเด้งค่ะ ▪ จากนั้นล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า ซับหน้าด้วยทิชชู่ที่สำหรับเช็ดผิวหน้าเฉพาะให้แห้งสะอาด ไม่ยากเลยค่ะ เท่านี้เราก็สามารถมีผิวหน้าที่สะอาดสวยใส หมดกังวล ผิวหน้าห่างไกลสิวอุดตัน สิวอักเสบ ผิวนุ่มเด้ง หน้าสดใสแล้วค่ะ ▪ Caring Micellar Water สูตร Dry Skin นี้นอกจากทำความสะอาดผิวได้ดี สะอาดล้ำลึก ลบคราบเมคอัพฝุ่นมลภาวะออกได้อย่างหมดจด ให้ผิวกระจ่างใส ยังบำรุงให้ผิวชุ่มชื้นด้วยน้ำมันอัลมอนด์นั่นเอง ไม่เกิดอาการแพ้ ให้ความอ่อนโยนกับผิว ผิวที่แพ้ง่ายสามารถใช้ได้ค่ะ เป็นอีก item ที่เหมาะกับสาว ๆ ที่รักผิว และน่าใช้มากอีก item เลยค่ะ

สำหรับในครั้งนี้ item ที่เรานำมารีวิวนั่นก็คือ KA HydroDerma White Essence ซึ่งเป็น item ที่บล็อกเกอร์ที่เราติดตามอยู่นั่นคือ Mayrr มาเป็นพรีเซ็นเตอร์นั่นเองค่ะ พรีเซ็นเตอร์น่ารัก มุกแพรวพราวค่ะ Blogger สายฮาแบบ Mayrr ก็มีมุมน่ารักน่าหยิกค่ะ ▪ เริ่มกันที่แพ็คเกจจิ้ง สีชมพูอ่อนขวดจิ๋ว 25 ml ไซส์เหมาะมือ พกพาสะดวก แน่นอนว่าเป็นแบบเทไม่ว่าจะขนาดใหญ่หรือเล็กค่ะ ดีไซน์ขวดเรียบง่าย แต่สีพาสเทลหวานค่ะ ▪ ส่วนตัวเราค่อนข้างใช้ skin care เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามเทรนด์ Beauty อะไร In Out ลองสรรหามาใช้ดู ชอบพิสูจน์ความโดดเด่นของแต่ละสิ่งแต่ละอย่าง ส่วน KA HydroDerma White Essence เห็น Mayrr พรีเซนต์ไว้ใน Youtube ส่วนตัวของน้องที่ติดตาม เราก็หาลองใช้ตามดูบ้างว่า KA นี้คงมีของดีให้ Blogger หลา่ยท่านที่เราติดตามรีวิวแน่นอน และที่เคลมไว้ว่ามี OXY-G SKIN BOOSTER เติม เก็บ ล็อค ความชุ่มชื่นให้ผิวนี่เราจะสัมผัสได้แค่ไหน และมีการผสานคุณค่าการบำรุงด้วย Natural Spring Sea Water น้ำแร่จากใต้ทะเลลึกฝรั่งเศส อุดมด้วยแร่ธาตุถึง 9 ชนิด และออกซิเจน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นบำรุงผิว พร้อมส่วนผสมของ WHITENING ACTIVE ถึง 3 เท่า 2 ช่วยปรับสภาพผิวที่คล้ำเสีย เคลมไว้เยอะขนาดนี้ คุณค่าสารสกัดที่มีพลังมากขนาดนี้ เพิ่มความอยากครอบครองมาลองใช้อีกเป็นเท่าตัวค่ะ ▪ ในครั้งแรก ๆ ที่เราจะพิสูจน์จะวัดค่าความชุ่มชื้นของผิวด้วยเครื่องเช็คสภาพผิว ผลลัพธ์ที่ได้คือ ผิวค่อนข้างแห้ง ไม่ชุ่มชื้น ติดลบทุกค่าเลยค่ะ ไม่โอเคมาก ๆ ผิวงี๊แห้งหนักมากค่ะ วิธีเดียวสำหรับสาวผิวผสมแบบเรานั่นคือ การอัดการบำรุงอย่าได้ขาดค่ะ ซึ่งถ้าใครที่อายุเกิน 30 ไปแล้ว คงจะรู้เลยว่าความชุ่มชื้นเป็นความคาดหวังเบื้องต้นที่เราต้องการจากการบำรุงผิวค่ะ เมื่อเราได้วัดความชุ่มชื้นแรกเก็บข้อมูลไว้ ผลลัพธ์ที่ออกมาเก็บไว้ เพื่อพิสูจน์ว่าหลังจากนี้ไป 2 อาทิตย์ผิวจะมีผลลัพธ์อย่างไรบ้าง ต้องมาพิสูจน์ประสิทธิภาพกันค่ะ ตามรีวิวกันไปเลยค่ะ ▪ มาเริ่มกันที่ texture เป็นน้ำเหลวใส ๆ แต่ให้ความรู้สึกว่าเต็มไปด้วยสารสกัดที่มีคุณค่าอัดแน่น ถึงแม้จะใสก็เหมือนมีอะไร ๆ อยู่ค่ะ มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ด้วยความใสและดูบางเบา เหมาะที่จะเป็น first serum ค่ะ ซึมเข้าผิวได้ง่าย ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะ ไม่ทิ้งความมัน เนื้อสัมผัสให้ความสบาย