ลดน้ำหนัก

กิจกรรมลดน้ำหนักแบบพนักงานออฟฟิศ 1 เดือน ลดได้ 5-10 กิโลกรัม

75,748

24 ก.พ. 2559

เรื่องลดน้ำหนักเขียนได้ไม่มีซ้ำ เพราะเอาเข้าจริง ๆแล้ว วิธีการลดน้ำหนักก็มีอยู่มากมาย อยู่ที่ว่าจะทำกันหรือเปล่าเท่านั้นเองใช่ไหมล่ะ? ก็สาเหตุสำคัญจะมีอะไรนอกจากมาจากวิถีชีวิตที่ไม่เคยใช้พลังงาน และการกินอย่างไม่คิดถึงอนาคตนั่นไง ในเมื่อมีเหตุผลหลักสองอัน ก็มีจัดการกับทั้งสองอันนี้ ตรรกะถูกต้องแล้วค่ะ

ถ้ากิจวัตรประจำวันของคุณคือ ตื่นนอนงัวเงีย อาบน้ำแต่งหน้าแต่งตัวให้สวยที่สุดแล้วออกจากบ้านไปถึงที่ทำงาน ขึ้นลิฟท์ ติ๊ด ๆ บัตร หรือสแกนนิ้ว เข้าออฟฟิศ นั่ง นั่ง นั่ง ลุกอีกทีคือเที่ยงแล้วก็ลงลิฟท์ไป กิน กิน กิน พกกลับมากินที่ออฟฟิศด้วย ก็คือ นั่ง นั่ง กิน กิน ตกเย็น ลงลิฟท์ กลับบ้าน ถึงบ้าน นอนแผ่ ลุกขึ้นมารับประทานมื้อเย็น เสร็จแล้วอาบน้ำนอน....จบ กลับไปเริ่มใหม่!!

สรุปในหนึ่งวันเรากินเข้าไป 2,000 - 3,000 กิโลแคลอรี่ แต่ใช้พลังงานไป 500 - 1,000 กิโลแคลอรี่ ที่เหลือคือสะสม เอาไว้เนิ่นนาน นับหลายปี จนกลายเป็นไขมันเกาะตามแขนตามขา และยิ่งอายุมากขึ้น ก็ยิ่งเผาผลาญแย่ลงใช่ไหมล่ะ?? ถ้าขืนปล่อยไว้แบบนี้คงกลายเป็นหมูอ้วนเข้าแน่นอน ต้องมาเปลี่ยนกิจวัตรกันใหม่แล้วละ! มาดูกันว่าต้องเริ่มจากตรงไหน!

ตื่นเช้า ลุกขึ้นดื่มน้ำ 2-3 แก้ว หยิบโทรศัพท์มือถือเข้าไปในห้องน้ำ แล้วเปิดดนตรี อาบน้ำไปเคลื่อนไหวไปตามจังหวะ หรือจะสลับกันไปก็แล้วแต่ ได้ความกระปรี้กระเปร่า ได้ใช้พลังงานมากขึ้น และมีความสุขจากเสียงดนตรี

ขับรถออกไป ก็เปิดดนตรีที่มีจังหวะขยับไปด้วยกันได้ รถติดก็โยกย้ายตัวเองบ้าง เพิ่มการเผาผลาญเข้าไป

ทานมื้อเช้าแบบพร่องมันเนย** แนะนำไข่ลวก 2 ฟอง ขนมปังโฮลวีต กาแฟ น้ำผลไม้ และผลไม้สด

อย่าลืมใช้บันไดแทนลิฟท์ด้วย**

พักเที่ยง เดินลงบันไดไปรับประทานมื้อเที่ยง เมื่อรับประทานเสร็จ ก็เดินขึ้นลงบันได 4-6 รอบ ช้า ๆ ก่อนเข้าไปนั่งทำงาน

เลิกงาน ถ้าขับรถไปทำงาน ให้แวะสวนสาธารณะสัปดาห์ละ 2- 3 ครั้ง เปลี่ยนรองเท้าวิ่ง แล้วออกไปเดินแกว่งแขน

พอถึงวันเสาร์-อาทิตย์ ให้เลือกกิจกรรมปั่นจักรยานวันละ 1 ชั่วโมง หรือว่ายน้ำวันละ 1 ชั่วโมง

ให้เลือกรับประทานแป้งเฉพาะมื้อเช้า** ส่วนมื้อเที่ยวให้ลดแป้งหรืองดได้ก็ดี มื้อเย็นงดเลย ทานแต่ผักกับเนื้อสัตว์แบบไม่ทอด

รับประทานตามนี้ให้อิ่ม และควรมีโปรตีนจากเนื้อปลา ไข่ ถั่วเป็นหลัก ทุกวัน แป้งต้องเป็นแบบไม่ขัดขาว ให้ทานน้อย ๆ ผักหลากสีและผลไม้ต้องมีทุกวันด้วย

นอกจากนี้ควรดื่มน้ำเย็น** (ไปกระตุ้นการเผาผลาญ) ตลอดวัน ครั้งละ 2-3 อึก ให้ได้วันละ 2-3 ลิตร

ถ้าทำตามนี้จริง ๆ คนที่ไม่อ้วนมากน่าจะลดได้ประมาณ 5 กิโลกรัมใน 1 เดือน ส่วนคนที่น้ำหนักส่วนเกินเยอะมาก ก็จะลดได้มากกว่านี้ ไม่ใช่สูตรลี้ลับอะไร เพียงทำตามความเป็นเหตุและผล เมื่อสามารถเอาพลังงานสะสมออกไปด้วยการมีกิจกรรมมากขึ้น ร่างกายใช้พลังงานมากขึ้น และเลือกรับประทานอาหารที่ไม่เหลือพลังงานสะสมไว้อีก พอลดน้ำหนักลงแล้วก็จะขึ้นยากแล้วหละค่ะ สู้ ๆ เดือนเดียวก็ลดได้แล้ว :)

เรียบเรียงข้อมูลโดย : เว็บรีวิวเครื่องสำอาง cosmenet.in.th