รู้สึกดีต่อผิวค่ะ ให้ฟีลลิ่งที่เป็น first serum เตรียมความพร้อมสำหรับการบำรุงค่ะ ▪ หลังจากการบำรุงไปสักพักก็จะเริ่มรู้สึกได้ว่าผิวฉ่ำ ๆ ค่ะ Skin care ไม่ใช่ยาวิเศษ ก็ต้องมีระยะเวลาพืสูจน์ใช่ไหมคะ เราใช้ทั้งเช้าทั้งเย็นเลยค่ะ อยากรู้ผลลัพธ์เร็ว ๆ ผ่านไป 3 วัน สังเกตช่วงเช้าของอีกวันหนึ่ง ผิวนุ่ม ดูฉ่ำ ผิวดูอิ่มเอิบ เสมือนว่าได้รับการเติมน้ำค่ะ ▪ ผิวหลังใช้ 1 อาทิตย์ รู้สึกได้ชัดเจนว่ามีความชุ่มชื้นและความเนียนของผิวหน้าเต็มที่ ผิวดูสุขภาพดีขึ้นจริง ๆ เริ่มเอะใจแล้วว่าผิวกระจ่างใสเล็กน้อย ...คิดไปเองรึเปล่า ▪ ผิวหลังใช้ 2 อาทิตย์ ผิวเนียนละเอียดขึ้นค่ะ ความหมองคล้ำหายไปมากทีเดียว ความมันบนผิวลดลง เราจะวัดความชุ่มชื้นวันนี้ค่ะ ดูสิว่าผลลัพธ์ได้อย่างไรบ้าง Moisture (ความชุ่มชื้นในผิว) : 55 Oil (น้ำมันในผิว) : 25 Rough (ความเรียบเนียนของผิว) : 55 เป็นผลลัพธ์ที่โดดเด่นค่ะ ว่าผิวได้รับการฟื้นฟูบำรุงด้วย Natural Spring Sea Water และนวัตกรรม OXY-G SKIN BOOSTER ช่วยคืนสมดุลให้กับผิวหน้า ผิวจึงนุ่มนิ่มเด้งและดูอิ่มดูฟูขึ้นมาก ยอมใจในผลลัพธ์ที่เป็นที่สุดแห่งความปรารถนาของสาว ๆ ค่ะ ณ จุดนี้บอกได้เลยว่า ชั้นรักเค้า ค่ะ เป็น first serum ที่ราคาไม่แพงเลยค่ะ ใช้ได้ทุกวันเช้า ก่อนนอนค่ะ ▪ ข้อคิดเห็นนะคะ เราคิดว่าฝาปิดไม่ค่อยเซฟค่ะ ตอนเทมันหกง่ายมาก เยิ้มออกมาง่าย เสียดายที่หกไปค่ะ ถ้าปรับปรุงได้คงดีมากค่ะ ▪ ท้ายนี้ ถ้าใครได้อ่านรีวิวของเราแล้วสนใจได้ลองใช้ดู มาบอกเล่าความประทับใจแชร์กันนะคะ

สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์หลังใช้ Biore UV Perfect Face Milk กันค่ะ ▪ ที่ผ่านมาก็เคยใช้กันแดดมาหลายอย่าง เจ็บมาเยอะกับกันแดดที่พอเจอแดดแล้วละลายไปกับเหงื่อ ความร้อน ทำให้หน้ามัน หน้าขาวลอย หน้าหลอมจนพาเอาเมคอัพที่แต่งมาละลาย พอมาดูรูปถ่าย รับไม่ได้ อย่างพัง หน้ามัน มันเละ แถมด้วยผิวก็ยังหมองคล้ำ ไม่กล้าเอาออกสื่อด้วย ไปเที่ยวทั้งที ไม่มีรูปหน้าสวยเลย เจ็บปวดค่ะ ใครที่เคยมีโมเม้นนี้คงเข้าใจได้ว่า กันแดดนี้สำคัญกับผิวมาก ถ้าใครที่รักผิวมาก แม้จะบำรุงผิวขนาดไหนก็ตาม จะไม่ละเลยการทาครีมกันแดด โดยเฉพาะเวลาต้องออกจากบ้านเลยค่ะ ▪ สำหรับหน้าร้อนนี้ กันแดดออกใหม่เยอะมาก ปรับสูตรกันไปตามสไตล์เพื่อตอบโจทย์คนรักผิวค่ะ และ item หนึ่งที่เราสนใจมากด้วย Blogger รีวิว และสื่อ Social หน้าเพจ Biore นั่นคือ Biore UV Perfect Face Milk SPF50+ PA+++ ที่ปรับสูตรมาเพื่อพร้อมรับมือกับสภาพอากาศร้อนของเมืองไทยค่ะ --- แม้ว่าที่ผ่านมาจะติดตามใช้ Biore Aqua rich เป็นแฟนคลับมาหลายขวด รวมทั้งมีการบอกต่อเพื่อน ๆ ด้วย ก็อดไม่ได้ พอเห็นเหล่า Blogger รีวิวกันแดด Biore UV Perfect Face Milk สูตรใหม่แล้ว ก็ต้องหามาพิสูจน์ประสิทธิภาพกันบ้างค่ะ ▪ ส่วนตัวเราใช้กันแดดซับมัน Biore UV Perfect Face Milk SPF50+ PA+++ สูตรใหม่มาแล้วเป็นเวลาเดือนกว่าค่ะ จากการสัมผัส texture ของกันแดด เป็นกันแดดสูตรน้ำนมที่เรียกว่า Face Milk Essence ค่ะ ซึ่งเป็นเนื้อสีขาว เหมือนน้ำนม ดูบางเบา ซึมซาบผิวได้ง่าย เกลี่ยง่าย เบาสบายผิว ไม่รู้สึกหนักผิวหน้าค่ะ เพียงแค่เขย่าขวดได้ยินเสียง กุ๊กกั๊ก ๆ ก่อนเพื่อผสมเข้ากัน แล้วบีบลงบนมือมาแล้วเกลี่ยลงผิว เกลี่ยง่ายและซึมเข้าผิวในเวลาไม่นาน ไม่เหนอะหนะ ไม่มีความมันตกค้างบนผิว สังเกตว่าผิวดูนุ่มฉ่ำ ๆ รู้สึกว่าผิวสดใสเรียบเนียนดูไบร์ท ๆ เพราะกันแดดนี้มีความเป็นเมคอัพเบสในตัว ประทับใจแรกก็เกิดตรงนี้ เพราะรู้สึกว่ากันแดดและเมคอัพเบสในตัวมันให้ฟีลทีดี ซึ่งในแต่ละวันเราจะเจอทั้งแสงแดดความร้อน มลภาวะ ผิวหน้าก็ยังเป๊ะ เมคอัพติดแน่น แต่นั่นคือ เรายังไม่ค่อยได้เจอสภาพแสงแดดแรงนาน ๆ ต่อเนื่องค่ะ ▪ จนเมื่อสิ้นเดือนที่แล้ว ได้เวลาพิสูจน์ประสิทธิภาพการกันแดดของ Biore UV Perfect Face Milk SPF50+ PA+++ แบบจัดเต็ม เราได้มีโอกาสพกพากันแดด Biore สูตรใหม่ขวดขาวเล็ก ไปเที่ยวทะเลค่ะ ลงเรือยอร์ช พักผ่อนที่ศรีพันวาค่ะ วางแผนว่าครั้งนี้คงเจอแดดเจอไอร้อนเต็ม ๆ เกือบทั้งวัน แต่เรามั่นใจว่าครั้งนี้ต้องได้ภาพวิวสวย ๆ พร้อมหน้าสวย ๆ กลับมาค่ะ เราทากันแดดตั้งแต่เช้ามืดก่อนออกจากบ้าน เตรียมความสำหรับการเดินทาง outdoor ทุกรูปแบบค่ะ มั่นใจว่ากันแดดจะปกป้องผิวให้สวยสดใส พร้อมให้ผิวฉ่ำด้วยค่ะ ไม่มีคล้ำหมองให้กังวลใจแน่นอนค่ะ เจ้ากันแดดขวดเล็กแต่สตรองในความกันแดดมากค่ะ เพราะช่วยปกป้องผิวจากความร้อนแสงแดด รังสี UVA1, UVA2 และ UVB ด้วย SPF50+PA+++ แม้ว่าจะเจอแดดส่องจากหน้าต่างบนเครื่อง แล้วยังเจอไอทะเลร้อน ๆ แผดเผา เจอฝนเป็นระยะ แต่หน้าไม่เยิ้มไม่มัน กันแดดไม่ละลาย เมคอัพไม่มีหลุดไม่มีหลอม ยังสวยทน ไม่คล้ำเสียเลยค่ะ ผิวก็ยังคงสดใสไบร์ทแอนด์บริ๊งค์ ทำให้เรามั่นใจทุกท่วงท่า ทุก activity ค่ะ เมคอัพยังติดทนผิวค่ะ ทั้งที่เมคอัพตั้งแต่ตี 4 ก่อนออกจากบ้าน กระทั่งขึ้นเครื่อง ต่อรถยนต์ ลงเรือยอร์ช จนเล่นสระน้ำกลางแจ้งที่ห้องพัก ทากันแดดมาตั้งแต่เช้ามืด ผ่านไปเป็น 10 ชั่วโมง มีเหงื่อออกที่หน้าจากความร้อนของสภาพอากาศเป็นธรรมดา มีความมันเกิดขึ้นเล็กน้อยที่ดั้งจมูกและหน้าผากนิดหน่อย แต่ภาพรวมคือหน้ายังเป๊ะ ดูสดใส หน้ายังปังยังเด้งค่ะ กันแดดและเมคอัพไม่ละลายออกมากับเหงื่อเลยค่ะ หมดกังวลหน้าวอกเมคอัพเป็นคราบไปได้เลย ตรงนี้เพราะประสิทธิภาพกันแดดที่มี Sebum Absorbing Technology ช่วยดูดซับความมันระหว่างวัน ให้เมคอัพดูสวยติดทนตลอดวันนั่นเองค่ะ ทำให้ทริปนี้เราได้เก็บรูปมากมายกลับมาเป็นความประทับใจ รวมทั้งอัพขึ้น Social เป็นระยะ ๆ แบบไม่ต้องซับมันให้เสียเวลา พอเข้าที่พักก็ยังลงเล่นน้ำต่อสบาย ๆ ค่ะ กันแดดคุมมันได้ยาวนาน และก็ยังทำหน้าที่ได้เต็มประสิทธิภาพค่ะ หลังจากอาบน้ำล้างหน้า ล้างกันแดด ล้างเครื่องสำอางเรียบร้อย ก็มาสังเกตดูผิวหน้า สำรวจเห็นได้ว่าผิวยังขาว ดูสดใส ไม่มีหมองคล้ำ ผิวไม่มีเบิร์นเลยค่ะ ก็บำรุงๆผิวตามปกติ และมาส์กผิวเติมความชุ่มชื้นได้เลยค่ะ ▪ หลังจากจบทริปมาเป็นอาทิตย์ สังเกตดูผลลัพธ์ที่พิสูจน์มา พบว่า ผิวไม่หมองคล้ำ ไม่มีแดง ไม่ดำ หรือผิวลอก หน้า คอ ยังเป็นสีเดียวกันอยู่ค่ะ เพราะ Biore UV Perfect Face Milk SPF50+ PA+++ สูตรใหม่นี้ให้การปกป้องผิวจากรังสีต่าง ๆ จากแสงแดด ต้นเหตุของ จุดด่างดำ ฝ้า กระ ริ้วรอยก่อนวัย รวมทั้งมะเร็งผิวหนังค่ะ จุดนี้นับว่า Biore UV Perfect Face Milk SPF50+ PA+++ ทำหน้าที่พิทักษ์ผิวได้ดีมากค่ะ ปลื้มค่ะ ▪ พูดได้ว่าเราถูกใจให้ดาว 5 ดวงกับกันแดด Biore UV Perfect Face Milk SPF50+ PA+++ สูตรใหม่ค่ะ ด้วยสารพัดบทพิสูจน์ เป็นทั้งกันแดดคุณสมบัติ Oil Control คุมมันยาวนาน ปกป้องผิวจากรังสี UVA, UVB, UVA1, UVA2 จากแสงแดด เป็นทั้งเมคอัพเบสให้ผิวหน้าสวยดูฉ่ำค่ะ นับว่าเป็นกันแดดประสิทธิภาพเยี่ยม 1 เดียวอัดเต็มในขวดที่เป็น item ที่คู่ควรบนโต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งเราก็ได้แนะนำเพื่อน ๆ น้อง ๆ ที่ทำงานให้ลองไปใช้ดู เพราะก่อนหน้านั้นแนะนำให้ทุกคนลองใช้ Biore Aqua rich สีฟ้า ทุกคนก็ชอบ สำหรับสูตรนี้เราเชื่อว่าเพื่อน ๆ ทุกคนจะชอบและประทับใจแบบที่เราประทับใจค่ะ ▪ หาซื้อได้ง่ายตามดรักสโตร์ บู๊ท วัตสัน ซูรูฮะ ห้างร้านทุกแห่งหนค่ะ มีโปรโมชั่นจัดบ่อยด้วยนะ แต่ชอบที่สุด 1 แถม 1 รออยู่นะคะ

สีชัดเจน สวยแมทท์มากค่ะ ปกติไม่ได้เคยใช้ลิปแมทท์ค่ะ พอได้มาลองลิปแมทท์ของลังโคม สีลิปสวยหลากหลายเลือกใช้ได้หลายสถานการณ์ค่ะ รับรองติดทนค่ะ

รีวิว L’Oreal Youth Code Ferment Pre-Essence ค่ะ ▪ ทดลองจาก Sample ที่เคาน์เตอร์ให้มาค่ะ ▪ เนื้อผลิตภัณฑ์ เป็นสีใส เหลว บางเบาค่ะ เหมือนเป็นออยล์ แต่เนื้อสามารถเกลี่ยและซึมซาบเข้าผิวได้ง่ายค่ะ ▪ เมื่อได้ลงเป็น Pre-Essence ให้ผิวแล้ว ตามคำเคลมคือ จะช่วยให้การลงผิวในลำดับถัดไปมีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ ซึ่งหลังจากที่เราลง L’Oreal Youth Code Ferment Pre-Essence แล้ว เนื้อ Pre-Essence สามารถซึมเข้าผิว จากนั้นการลง product อืืน ๆ เรารู้สึกได้ว่าผิวได้รับการเตรียมพร้อมสู่การบำรุงอย่างเต็มที่เสมือนการเปิดสวิตซ์ให้ผิวค่ะ ▪ ประสิทธิภาพ จาก 3-4 วันแรกที่ได้ใช้ เห็นได้ชัดว่าผิวนุ่ม ดูสดใส ดูอิ่มเอิบ ดูผิวเรียบเนียนขึ้นจริง ๆ ค่ะ เพราะได้เปิดประตูให้ผิวรับการบำรุงได้ดี สิ่งที่เราหวังผลอย่างมากที่สุดคือ เรื่องของรูขุมขนและริ้วรอยค่ะ ซึ่งอาจจะต้องรอผลลัพธ์อยู่อีกสักพักค่ะ เพราะเป็นเรื่องที่ใช้เวลาค่ะ ▪ ความรู้สึกและผลลัพธ์หลังใช้ รู้สึกประทับใจในนวัตกรรมที่ปรับสูตรใหม่ของ L’Oreal ค่ะ เพราะถือว่าเป็น Pre-Essence ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่มาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการเพื่อแก้ปัญหาผิวของสาว ๆ ค่ะ

▪ สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาร่วมกิจกรรมรีวิว Biore Cleansing Milk สูตรใหม่ซึ่งเป็นโลชั่นน้ำนมทำความสะอาดเครื่องสำอางที่บิโอเรพัฒนาสูตรขึ้นมาใหม่อีกครั้งค่ะ แบรนด์นี้เรายอมรับจริง ๆ เรื่อง Cleansing หลายสูตรและอีกเสิ่งนึงคือ ครีมกันแดด ค่ะ เป็นสาวกที่ follow กันมาอย่างยาวนานก็เชื่อว่าเคยได้ใช้กันอย่างแน่นอนค่ะ ▪ สำหรับรีวิวนี้นะคะ เราจะรีวิว Cleansing Milk สูตรใหม่นี้บิโอเรเคลมว่าให้ประสิทธิภาพในการทำความสะอาดได้ดีมากขึ้นกว่าเดิมค่ะ ▪ สาว ๆ สาย Beauty คงรู้กันดีอยู่แล้วว่าการล้างทำความสะอาดเครื่องสำอางเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญมาก ๆ ที่เราจะต้องใส่ใจให้การทำความสะอาดผิวหมดจด ผิวที่สะอาดจะเตรียมพร้อมรับการบำรุงได้ดีกว่า เรียกได้ว่าเป็นการ start up การบำรุงผิวหน้าเลยทีเดียวค่ะ ▪ ทางบิโอเรบอกว่า Cleasing Milk สูตรใหม่นี้จะช่วยให้การล้างหน้าง่ายขึ้นมาก เนื่องจากสามารถล้างออกด้วยน้ำได้ทันที โดยไม่ต้องใช้สำลีเช็ด ช่วยลดการเสียดสีบนผิวหน้า เป็นการล้างหน้าที่อ่อนโยนกับผิวหน้าเลยค่ะ ▪ สำหรับ Biore Cleansing Milk สูตรเดิมก็เป็น Cleansing Milk ที่ช่วยล้างเมคอัพออกง่ายมาก และอ่อนโยนต่อผิวหน้าอยู่แล้ว ไม่เกิดอาการแพ้ด้วย ว๊ายยย! ตั่ยล่าวว ยังจะดีได้อีกเหรอ ชะม่ะ จะดีอะไรเบอร์น้านนนน ??? ไม่ลองถือว่าพลาดค่ะ ไปลองหามาใช้ดูกันว่าดีแค่ไหน ▪ ขวดเป็นลักษณะหัวปั๊ม ซึ่ง Cleansing Biore หลายตัวหลายสูตรเป็นขวดปั๊มแทบทั้งนั้น เพราะง่ายต่อการคอนโทรลการหยดใช้ค่ะ สะดวกมาก ๆ เลยจริง ๆ ค่ะ ▪ เนื้อโลชั่นน้ำนม เป็นสีขาวหนืดข้นค่ะ สีเหมือนน้ำนม พอกดจากขวดจะสามารถคอนโทรลการหยดได้ว่าต้องการหยดกี่หยด กลิ่นคล้าย ๆ กลิ่นแบบเก่า ไม่เหม็นค่ะ ▪ เหมาะกับสภาพผิวแห้ง ผิวผสม ผิวปกติค่ะ เราเป็นคนผิวผสม คือมันในช่วง T zone ช่วงแก้ม หน้าผากจะแห้งค่ะ ซึ่ง Biore cleansing Milk สูตรใหม่นี้ดีมาก ๆ ส่วนตัวเราคิดว่าคนที่มีปัญหาเรื่องสิวก็ใช้ได้ดีเช่นกัน เพราะเนื้อโลชั่นล้างหน้าโดยวิธีนวดอย่างอ่อนโยนค่ะ ไม่เสียดสี ดังนั้นจะไม่ไปโดนสิวโดยตรงค่ะ สิวก็ไม่ถูกกระตุ้นอย่างแรง ผิวก็สะอาดได้เช่นเดียวกันค่ะ ▪ จากรูปตั้งแต่เช้าลงเมคอัดแบบจัดเต็มทุกสิ่ง ผ่านมลภาวะ ความมันบนใบหน้าสะสมกันมาทั้งวัน เมคอัพมีทั้งรองพื้น มาสคาร่ากันน้ำ เมคอัพคิ้ว ไฮไลท์ คอนซีลเลอร์ บรัชออน อายแชโดว์ พูดเลยจัดเต็มขนาดนี้ .... ▪ ลำดับการล้าง คือ การกดหัวปั๊มประมาณ 5 หยด ค่อย ๆ นวดจากหน้าผาก ข้างแก้ม จมูก นวดเบา ๆ สบาย ๆ อย่างอ่อนโยน จะสังเกตเห็นได้ชัดว่าเมคอัพค่อย ๆ ละลายออกมา นวดไม่นานก็สะอาดค่ะ ล้างสะอาดก็ไม่เกิดการอุดตันของสิ่งสกปรกที่เป็นสาเหตุของสิวค่ะ จุดสำคัญคือเราเน้นล้างที่ตากับคิ้วเป็นพิเศษ เพราะเป็นจุดศูนย์รวมของเมคอัพชนิด Waterproof หรือเรียกว่าเมคอัพกันน้ำนั่นแหล่ะค่ะ ถ้าล้างไม่สะอาด พวกมาสคาร่าที่เกรอะกรังคงเละเทะเลยค่ะ แต่ด้วยโลชั่นน้ำนมสูตรใหม่นี้มีประสิทธิภาพที่ดีมากขึ้น ทำให้การล้างหน้าทำได้ง่ายขึ้นมาก เหล่าอายแชโดว์ มาสคาร่าก็ค่อย ๆ หลอมละลายออกมาจากเปลือกตา ขนตา ขนคิ้วค่ะ ▪ จากรูปเราจะล้างหน้าทีละครึ่งเพื่อเปรียบเทียบความสะอาด ความชุ่มชื้นและแห้งตึงหลังการล้างหน้านะคะ ▪ พอล้างจริงด้านที่ล้างด้วย Biore Cleansing Milk เห็นได้ชัดว่า คราบเครื่องสำอางเมคอัพที่เราบรรเลงลงไปตั้งแต่เช้ายันเย็น ผสมกับสิ่งสกปรกมลภาวะ ความมันต่าง ๆ ด้านที่ถูกล้างด้วย Biore cleansing milk ก็ถูกชะล้างออกอย่างอ่อนโยนค่ะ และไม่เหลือสิ่งสกปรกตกค้างเป็นสิวอุดตันแน่นอนค่ะ ความรู้สึกตอนนี้เริ่มอยากล้างหน้าให้สะอาดจนหน้าสดแล้วค่ะ ล้างครึ่ง ๆ แบบนี้ยังรู้สึกสดชื่นแบบสุด ๆ ค่ะ ▪ ความรู้สึกหลังการล้างหน้าจนหน้าสะอาดใสกิ๊งจนเหลือแต่หน้าสด คือ หน้าใสแบบหมดจด ไม่เหลือคราบเมคอัพแล้ว หลังการล้างหน้านี้ ผิวจะดูสดใส สะอาด เฟรช และจุดเด่นคือ Biore Cleansing Milk สูตรใหม่ ไม่มี แอลกอฮอล์ ให้ค่า pH Balance เท่ากับผิวหน้า จึงทำให้หลังการล้างหน้า ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื้นไม่เกิดความแห้งตึงด้วยค่ะ ทั้งสะอาดหมดจด และสบายผิวมาก ๆ ค่ะ สะอาดขนาดนี้ รับรองว่าถ้าลงบำรุงต้องได้รับประสิทธิภาพการบำรุงครีมมากกว่าเดิมแน่นอนค่ะ ▪ นอกจากนี้เราพิสูจน์การทำความสะอาดแบบล้ำลึกมากขึ้นว่า Biore Cleansing Milk นี้เพียงแค่นวดแล้วล้างเท่านั้น แค่การทำความสะอาดแบบอ่อนโยนนี้จะสามารถล้างเอาเมคอัพที่สะสมตกค้างออกมาได้สะอาดแค่ไหน โดยใช้พัฟรองพื้น พัฟแป้ง แปรงบรัชออน และแปรงปัดคิ้ว ที่มักจะมีคราบเมคอัพตกค้างสะสม มารีวิวการทำความสะอาดแบบเข้าถึงล้ำลึกให้ดู เห็นได้ชัดว่าเพียงแค่นวดล้างด้วยโลชั่นน้ำนมของ Biore บนพัฟ บนขนแปรง พวกเมคอัพก็จะค่อย ๆ หลอมละลายออกมาจากเนื้อพัฟ และขนแปรงค่ะ แล้วพอล้างเท่านั้น เมคอัพก็ถูกล้างลงมา เห็นสีที่โลชั่นน้ำนมชะออกมาได้ชัดเลยค่ะ เพียงเท่านี้ทั้งพัฟ และแปรงก็สะอาดมาก ๆ พัฟไม่แตก ขนแปรงไม่หลุด เอาไปตากให้แห้ง พอแห้งก็พร้อมใช้อีกครั้งแล้วค่ะ ▪ หาซื้อได้ง่ายค่ะ ตามร้าน Watsons Boots Tsuruha ค่ะ ส่วนอันนี้เราซื้อที่ Top supermarket ค่ะ ในราคา 240 บาทค่ะ เพราะโปรที่ลดราคาของร้านอื่น ของหมดค่ะ (อยากจะร้องไห้ ขายหมดเชลฟ์เลย) ▪ ถึงแม้ว่า Biore จะทำแพ็คเกจจิ้งแบบขวดปั๊มมาเพื่อความสะดวกและง่ายต่อการกำหนดปริมาณการปั๊มแล้ว แต่เราอยากให้ทำแบบบีบขนาดเล็กสำหรับพกพาด้วยค่ะ ถึงแม้ว่าจะมีแบบพกพาแบบทิชชู่ทำความสะอาดเมคอัพ แต่เราชอบการทำความสะอาดแบบโลชั่นน้ำนมมากกว่า เพราะคิดว่ามันให้ความชุ่มชื้นและอินถึงความสะอาดมากกว่าค่ะ

▪ ก่อนหน้านี้เคยได้ใช้ครีมทาผิวเมือกหอยทาก snail white ซึ่งติดตามจากบล็อกเกอร์คนนึง ต่อมาก็เห็นบล็อกเกอร์ใช้ครีมอาบน้ำ Namu Snail White ว่าเป็นครีมอาบน้ำที่นุ่มชุ่มชื้น ผิวจะผ่องใสสวยดูสุขภาพดี นั่นคือจุดเริ่มต้นของการที่อยากจะลอง snail white creme body wash ค่ะ ▪ ▪ ▪ สำหรับเริ่มแรกเลย เราเริ่มมีโอกาสลอง Namu smail white creme body wash ได้ไม่นานค่ะ โดยเริ่มจากมีตัวอย่างส่งมาให้ทดลองใช้ พอลองใช้แล้วก็รู้สึกประทับใจในหลายอย่าง ตั้งแต่รูปแบบการให้เนื้อครีมเกิดเป็นฟองแล้วมาชโลมฟองทำความสะอาดบนผิวกาย ให้ความรู้สึกละมุนนุ่มผิวมาก เป็นความนุ่มที่แตกต่างจากเนื้อโฟมสบู่เหลวอาบน้ำที่เคยใช้อยู่เป็นประจำค่ะ จากนั้นก็เลยไปซื้อมาเพิ่มค่ะ ยิ่งมีโปรก็ยิ่งตุนเลยค่ะ ▪ เนื้อครีมอาบน้ำ กึ่งเหลวกึ่งหนืดเหมือนชีสค่ะ กดจากขวดปั๊มทีก็เป็นสายสีขาวค่ะ แบบฉบับ Snail white เมือกหอยทากค่ะ ▪ ในรีวิวเราเป็นสูตร Natutal White Cavier Lime เป็นสูตรฟื้นบำรุงผิวหมองคล้ำ ให้ผิวดูกระจ่างใสสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ ค่ะ ซึ่งมีรายละเอียดว่ามีส่วนผสมของผลไม้ที่มีแหล่งกำเนิดในประเทศออสเตรเลีย อุดมด้วยสารผลัดผิวกรดผลไม้ AHAs มีค่า pH5.5 ช่วยผลัดผิวให้ขาวกระจ่างใสอย่างอ่อนโยน สำหรับคำเคลมว่า มี PENTAVITIN ที่ช่วยรักษาความชุ่มชื่นได้ยาวนาน เมือกหอยทาก : ช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิว ให้ผิวกลับมาแข็งแรง มีสุขภาพดี ▪ ความรู้สึกในการสัมผัสกับโฟมฟองอาบน้ำ เป็นโฟมเมือกหอยทากที่ละเลงฟองง่าย ตีฟองได้ละเอียด และให้ฟองที่นุ่มเนียน ด้วยความนุ่มเนียนแบบนี้ ทำให้สนุกกับการอาบน้ำมากยิ่งขึ้น ลืมใช้ตาข่ายตีฟองไปเลย เพราะเหมือนแค่เพียงลูบไล้ไปตามผิวกายรู้สึกเหมือนกำลังตีผิวให้ฟูเลยค่ะ กลิ่นหอมอ่อน ๆ เหมือนกลิ่นกรดผลไม้ กลิ่นไม่ฉุนไม่หอมแรงเด่นอะไรมาก ถือว่าหอมเบา ๆ ผ่อนคลาย ขนาดที่ว่าเป็นฟองโฟม แต่ก็ยังให้ความยืดหนืดได้อีก ยืดอะไรเบอร์นั้น นึกถึงพิซซ่าชีสค่ะ ตามรูปในรีวิวเห็นได้ชัดเจนค่ะว่ายืดได้แม้เป็นโฟมละเอียด มัน feel good มากค่ะ และเนื้อครีมอาบน้ำที่มีสารสกัดจากเมือกหอยทาก จะช่วยให้ผิวสะอาด ฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว รวมทั้งปกป้องแบคทีเรียบนชั้นผิวค่ะ ล้างทำความสะอาดฟองออกได้ง่าย รู้สึกผิวลื่น ไม่แห้งกร้าน ไม่ตึงผิวค่ะ ▪ เราใช้อาบน้ำเช้าและก่อนนอนทุกวันค่ะ ระยะเวลาช่วง 1 อาทิตย์นี้ค่ะ ก่อนหน้านี้ใช้มาเดือนนึง แต่ใช้แค่ก่อนนอน เพราะไม่สะดวกใช้ช่วงเช้า กิจวัตรเช้ารีบมาก ๆ แต่ครั้งนี้เราลองใช้ทั้งเช้ากับก่อนนอนค่ะ ▪ ความรู้สึกหลังอาบน้ำเสร็จ ผิวผ่องใส ผิวนุ่มชุ่มชื้น ดูกระจ่างใส ไล้ผิวแล้วเนียนละเอียดละมุนผิวค่ะ ถ้าได้ใช้อยู่ติดต่อกันหลายครั้งจะรู้สึกได้ว่าผิวละเอียดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป อาบน้ำเสร็จสดชื่นสบายกายมากกว่าที่เคยค่ะ ดูตามรูปรีวิวนะคะ ▪ สำหรับเรื่องการที่ผิวจะขาวขึ้นหรือไม่ สำหรับเราเป็นคนผิวขาวอยู่แล้ว ตรงนี้เราบอกได้ว่าผิวที่เคยหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอกันจะค่อย เปล่งปลั่งดูใสขึ้นค่ะ ผลลัพธ์สำหรับเรื่องการฟื้นฟูบำรุงผิว snail white ได้อัดแน่นมาในรูปแบบครีมอาบน้ำลงในขวด และผลลัพธ์ทำได้ไม่แพ้ครีมบำรุงผิว Snail White ในไลน์เลยนะคะ ▪ ข้อด้อยคือ มีแต่แพ็คเกจจิ้งขนาดใหญ่ แบบเล็กใส่ขวดไม่เคยเห็นเลย เราอยากให้มีครีมอาบน้ำแบบพกพา outdoor ค่ะ เพราะถ้าต้องไปค้างที่อื่น แล้วอยากใช้ snail white creme body wash เราไม่สะดวกพกพาไปแบบซองจริง ๆ ค่ะ ขนาดใหญ่นี่ก็ยากเกินจะพกไปไหนมาไหนเช่นกัน พูดรวมถึง snail white cream ด้วยเช่นกันค่ะ จัดเซ็ตขนาดเล็กสำหรับเดินทางด้วยจะดีมาก ๆ เลย ▪ ข้อดีอีกอย่างคือ โปรโมชั่นจัดบ่อยมาก ทำให้เราก็จะสามารถรอโปรซื้อได้ โปรดีแบบนี้จัดเอาใจแฟนคลับ snail white ในทุกมุมเมือง หาง่ายตามร้าน drug store เช่น วัตสัน บู๊ท บิ๊กซี โลตัสค่ะ ((((โพสครั้งแรกวันที่ : 19 Feb 2017)))) Edit ครั้งที่ 1 แก้ไขคำ Edit ครั้งที่ 2 แก้ไขคำ

โฟมนุ่ม แบบฟูๆหน้า รู้สึกละมุนมาก สะอาดหมดจดต่อผิวหน้า เพิ่งทดลองใช้แรกๆ ก็จะลองใช้ต่อไปอีกพักถึงจะทราบผลระยะยาว

ต้องเซ็ตผมไปทำงานทุกเช้า ต้องรีดผมให้เรียบตรง นานเข้าผมเสีย พอได้มาใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ผมค่อยๆฟื้นฟูสภาพ และไม่พันกันค่ะ

รู้สึกสดชื่นมั่นใจ และทำความสะอาดคราบสกปรกได้ดีค่ะ

เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพื้นฐานที่ใช้ต่อเนื่องมาตลอด 3-4 ปีนี้ ตั้งแต่เริ่มต้นบำรุงผิวเลยก็ว่าได้ คุณสมบัติผลิตภัณฑ์ที่สัมผัสได้จริงคือ ช่วยบำรุงผิวให้แข็งแรงขึ้น ดูกระจ่างใส ผิวที่เคยหมองคล้ำก็ดูขาวสดใสขึ้นค่ะ และไม่เคยทำให้เกิดอาการแพ้กับผิวเราค่ะ ทำให้เราพอใจสำหรับผลลัพธ์ที่ได้จากซีรั่มค่ะ รวมทั้งสามารถหาซื้อได้ตาม Shop oriental princess ซึ่งมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับสมาชิกอย่างสม่ำเสมอค่ะ

เราใช้ NIVEA EXTRA WHITE MAKE UP STARTER 3in1 ก่อนเริ่มแต่งหน้าในช่วงเช้า เห็นคำโปรยว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้เตรียมพร้อมผิวหน้าก่อนการแต่งหน้า ผสมสารบำรุงผิวหน้าเพื่อความกระจ่างใส รักษาความชุ่มชื้น และกันแดดได้ด้วย จากการใช้ต่อเนื่อง 1 อาทิตย์นะคะ เนื้อครีม : สีขาว เนื้อเบา หอมอ่อน ๆ ค่ะ ลักษณะเป็นครีมบำรุงมากกว่าการเป็นไพรเมอร์ค่ะ ไม่หนักเท่าเนื้อครีมกันแดดค่ะ แต่เราได้ลงครีมกันแดดก่อนใช้ EXTRA WHITE MAKE UP STARTER 3IN1 แล้วค่ะ รีวิวผลการใช้ : ประสิทธิภาพการบำรุง ความกระจ่างใสใด ๆ ส่วนตัวเราไม่มีผลชัดเจนเพราะโดยปกติเรามีการบำรุงดูแลผิวอย่างดี และทากันแดดก่อนแต่งหน้าอยู่แล้ว ดังนั้นหากจะกล่าวในเรื่องของการเป็นพรีเมคอัพ เราจะเห็นชัดเจนกว่าค่ะ นั่นคือ การซึมแห้งไวของเนื้ออยู่ในระดับปานกลางค่ะ ไม่เป็นคราบตกค้างเคลือบผิวหน้า หน้าไม่รู้สึกหนัก สบาย ๆ กับผิวค่ะ หลังจากลงครีม เราก็ลงเครื่องสำอางตามลำดับปกติค่ะ การลงรองพื้น แป้งฝุ่นปัดได้ลื่นผิวดี ไม่ติดขัดขนแปรงแต่งหน้า ไม่เหนียวผิวหน้าค่ะ ผ่านฉลุยในส่วนนี้ค่ะ ลำดับต่อมา ในระหว่างวัน โดยปกติเราเป็นคนผิวผสม ทีโซนจะมันไวกว่าบริเวณอื่น เรามักจะเลือกเมคอัพเนื้อแมทไว้ก่อนค่ะ สำหรับหลังจากการใช้ EXTRA WHITE MAKE UP STARTER 3IN1 ก่อนเมคอัพนั้น ในช่วงบ่ายถึงเย็น ผิวหน้าเราก็ยังมีเมคอัพเกาะได้ดีอยู่ค่ะ ความมันเริ่มมีบ้าง แต่ก็ไม่ถือว่าสาหัสอะไร ดูเป็นลุคโกลว ๆ มากกว่าค่ะ ในส่วนนี้เราถือว่า EXTRA WHITE MAKE UP STARTER 3IN1 ถือว่าผ่านได้ในระดับนึงเช่นกันค่ะ ส่วนในคำเคลมว่า เร่งฟื้นบำรุงเซลล์ผิว คล้ำเสีย หมองโทรมและจุดด่างดำจากเมคอัพ ให้กลับมากระจ่างใส ดูอิ่มน้ำ ดุจมีออร่าใน 14 วัน ก็อาจจะไม่ชัดเจนกับเรานัก เพราะเราไม่มีปัญหาในส่วนนั้นเท่าใดนัก แต่พรีเมคอัพตัวนี้ก็ทำให้เราหน้าตาสดใสขึ้นได้เพราะทำให้เมคอัพไม่ลบเลือน อยู่ได้ทั้งวันค่ะ สำหรับพรีเมคอัพนี้เป็นพรีเมคอัพที่เราสามารถบอกเพื่อนได้ค่ะว่าน่าสนใจมีประสิทธิภาพในราคาที่น่าคบค่ะ

หลังจากได้ทดลองใช้ Neutrogena Hydro Boost Water Gel แล้ว สิ่งที่สังเกตได้เลยคือ เนื้อสัมผัสของครีมค่อนข้างบางเบา อ่อนโยน ซึมซาบเข้าสู่ผิวหน้าได้ง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ มีกลิ่นเฉพาะของไลน์เฉพาะนี้ เราใช้ก่อนนอนติดต่อกันประมาณ 3 อาทิตย์แล้ว ตื่นมาตอนเช้าผิวนุ่มชุ่มชื้น เมื่อผิวได้รับการดูแลเต็มที่ ทำให้การแต่งหน้าง่ายขึ้นด้วย สำหรับผลลัพธ์ ครั้งนี้ รู้สึกประทับใจในการใช้ Neutrogena Hydro Boost Water Gel Hydro Boost Water Gel นะคะ สำหรับเราเราว่าในช่วงหน้าหนาว เนื้อครีมยังค่อนข้างบางเบา ก็จำเป็นจะต้องหาครีมตัวอื่น ๆ ที่มีส่วนผสมที่่เข้มข้นขึ้นมาใช้เสริมร่วมกันค่ะ เพราะเรากลัวผิวจะแห้งเกินไป เนื่องจากว่าเราเป็นคนผิวแห้ง แถมกินน้ำน้อยด้วยค่ะ